ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 437-438
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 437 เปิดเผยตรงไปตรงมา / ตอนที่ 438 ท่านอ๋องเต็มใจ
ตอนที่ 437 เปิดเผยตรงไปตรงมา
หลังจากทานอาหารจนหมดแล้ว ฉู่เกอก็หันไปทางอวี้อาเหรา แล้วว่า “พี่เหราเอ๋อร์ ตอนนี้ก็มืดแล้ว คืนนี้ท่านจะค้างที่นี่หรือไม่”
ไม่ต้องรอให้อวี้อาเหราได้เอ่ยปาก ฉู่ป๋ายก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ อีกสักครู่จะให้คนไปส่งนางกลับจวนหลิงอ๋อง”
“อา เหตุใดไม่ให้นางพักที่นี่เสียเล่า” ฉู่เกอไม่พอใจ
“นางเป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง ที่นี่คือจวนเซิ่นอ๋อง จะให้ค้างได้อย่างไร?” น้ำเสียงเย็นชาของฉู่ป๋ายเอ่ย
ฉู่เกอจึงพยักหน้าลง “ที่ท่านพูดมาก็ถูก”
ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ก็คงเท่ากับพูดว่าหญิงชายไม่ควรอยู่ร่วมห้องใช่หรือไม่?
อวี้อาเหราฟังฉู่ป๋ายตัดสินใจแทนนาง นางจึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก
นางอยู่ที่จวนเซิ่นอ๋องมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ทางจวนหลิงอ๋องคงร้อนใจแย่
หลังจากดื่มชาสักพัก อวี้อาเหราก็นั่งรถม้าของจวนเซิ่นอ๋องกับกลับจวนกับเมี่ยวอวี้
ฉู่เกอที่ยืนอยู่หน้าประตูมองฉู่ป๋ายอย่างไม่พอใจนัก “เหตุใดต้องให้พี่เหราเอ๋อร์กลับไปด้วย”
“ก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าที่นี่คือจวนเซิ่นอ๋อง” ฉู่ป๋ายถามกลับ หากฟังดูก็จะได้ยินกระแสความรำคาญอยู่ในน้ำเสียงนั้น
ฉู่เกอไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง นางมองฉู่ป๋ายอย่างสำรวจตรวจตรา ก็เห็นว่าเขากำลังมองเงาของรถม้าที่กำลังจากไปไกล ยังไม่ทันที่จะคืนสติ จากนั้นก็ว่า “เหตุใดข้าเห็นว่าท่านจะเป็นคนที่ไม่อยากให้พี่เหราเอ๋อร์กลับไปที่สุดเล่า…”
สายตาเย็นชาของฉู่ป๋ายมองมา นางจึงหุบปากในทันที
ในยามที่นางคิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรอีกแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงแผ่วๆ ทุ้มต่ำดังขึ้นมา
“มาถึงจวนเซิ่นอ๋อง ต้องให้เปิดเผยตรงไปตรงมา…”
เปิดเผยตรงไปตรงมา? ฉู่เกอชะงักอยู่ที่เดิม
ยามที่อวี้อาเหรามาถึงจวนหลิงอ๋อง ยังไม่ทันเข้าไปที่เรือนพักก็มองเห็นร่างขององครักษ์ข้างกายของหลิงอ๋องยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนางและเมี่ยวอวี้กลับมาแล้ว เขาก็รีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาอย่างยินดี “ในที่สุดคุณหนูรองก็กลับมาแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบว่าท่านไปจวนเซิ่นอ๋อง ไม่ต้องพูดเลยว่าทรงวิตกเพียงใด หลังจากเสวยแล้วก็ทรงเข้าไปรอในห้อง หากท่านกลับช้ากว่านี้ คิดว่าท่านอ๋องคงจะส่งคนไปตาม”
“เสด็จพ่ออยู่ด้านในหรือ” อวี้อาเหราชะงัก
“ขอรับ นอกจากท่านอ๋องแล้ว อนุรองและอนุสามก็อยู่ด้านในด้วยขอรับ” องครักษ์ตอบ
“อืม ข้ารู้แล้ว” อวี้อาเหราไม่พูดอะไรอีก โบกมือแล้วก้าวเข้าไปในเรือน
เมี่ยวอวี้ที่เดินข้างๆ นางขมวดคิ้วขึ้นมา “คุณหนู เมื่อวานท่านออกจากจวนไปพร้อมท่านหญิงกะทันหัน แน่นอนว่าท่านอ๋องจะต้องทรงเป็นกังวลมาก ได้ยินว่าอนุรองและอนุสามอยู่ที่นี่ด้วย พวกนางอาจพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดกับท่านอ๋อง พวกเราต้องระวังตัวหน่อยนะเจ้าคะ”
“อืม” อวี้อาเหรารับคำนิ่งๆ
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็เห็นหลิงอ๋องนั่งดื่มชาจากที่ไกลๆ ที่นั่งอยู่ด้านข้างคืออนุรองที่ลูบท้องของตัวเองอยู่และอนุสามที่ยืนข้างๆ เมื่อพวกนางเห็นอวี้อาเหราเดินเข้ามา อนุสามก็ยิ้มเยาะ
“อ๊ะ ในที่สุดคุณหนูรองของพวกเราก็ยอมกลับมาแล้ว”
“ข้าจะยอมหรือไม่ยอมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ” อวี้อาเหรากลอกตาแล้วถามกลับ
อนุสามโดนถามเช่นนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร หันไปมองหลิงอ๋องอย่างเป็นทุกข์เศร้า น้ำเสียงอ่อนแรงกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ท่านดูสิเพคะว่าคุณหนูรองพูดว่าอะไร หม่อมฉันทีสถานะต่ำต้อยก็จริง แต่อย่างไรก็เป็นอนุสามของท่านอ๋อง คุณหนูรองเป็นธิดาเอก หากพูดกับหม่อมฉันเพียงสองคนหม่อมฉันก็คงไม่กล้าปริปาก แต่หากมีคนอื่นได้ยินเข้าจะว่าจวนของเราสั่งสอนไม่ดีนะเพคะ”
เมื่อได้ยินอนุสามพูดเช่นนี้ สีหน้าที่ยินดีเมื่อเห็นอวี้อาเหราก็เย็นชาลง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วมองนางอย่างไม่ใคร่ยินดีนัก
ตอนที่ 438 ท่านอ๋องเต็มใจ
“อนุสามกล่าวได้ไม่เลว เจ้าควรจะมีกิริยาอย่างคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์บ้าง เรียกนางว่าท่านอนุสักหน่อยก็ถือว่าเป็นการเคารพผู้อาวุโส”
อวี้อาเหรากัดริมฝีปาก “เสด็จพ่อ”
อนุสามเห็นนางถูกว่ากล่าว คิ้วตาก็เผยให้เห็นถึงความยินดี
“ที่เสด็จพ่อสั่งสอนลูกนั้นไม่ผิดเพคะ เพียงแต่ตอนนี้สุขภาพลูกไม่พร้อม คงไม่อาจเรียกอนุสามว่าท่านอนุได้ วันหน้าลูกจะขอรับโทษเองเพคะ” ขณะที่พูดนั้น อวี้อาเหราก็นำมือมานวดขมับไปด้วย ราวกับมีท่าทีเป็นทุกข์เป็นร้อนเป็นอย่างมาก เมื่อหลิงอ๋องเห็นดังนี้ก็ตื่นตัวขึ้นมา
“สุขภาพไม่อำนวยหรือ? เมี่ยวอวี้ เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาดูอาการเร็ว”
“เพคะ” เมี่ยวอวี้กำลังจะเดินจากไป แต่กลับถูกอวี้อาเหราเรียกตัวเอาไว้ “เสด็จพ่อ อย่าได้รบกวนท่านหมอหลวงถึงเพียงนั้นเลยเพคะ ลูกเพียงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเท่านั้น อยากจะพักผ่อนเสียหน่อย รอลูกพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วจะได้ขออภัยอนุสามเพคะ”
หลิงอ๋องเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รีบส่ายหน้าในทันที “ในเมื่อร่างกายของเจ้ายังไม่พร้อม แน่นอนว่าไม่ต้องสนใจเรื่องของอนุสามหรอก พ่อจะพยุงเจ้าไปที่เตียงเอง”
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ” อวี้อาเหราก้มหน้าลง ยิ้มน้อยๆ ไปทางอนุสาม
อนุสามกำหมัดแน่นอย่างแค้นเคือง อดไม่ได้ที่จะพูดกับหลิงอ๋องว่า “ท่านอ๋อง เมื่อครู่นี้ ทรงตรัสว่าคุณหนูรองออกไปจากจวนโดยพลการมิใช่หรือเพคะ เมื่อนางกลับมาแล้วท่านอ๋องจะ…”
ยังไม่ทันพูดคำว่าลงโทษลงจบคำ หลิงอ๋องก็ขัดขึ้นอย่างรำคาญ “เจ้าไม่เห็นหรือว่านางป่วยถึงเพียงนี้?”
“เพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว” เมื่อถูกจ้องมองเช่นนี้ อนุสามก็ไม่กล้าจะพูดอะไรแม้แต่ครึ่งคำ
เมื่อเห็นหลิงอ๋องพยุงอวี้อาเหราอย่างระมัดระวัง จึงหันไปมองอนุรองที่นั่งอยู่ด้วยอาการสงบอย่างไม่พอใจ “พี่สาว ท่านดูสิเจ้าคะ อวี้อาเหราผู้นี้บังอาจยิ่งนัก ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย”
อนุรองค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าน่ะสิช่างบังอาจนัก ทั้งหมดนั้นล้วนขึ้นอยู่กับท่านอ๋อง แล้วเจ้ากับข้าจะทำอะไรได้?”
นับตั้งแต่เมื่อคืนวานที่อวี้จื่อเยียนถูกลงตีเสียจนมีสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกส่งไปยังหนานย่วนอีก ตอนนี้นางก็ไม่สนใจอวี้อาเหราอีก นางกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะปล่อยเยียนเอ๋อร์ออกมาได้ เมื่อครู่นี้ก็เป็นอนุสามที่ลากนางมา นางขี้เกียจจะคัดค้านจึงตามมาด้วย
หลิงอ๋องมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายหนานย่วน นางไม่อาจไปเยี่ยมได้ ตอนนี้ในใจของนางจึงร้อนรนเหมือนถูกไฟสุม
ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาสนใจอวี้อาเหราอีก?
อนุสามเห็นท่าทีไม่สนใจไยดีของนางก็เงียบไป
หลังจากหลิงอ๋องส่งอวี้อาเหรานอนลงบนเตียงแล้ว พูดคุยกันอยู่ไม่กี่คำก็ถอยออกมา แล้วนำตัวอนุรองและอนุสามออกไปจากเรือนพัก
อวี้อาเหรามองไปด้านนอก แล้วถามเมี่ยวอวี้ “พวกเสด็จพ่อไปหรือยัง?”
“ไปแล้วเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ตอบ
อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างพอใจ “ไปแล้วก็ดี”
หลังจากพูดจบ นางก็ลุกขึ้นนั่ง หันไปสั่งเมี่ยวอวี้ “ข้ากระหายน้ำยิ่งนัก เจ้าไปชงมาจากด้านนอกมาให้ข้าเถิด”
“ได้เจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ได้ยินคำสั่งก็ออกไปชงชา ชั่วพริบตาก็ยกชาร้อนๆ เข้ามา หลังจากที่อวี้อาเหรากลืนลงท้องไปก็รู้สึกสบายขึ้นโข ในยามนี้ อวี้อาเหรามองนาง แล้วอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ “เมื่อครู่นี้บ่าวเห็นอนุรองนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน จึงรู้สึกแปลกใจ ปกตินางจะต้องหาโอกาสให้ร้ายคุณหนู แต่วันนี้ทำไมไม่พูดอะไรสักคำเลยเล่าเจ้าคะ”
“เหอะ เหตุใดนางจะจำเรื่องของลูกสาวตัวเองไม่ได้เล่า? ตอนนี้นางเข้าไปในหนานย่วนไม่ได้ แต่ข้านั้นเข้านอกออกในได้ทุกที่ หากนางกล้าที่จะยั่วโมโหข้า จะไม่กลัวข้าลงมือกับอวี้จื่อเยียนเชียวหรือ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่านางถึงไม่พูดอะไรสักคำ เพราะพวกนางสองคนชอบยุแยงตะแคงรั่ว มิเช่นนั้นคงไม่อาจหลบฉากเช่นนี้หรอกนะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้มั่นใจขึ้นมา