ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 445-446
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 445 ช่างอกตัญญู / ตอนที่ 446 เจ้าโกหก
ตอนที่ 445 ช่างอกตัญญู
ยามนั้น ในที่สุดหมอหลวงก็ละออกจากข้อมือของอวี้อาเหรา เก็บผ้าเช็ดหน้าที่กางเอาไว้ออก แล้วจึงทำความเคารพไทเฮาด้วยตัวสั่นงันงก แต่กลับถูกไทเฮาตัดบท “ท่านหมอ ไม่ต้องมากพิธี”
“พ่ะย่ะค่ะ” อายุของหมอหลวงช่างแก่ชรานัก แม้แต่เรื่องที่จะถวายความเคารพก็เป็นเรื่องยาก จึงถูกขันทีอายุน้อยที่อยู่ด้านหลังช่วยพยุงขึ้นมา แล้วจึงค่อยพูดว่า “ทูลองค์ไทเฮา จากการตรวจชีพจรของคุณหนูรองพบว่านางป่วยเป็นไข้หนาวสั่นจริง มาถึงตอนนี้อาการก็ดีขึ้นแล้วเล็กน้อย แต่ต้องบำรุงร่างกายเสียหน่อยจึงจะดี มิเช่นนั้นจะป่วยหนัก ยากที่จะหายดีเหมือนเดิม”
ไทเฮาและทุกคนต่างตกใจ
จวินฉางอวิ๋นเป็นผู้ที่ไม่เชื่อถือในคำพูดของเขามากที่สุด “หมอหลวง ที่เจ้าพูดนั้นหมายความว่านางป่วยเป็นไข้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี แต่เหตุใดสีหน้าของนางจึงดูดีนัก ดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย?”
คำพูดของเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
หมอหลวงได้ยินน้ำเสียงของเขาที่ไถ่ถาม สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่ชอบใจ น้ำเสียงแหบสั่นนั้นเข้มขึ้นมากโข สองคิ้วขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย “องค์รัชทายาทกำลังสงสัยฝีมือการแพทย์ของกระหม่อมใช่หรือไม่? กระหม่อมตรวจชีพจรมาทั้งชีวิตของกระหม่อมเอง ไหนเลยจะตรวจพลาดได้ หากแม้แต่กระหม่อมยังตรวจอาการไม่ได้ คงไม่มีใครในวังหลวงนี้ที่จะสามารถตรวจโรคได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
พูดไปพูดมา เขาก็กระแอมไอขึ้นเพราะความโกรธ
“ท่านหมออย่าได้โกรธเคืองเลย” ไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงดีๆ “รัชทายาทไม่ได้สงสัยในฝีมือการแพทย์ของท่านหมอ เพียงแต่เขาสงสัยว่าคุณหนูรองได้ทานยาหรืออะไรที่ทำให้แกล้งป่วยขึ้นมาได้หรือไม่”
ความโกรธของหมอหลวงจางหายไป แล้วจึงดีขึ้นมาก “ทูลไทเฮา ภายในร่างกายของคุณหนูรองนั้นไม่ยาอะไรที่จะทำให้แสร้งป่วยได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนี้ อวี้อาเหราก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นางตกใจเสียแทบแย่
“ส่งท่านหมอไปพักผ่อนด้วย” ไทเฮาพยักหน้า เป็นการแสดงว่านางเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแล้ว
สีหน้าของจวินฉางอวิ๋นเปลี่ยนไปเป็นไม่น่ามองมากขึ้น ดำคล้ำกว่าก้นหม้อที่ใช้หุงข้าวมาเป็นเวลานานเสียอีก
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้? เหตุใดจึงไม่มี? เขาเห็นนางกินยานั่นเข้าไปชัดๆ
พอถึงตอนนี้เขาจึงค่อยเข้าใจขึ้นมา ยานั้นเป็นใครที่ให้มาเล่า? ก็เซิ่นซื่อจื่อนั่นอย่างไร! ฝีมือทางการแพทย์ของเขานั้นเก่งกาจกว่าผู้ใด ไหนเลยจะมอบยาที่จะให้ผู้อื่นจับได้ง่ายๆ ไม่ใช่ว่าหมอหลวงชรามีฝีมือไม่ดี แต่ฉู่ป๋ายมีฝีมือที่ร้ายกาจกว่า
ในยามนั้น เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนฟันแทบแตก!
อวี้อาเหรามองไปทางจวินฉางอวิ๋น สายตาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก “ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาททรงพอพระทัยหรือไม่”
“หึ” จวินฉางอวิ๋นว่า ไม่สนใจคำพูดของนาง
แต่อวี้อาเหรากลับไม่โกรธเคือง ยังคงพูดต่อไปว่า “องค์รัชทายาท ต่อไปหากจะทรงตรัสอะไรก็ขอให้ทรงมีความจริงใจบ้าง อย่าให้ทรงเล่นสนุกจนคนอื่นไม่สนุกด้วยเช่นนี้ และยังทำให้องค์ไทเฮาทรงหนักพระทัยอีก อย่างนี้ถือว่าอกตัญญูมิใช่หรือเพคะ”
“เจ้ากล้าบอกว่าข้าอกตัญญูหรือ!” จวินฉางอวิ๋นโกรธเคืองขึ้นมาทันที
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร นางก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ไทเฮามองอวี้อาเหรา แม้จะบอกว่าเมื่อครู่นี้นางก็พูดเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่โทษถ้านางจะโกรธ เป็นเพราะจวินฉางอวิ๋นก่อเรื่องขึ้นมาเอง เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้นางก็ทำได้แต่เพียงแย้มยิ้มประนีประนอม “คุณหนูรองคงจะโกรธกระมัง รัชทายาทมีนิสัยเช่นนี้อยู่เสมอ คงต้องขออภัยด้วย”
“อาเหรามิกล้า” เมื่อเผชิญหน้ากับความสุภาพของไทเฮา อวี้อาเหราก็ต้องก้มหน้าลง
จวินฉางอวิ๋นยังคงโกรธอยู่เช่นเดิม “ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ได้กินยาที่ทำให้แกล้งป่วย แต่ข้าเห็นเจ้ากินยาเม็ดที่ฉู่ป๋ายมอบให้เจ้าจริงๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้ารีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้”
“องค์รัชทายาทเพคะ” อวี้อาเหราชะงัก จากนั้นก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด ท่าทีไม่สะทกสะท้าน
ตอนที่ 446 เจ้าโกหก
“เซิ่นซื่อจื่อทรงทราบอยู่แล้วว่าหม่อมฉันป่วย จึงได้ส่งคนนำยามาให้ เป็นเพียงยาบำรุงที่ทำให้ข้าแข็งแรงในเร็ววัน ไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะทรงคิดว่านั่นเป็นยาที่…”
“เจ้าโกหก!” จวินฉางอวิ๋นได้ยินนางหลับหูหลับตาพูดเช่นนี้ก็โกรธเสียจนอยากจะตีนางให้ตาย
“รัชทายาท!” ไทเฮาทนไม่ไหว จึงตะคอกใส่ด้วยความโกรธเคือง จึงทำให้จวินฉางอวิ๋นยุติความโกรธเคืองของตัวเองไว้ได้ “เจ้าวุ่นวายพอหรือยัง”
“เสด็จย่า” จวินฉางอวิ๋นไม่พอใจที่ทำให้อวี้อาเหราพึงพอใจเช่นนี้ ครั้งที่แล้วก็โดนแกล้งให้เก็บไข่มุก เมื่อคิดขึ้นมาในตอนนี้ก็รู้สึกแสบๆ คันๆ ช่างน่าโมโหยิ่งนัก เขาเพิ่งเคยโดนผู้อื่นแกล้งเล่นเช่นนี้ แล้วอีกฝ่ายยังเป็นเพียงผู้หญิงอีกด้วย!
เขาที่เป็นรัชทายาทผู้เอาแต่ใจตัวเองอยู่เสมอไหนเลยจะทนได้?
ยังดีที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอวี้อาเหรามีหน้าตาที่งดงามนัก เมื่อคิดขึ้นมาในตอนนี้ เขาก็ช่างตาบอด! คนเราไม่อาจตัดสินกันได้ที่รูปร่างหน้าตา ประโยคนี้ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองอวี้อาเหราอีกครั้ง
ตอนนี้ นางที่สวมชุดกระโปรงสีแดงยิ่งทำให้นางงามขึ้นสามส่วน ความงดงามเช่นนี้ช่างเป็นมนต์เสน่ห์อย่างที่สุด
ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเดาได้ว่าในใจของนางนั้นคิดอะไร!
น้ำเสียงของไทเฮามีความรำคาญแฝงอยู่เล็กน้อย “รัชทายาท เจ้าเลิกวุ่นวายได้แล้ว ให้คุณหนูรองพักรักษาตัวดีๆ เถิด วันนี้เป็นเจ้าที่ผิด”
ตอนนี้จวินฉางอวิ๋นกลับนิ่งเฉย ไม่สนใจอวี้อาเหราอีกต่อไป
หลังจากที่ไทเฮาดุว่ารัชทายาทแล้ว ก็หันไปยิ้มให้อวี้อาเหรา “วันนี้ทำให้คุณหนูรองต้องตกใจ ถ่ายทอดคำสั่งเราลงไป มอบเงินให้คุณหนูรองหนึ่งหมื่นตำลึงทอง”
“ขอบพระทัยไทเฮาที่พระราชทานของกำนัล” อวี้อาเหราได้ยินเงินหนึ่งหมื่นตำลึงทอง ทันใดนั้นก็รู้สึกพอใจทันที ไม่เพียงแต่สามารถหาเงินมาคืนอนุสี่ได้แล้ว นางยังเหลือเงินเก็บอีกมาก วันนี้รัชทายาททำให้นางไม่ขาดทุน จำต้องขอบคุณเขาซีถึงจะถูก!
แน่นอนว่ามีคนยินดี ก็ต้องมีคนไม่ยินดี จวินฉางอวิ๋นไม่ยินดีเลยแม้แต่น้อย
อวี้อาเหรารับเงินรางวัล ก็คร้านที่จะอยู่เล่นที่นี่แล้ว “องค์ไทเฮา หากไม่มีพระเสาวนีย์อื่น อาเหราขอตัวกลับจวนก่อนเพคะ วันนี้จู่ๆ รัชทายาทก็ลากตัวหม่อมฉันมา จึงสวมเสื้อผ้าบางๆ เท่านั้น รู้สึกหนาวอยู่บ้างเพคะ”
ไทเฮารีบออกคำสั่ง “รีบไปนำเอาเสื้อขนสัตว์ของเรามาให้คุณหนูรองสวมเดี๋ยวนี้”
มีนางกำนัลผู้หนึ่งรีบไปหยิบมา เสื้อขนสัตว์ที่ทำจากตัวเตียวของไทเฮานั้นไม่เหมือนกับของฉู่ป๋าย แม้ว่าจะหนามาก แต่ก็ดูธรรมดา นี่เป็นเสื้อที่ทำมาจากตัวเตียวธรรมดาเท่านั้น แต่ของฉู่ป๋ายนั้นเป็นตัวเสวี่ยเตียว แน่นอนว่าย่อมแตกต่าง
อวี้อาเหราขอบพระทัยแล้วถอยออกมา
จวินเสวียนจีเอ่ยกับไทเฮา “เสด็จย่า เช่นนั้นเสวียนจีก็ขอทูลลา”
“ไปเถิด” ไทเฮาไม่พูดอะไรมาก นางโบกมือ
ดังนั้น ทั้งสองคนจึงออกไปจากตำนักรู่เฟิ่งด้วยกัน
เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นจวินเสวียนจีก็หยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมองกำไลหยกเลือดในมือของอวี้อาเหรา มองค้างอยู่เช่นนั้น ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “นี่คือหยกเลือดที่เซิ่นซื่อจื่อให้เจ้าในวันนั้นใช่หรือไม่ ช่างงดงามจริงๆ นะ”
“มิผิด” อวี้อาเหราพยักหน้าด้วยความหวาดระแวง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
นางมองออกว่าใจของจวินเสวียนจีนั้นชอบพอฉู่ป๋าย นี่ก็คงไม่อาจทนเห็นหยดเลือดได้กระมัง
จวินเสวียนจียกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดที่มุมปาก
ดวงตาของอวี้อาเหราหรี่ลงในทันที จ้องมองผ้าเช็ดหน้าในมืออีกฝ่ายอยู่นาน ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นดูเหมือนกับผ้าเช็ดหน้าที่ฉู่ป๋ายมอบให้นางมากเลยทีเดียว นางชะงัก “ไม่ทราบว่าองค์หญิงจะให้หม่อมฉันดูผ้าเช็ดหน้าได้หรือไม่”
“ผ้าเช็ดหน้าหรือ?” จวินเสวียนจีชะงัก แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย “เจ้าจะขอดูผ้าเช็ดไปทำไมกัน”
อวี้อาเหราประเมินท่าทีของนาง มองไม่ออกว่ามีอาการอะไรที่ผิดปกติ ดังนั้นจึงก้มหน้าลงมองไปที่ผ้าเช็ดหน้า