ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 449-450
ตอนที่ 449 ตกปลา
อวี้อาเหรากะพริบตาตามเขาไปด้วย มองไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไรกันแน่
ฉู่ป๋ายค่อยๆ พูดขึ้นว่า “วันที่เจ้าโดนทำร้ายนั้นมีหลักฐานสองอย่าง หนึ่งคือเนื้อผ้า สองคือแน่นอนว่าคนผู้นั้นจะต้องอยู่ที่เมืองเฟิ่งเฉิง ตอนนี้ยังไม่อาจคิดหาวิธีดีๆ ได้ เช่นนั้นก็ค่อยๆ สืบความเอาเถิด หากเกี่ยวกับหลักฐานสองอย่างนั้นจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องถูกตรวจสอบแน่ๆ”
“แค่นี้หรือ” อวี้อาเหรามองเขาที่หยุดพูดไป
วิธีเช่นนี้คิดว่านางจะคิดไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เพียงแต่วิธีการนี้ก็เชื่องช้าไปก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าปีไหนเดือนไหนจึงจะตรวจสอบออกมาได้ คำพูดเช่นนี้ใครๆ ก็พูดได้ หากจะทำให้สำเร็จได้ก็คงต้องพึ่งลมพึ่งฝนไม่ใช่หรืออย่างไร
“หรือเจ้ามีความคิดที่ดีกว่านี้เล่า” ฉู่ป๋ายถามพร้อมเลิกคิ้วสูง
อวี้อาเหรารีบส่ายหน้า “ไม่มี”
“ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นก็ทำตามที่ข้าบอกเถิด” ฉู่ป๋ายยิ้มขึ้นมาในทันที
อวี้อาเหราเม้มปาก ปรายตามองฉู่ป๋าย ยังคิดว่าเซิ่นซื่อจื่อเช่นเขานั้นจะมีความคิดอะไรดีๆ ที่แท้ก็เป็นเพียงคำคุยโวก็เท่านั้น
นางถลึงตาโต ฉู่ป๋ายเห็นนางมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ “ในเมื่อเจ้าไม่ยินดี ไม่อยากฟังความเห็นของข้าก็ไม่เป็นไร ข้าจะตรวจสอบเองก็ได้”
“ข้าก็ฟังเจ้าอยู่นี่อย่างไร” อวี้อาเหราไม่กล้ายอกย้อน เพราะตอนนี้นางไม่คิดว่าตัวเองจะมีความคิดอะไรที่ดีกว่านี้ แม้ว่าความคิดของฉู่ป๋ายจะฟังดูงี่เง่า แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นแผนที่แย่ มีเขาคอยช่วยเหลือก็คงจะเร็วกว่านางทำเองอยู่มากโข
หลังจากนางนิ่งอยู่สักครู่ ทันใดนั้นนางก็ถาม “แล้วจวินเสวียนจีเล่า”
“ข้าให้หานสือส่งคนไปจับตาดูนางแล้ว แม้ว่าจะสงสัยนาง แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนที่จะแน่ใจได้ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรจะแหวกหญ้าให้งูตื่น หากเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง นางที่โดนหานสือจับตามองอยู่ก็คงไม่อาจทำอะไรเจ้าได้หรอก ถือว่าได้ประโยชน์สองทาง รอให้พวกเราหาหลักฐานได้มากกว่านี้ค่อยพูดก็แล้วกัน”
อวี้อาเหราพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าตัวเองเข้าใจ
ทันทีที่พูดออกไป ชั่วขณะที่เงียบงันนั้นฉู่ป๋ายก็มองมาทางนาง “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่”
อวี้อาเหราส่ายหน้า “ไม่มี”
“อืม” ฉู่ป๋ายตอบกลับนิ่งๆ สายตามองลงมาที่โต๊ะ
“จริงสิ วันนี้ข้าถูกจวินฉางอวิ๋นลากเข้าไปในวัง เรื่องที่ข้ากินยาใจพุดตานเจ็ดห้องเขาก็รู้แล้ว” อวี้อาเหราเพิ่งจะก้มหน้าลง แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็รีบบอกทันที
“เข้าวังแล้วเป็นอย่างไร” ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ สายตาค่อยๆ มองเลยขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ แล้วเปลี่ยนไปมองอวี้อาเหราแทน
อวี้อาเหราตอบไปพลางถอนหายใจ “ไทเฮาเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการข้า แต่ไม่พบว่าอาการของข้าหายแล้ว เช่นนั้นไทเฮาจึงไม่เชื่อในสิ่งที่จวินฉางอวิ๋นพูด ถือว่าโชคดีที่หลบมาได้”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” ท่าทีของฉู่ป๋ายจึงเปลี่ยนไปเป็นเรียบเฉยดั่งเดิม แล้วถอยไปข้างหลัง มองไปยังท้องฟ้าข้างนอกแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เจ้าจะกินข้าวกลางวันที่นี่ก่อนจะกลับไปยังจวนหลิงอ๋องหรือไม่”
“ข้า…” อวี้อาเหรากำลังจะเอ่ยปาก เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “หากเจ้าจะอยู่ที่นี่ข้าก็ไม่ว่าอะไร พอดีว่าเมื่อเช้านี้เกอเอ๋อร์และหานสือไปตกปลาที่ด้านหลังนี้ ตอนนี้คงใกล้จะกลับมาแล้ว”
“ตกปลาหรือ” อวี้อาเหราชะงัก แล้วจึงสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “เช่นนั้นพวกเราไปดูกันเถิด เป็นอย่างไร”
“ดูหรือ?” ฉู่ป๋ายมีท่าทีไม่ยินยอมเล็กน้อย “อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาแล้ว”
อวี้อาเหราย่นคิ้ว “ดูสิ เจ้าเอาแต่นั่งอยู่ที่นี่ ถ้าหายป่วยก็คงแปลกแล้ว เชื่อข้า ออกไปดูด้วยกันเถิด พอกลับมาก็คงได้เวลาอาหารพอดี นำปลามาทำอาหารก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก”
ตอนที่ 450 จับปลาไม่ได้
ฉู่ป๋ายครุ่นคิดอยู่นาน “ตกลง เชื่อเจ้าก็ได้”
อวี้อาเหราเดินออกไปด้านนอกอย่างยินดีนัก บนกายสวมเสื้อผ้าเบาบาง เมื่อเห็นฉู่ป๋ายที่กำลังจัดเสื้อผ้าที่ยับย่นของตัวเอง นางจึงค่อยนึกถึงเสื้อขนสัตว์ที่ไทเฮามอบให้นาง เช่นนั้นจึงรีบหยิบขึ้นมาคลุมร่างในทันที เสื้อขนสัตว์ตัวนี้ช่างหนักยิ่งนัก แต่เพราะด้านนอกนั้นอากาศหนาว หากไม่สวมเสื้อผ้าหนาๆ ก็คงไม่ได้
เมื่อเดินไปด้านนอก ก็พบว่าแสงแดดดียิ่งนัก เพียงแต่มีลมพัดมาเบาๆ ทว่าหนาวไปจนถึงกระดูก หลังจากที่สวมเสื้อขนสัตว์แล้ว ก็รู้สึกอุ่นขึ้นไม่น้อย
เมื่อมองท้องฟ้า อวี้อาเหราก็หยุดสายตาเอาไว้ แล้วถามว่า “เหตุใดวันนี้จึงไม่มีหิมะตกนะ”
จนเวลาล่วงมาถึงตอนนี้ หิมะห่าใหญ่ก็ยังไม่ตกตกลงมา หากเป็นเมื่อปีก่อนๆ นั้นหิมะคงจะตกลงมาตั้งนานแล้ว คนโบราณกล่าวไว้ว่าตอนนี้อากาศเปลี่ยนแปลง จะต้องมีภัยพิบัติใหญ่เป็นแน่ ในใจของนางรู้สึกไม่ค่อยสงบนัก คิดว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
ถึงตอนนี้หิมะก็ยังไม่ตก จะมีความหมายใดแอบแฝงอยู่หรือไม่นะ
“คงคร้านที่จะตกกระมัง” ฉู่ป๋ายตอบติดตลก
คร้านที่จะตกหรือ? ช่างพูดเสียจริงนะ อวี้อาเหราเหยียมมุมปากจนกลายเป็นรอยยิ้ม
พวกเขาเดินอ้อมเรือนหน้า แล้วเดินไปทางด้านหลัง ด้านหลังของจวนเซิ่นอ๋องมีลำธารไม่ใหญ่นัก ที่เลี้ยงกุ้งปลาเอาไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าจวนเซิ่นอ๋องจะกว้างขวางใหญ่โต แต่คนกลับมีน้อยไม่กี่คน ทำให้กุ้งปลาเหล่านี้กลายเป็นของเหลือกินเหลือใช้ไปเสียได้
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่กินเล่า” เมื่อได้ยินฉู่ป๋ายว่าเช่นนี้ อวี้อาเหราก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสำรวจตรวจตรา
“ไม่อยากน่ะ” ฉู่ป๋ายว่าอย่างผ่อนคลาย ปากพูดออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
อวี้อาเหราไม่ได้ว่าอะไร คิดไปคิดมาก็เห็นว่าถูกต้อง แต่ไหนแต่ไรมาฉู่ป๋ายกินได้น้อยมาตลอด กับของเหล่านี้คงไม่มีความอยากอาหาร ทำให้กุ้งปลามีเหลือจนล้น
หลังจากเงียบงันกันมาสักพัก ฉู่ป๋ายก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “หลังจากที่เกอเอ๋อร์กลับมาแล้ว ได้ยินมาว่านางเอาแต่รบเร้าจะมาตกปลาจับกุ้ง จึงลากพวกหานสือมาด้วย ไม่รู้ว่าจับได้กี่ตัวแล้ว”
“ไปดูก็รู้แล้ว” อวี้อาเหราบอกเช่นนี้ สายตามองไปข้างหน้า
หลังจากที่คนทั้งสองเดินไปตามถนน ในที่สุดก็มาถึงลำธารที่เรือนด้านหลัง
มองเห็นฉู่เกอกำลังชี้นิ้วบงการพวกหานสือให้จับปลา ทั้งตะโกนทั้งโห่ร้อง ราวกับมีใครบางคนจับปลาตัวโตได้ นางจึงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ หากจับไม่ได้ นางก็ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสลด ปากเอาแต่พูดว่าหานสือไม่มีความสามารถ มีพลังยุทธ์เก่งกล้าแต่กลับจับปลาสักตัวก็ไม่ได้
อวี้อาเหราได้ยินดังนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่ริมฝีปากจะแย้มออกมาเป็นเสียงหัวเราะ
คนที่สามารถวางท่าใหญ่โตที่จวนเซิ่นอ๋องได้ ก็คงมีเพียงฉู่เกอคนเดียวเท่านั้น!
ราวกับรู้สึกตัวว่ามีสายตาของคนสองคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ฉู่เกอจึงหันกลับไปมอง หลังจากที่เห็นทั้สองยืนอยู่ด้านหลังแล้วก็ชะงัก จากนนั้นก็ยิ้มออกมา “พวกท่านทั้งสองอยากดูก็มาดูเถิด จะหลบอยู่ตรงนั้นไปทำไมกัน”
“ได้” อวี้อาเหรายิ้มตอบ แล้วก้าวขาออกเดิน
เมื่อเห็นฉู่ป๋ายไม่มีปฏิกิริยา ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง “เจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไมกัน”
ฉู่ป๋ายถูกเสียงของนางดึงสติ จึงค่อยก้าวเดิน
หลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว ฉู่เกอก็ยกตะกร้าใส่ปลาที่จับได้ด้วยท่าทีภาคภูมิใจราวกับเป็นคนจับปลาด้วยตัวเอง “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านดูสิว่าปลาแค่นี้พอหรือไม่ ข้าจับมาได้อย่างยากลำบากเชียวนา วันนี้อากาศหนาวนัก ต้องเปลืองแรงน่าดูเชียว”
“เจ้าจับเองหรือ? เกรงว่าจะเป็นพวกหานสือมากกว่ากระมังที่จับได้ เจ้าเอาแต่ยืนสั่งๆ อยู่บนนี้เท่านั้นเอง” ฉู่ป๋ายออกปากว่าฉู่เกออย่างไม่ไว้หน้า คำพูดที่พูดออกมานั้นไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อย