ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 463-464
ตอนที่ 463 แพะรับบาป
หานสือไม่กล้าชักช้า นำดาบในมือโยนทิ้งไป เพียงไม่นานก็จับนกมาจนหมด
หลังจากจับนกเหล่านี้แล้ว เขาทั้งยังเก็บรังนกเอามาให้ด้วย ในรังยังมีไข่มากมายหลายใบ
ฉู่เกอรับนกขึ้นมาดูซ้ายขวาอย่างยินดี แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้กินเนื้อนกมาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ละจะได้ลองชิมดูบ้าง”
“ในเมื่อเจ้าอยากกิน แต่จะเอาอะไรปรุงรสเล่า” อวี้อาเหราถาม ไม่เชื่อว่านางจะเอาของแบบนี้กลับไปจริงๆ
ฉู่เกอพยักหน้าอย่างไม่ยี่หระนัก “หานสือ รีบเอาของที่ข้าบอกให้เจ้าเตรียมไว้มาเร็วเข้า”
“เจ้าเอามาจริงๆ หรือ” อวี้อาเหราถลึงตาโต ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ
ในใจลอบคิดว่าจุดประสงค์ที่นางมาที่พระแท่นวายุจันทราแห่งนี้เพื่อมาชื่นชมธรรมชาติ หรือมาหาของกินกันแน่!
ฉู่เกอย่นจมูกอย่างพอใจ “แน่นอนสิ ข้าบอกให้หานสือเตรียมเอาไว้ตั้งนานแล้ว ได้ยินมาว่าที่นี่อากาศดียิ่งนัก ทั้งดอกไม้ นก ปลาและแมลงล้วนเจริญเติบโตอย่างดี หากไม่ได้กินแล้วจะถอดใจกลับไปง่ายๆ อย่างไร”
“ที่แท้เจ้าก็มาหาของกินนี่เอง” อวี้อาเหรารำพึงกับตัวเอง แล้วมองไปที่ฉู่ป๋าย “นี่เจ้าก็รู้หรือไม่”
“รู้” ฉู่ป๋ายพยักหน้าลง “มิเช่นนั้นแล้วข้าจะให้เจ้ามาทำไมกัน เพราะหากเรื่องนี้แผ่ออกไป แล้วฮ่องเต้ทรงพิโรธขึ้นมาจริงๆ เมื่อเห็นว่ามีสามคน โทษจะได้เบาลงหน่อย”
มารดาเจ้าน่ะสิ! อวี้อาเหราข่มอารมณ์โกรธ ที่แท้ก็พานางมาที่พระแท่นวายุจันทราแห่งนี้เพื่อเป็นแพะรับบาปสินะ
ช่างใจดำยิ่งนัก!
ไม่รู้จะใช้คำด่าอะไรที่จะพรรณนาพวกเขาทั้งสองคนได้เลยจริงๆ
ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วขึ้น ราวกับไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดแม้แต่น้อย
หลังจากที่หานสือหยิบเอาของออกมาแล้ว คนทั้งหมดก็ทำความสะอาดที่ริมลำธาร จากนั้นก็เริ่มการปิ้งย่างขึ้น
เหล่าองครักษ์ที่มองเห็นควันไฟลอยกรุ่นก็รีบตามมาทันที เมื่อเห็นคนเหล่านี้กำลังนั่งริมลำธารแล้วย่างนก ก็ตื่นตะลึงเสียจนอ้าปากค้าง
ฉู่ป๋ายหันไปพูดกับเขาตรงๆ “ไม่ต้องกังวล หากเรื่องนี้ฝ่าบาททรงรู้เข้า มีเราและคุณหนูรองรับผิดชอบเอง ถอยไปเถิด”
หา? แต่พวกเขาจะต้องถูกลงโทษน่ะสิ! แม้ว่าเหล่าองครักษ์เหล่านี้จะเจ็บช้ำปานใด ก็ยังเห็นว่าสองพี่น้องฉู่ป๋ายและฉู่เกอกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
จึงทำได้เพียงถอยออกไป แล้วนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อฮ่องเต้ท่านั้น
อีกฝ่ายเป็นซื่อจื่อและธิดาเอก แน่นอนว่าคงไม่อาจขัดขวางได้
อวี้อาเหรากัดฟันอย่าโกรธเคือง “ข้าไม่ได้อยากจะกิน แต่กลับผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“หากไม่พูดถึงเจ้า จะให้ผลักไปให้เกอเอ๋อร์หรืออย่างไร นางอายุน้อยกว่าเจ้าเสียอีก หากต้องรับโทษหนักเกรงว่าจะรับไม่ไหว อีกอย่างร่างกายของนางยังอ่อนแออีกด้วย” ฉู่ป๋ายว่า
เขาพูดเช่นนี้ก็เท่ากับว่าผิวหนังของนางทนทานไม่หวาดเกรงต่ออันตรายอย่างนั้นหรือ? อวี้อาเหรากำลังจะอ้าปากเถียง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของฉู่เกอที่กำลังอ้อนพี่ชายอย่างน่าสงสาร ทันใดนั้นก็พูดไม่ออก ช่างเถิด ถือว่าเป็นแพะรับบาปแทนนาง อีกอย่างนางยังอายุมากกว่า เพียงโดนลงโทษก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ดังนั้นนางจึงว่าเสียงสะบัด “หานสือ เจ้าไปจับนกมาอีก แค่นี้ไม่พอหรอก!”
“เอ่อ” หานสือได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกพิกล นึกขึ้นว่าคุณหนูรองนั้นหากไม่อยากทำก็จะไม่ทำ แต่ถ้าทำแล้วก็ทำจนสุด! เขาจึงหันไปมองซื่อจื่อ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรก็ออกไปจับนกมาเพิ่ม
ฉู่เกอยิ้ม ก่อนจะแลบลิ้นออกมาให้เห็น “ข้ากำลังคิดอยู่เชียวว่านกแค่นี้ไม่พอหรอก ยังมีหานสือ เจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้อีกที่ยังไม่ได้กิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดี พี่เหราเอ๋อร์ช่างเป็นคนดีนัก!”
“เหอะๆ” อวี้อาเหราหัวเราะตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกขบขันอะไรเท่าไหร่นัก
ตอนที่ 464 ไม่สิ้นเปลือง
พี่น้องตระกูลฉู่นี่ช่างสุดยอดนัก ในเมื่อยอกันถึงขนาดนี้แล้วจะให้นางไม่รับบทแพะรับบาปก็คงจะเป็นไปไม่ได้
สำหรับฉู่เกอที่ยัง ‘เยาว์วัย’ นางจะไม่ยอมรับได้หรือ
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้รู้สึกลังเลขึ้นมาบ้าง แล้วจึงพูดขึ้นว่า “พวกเราจะไปหาฟืนมาเติมเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด” อวี้อาเหราโบกมือ
หานสือจับนกมาให้สองสามตัว เขาและฉู่เกอจับนกไปถอนขนทำความสะอาดที่ริมลำธาร ซึ่งใช้เวลานานมาก
อวี้อาเหรามองไปยังปลาที่อยู่ในลำธาร ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “หานสือ อีกสักพักก็จับปลามาสักตัวสองตัวเถิด”
ในเมื่อจะต้องตายแล้ว เช่นนั้นก็กินเสียให้อิ่มแล้วค่อยตายไปเถิด!
ฉู่ป๋ายมองท่าทีที่จะทำอะไรก็ทำจนสุดของนางแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยเสียงทุ้มลึก “เจ้ายังคิดว่าหลังจากเรื่องพวกนี้แล้วจะถูกฮ่องเต้ลงโทษจริงๆ น่ะหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ” อวี้อาเหรารับคำอย่างมั่นอกมั่นใจ
หลังจากทำความสะอาดนกแล้วก็นำเครื่องปรุงรสที่ฉู่เกอเตรียมมาใส่ลงไป ยังไม่ทันเอาไปย่างก็รู้สึกได้ถึงความอร่อย
หลังจากที่เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้นำฟืนมาเพิ่มนั้น อวี้อาเหราก็เผาฟืน เพียงไม่นานก็กลายเป็นกองไฟใหญ่
นกถูกวางลงบนกองไฟสักพัก ฉู่เกอก็มองไปยังไข่ที่อยู่ในรังนกอย่างเป็นทุกข์ “แล้วนี่จะทำอย่างไรดี”
“เอากลับบไปก่อนค่อยว่ากันเถิด” ฉู่ป๋ายเสนอความคิด
“ก็ได้ เอาเช่นนั้นก็ได้” ฉู่เกอพยักหน้าลง ก่อนจะส่งรังนกให้เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์จัดการ ส่วนตัวนางนั้นก็มองจ้องไปยังนกที่กำลังย่าง เหล่าองครักษ์ที่ยืนคุมอยู่ไกลๆ ถูกความหอมดึงดูด ยิ่งกังวลใจมากยิ่งขึ้น พวกนั้นจะกินกันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่คนที่จะซวยก็คือพวกเขาเอง!
หานสือจับปลาร้อนมาแล้วทำความสะอาดจนเรียบร้อย เมื่อกำลังจะย่างก็ถูกฉู่ป๋ายห้ามเอาไว้ “ตอนนี้ก็แทบจะกินไม่หมดอยู่แล้ว อีกสักพักไว้กินนกย่างหมดก่อนค่อยวากันเถิด อย่าให้สิ้นเปลืองเลย”
“ไม่สิ้นเปลืองหรอกน่า” ฉู่เกอรีบพูดทันที
“แล้วทุกวันนี้ที่เจ้าต้มไข่กินตั้งมาก แต่กินไม่หมดต้องให้หานสือกินนี่เรียกว่าอะไร?” ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วถาม น้ำเสียงไม่เกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย แม้แต่น้องสาวแท้ๆ เขาก็ยังไม่ไว้หน้า
ฉู่เกอเม้มปากราวกับถูกรังแก “ข้าไม่ได้…”
“ไม่ได้อะไร” ฉู่ป๋ายยังคงไล่ถาม
ไม่ได้กินไม่หมดหรือ? ฉู่เกอไม่กล้าพูดเช่นนั้น เพราะจะต้องโดนดุแน่ จึงทำได้แต่เพียงก้มหน้าลง “ข้าไม่กินเยอะก็ได้ แล้วแต่ท่านเถิด”
ฉู่ป่ายจึงไม่ได้พูดอะไรอีก จึงถอนสายตาของตัวเองกลับมา
อวี้อาเหรามองอย่างรำคาญ แต่ไม่ได้สอดปากขึ้น
ย่างนกมากว่าครึ่งชั่วยามก็ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว ยิ่งรวมกับเครื่องปรุงที่นำติดตัวมาด้วยหลายอย่าง ยิ่งหอมมากขึ้น กลิ่นหอมและรสชาตินี้เหมือนกับเหยียบลงไปในทุ่งดอกไม้อ่อนบาง จนไม่อยากที่จะหนีหายไปไกล
นางได้กลิ่นหอมๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะสูดจมูก นึกอยากจะกินเร็วๆ
ในที่สุดก็ย่างจนสุก ฉู่เกอทนไม่ไหวจึงหยิบขึ้นมา นกทั้งตัวถูกเสียบไม้ย่าง ไม่เพียงแต่กลิ่นเครื่องปรุงมากมาย ทั้งยังได้กลิ่นหอมของไม้ธรรมชาติ มองเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
นางไม่กลัวร้อน กัดเนื้อเข้าให้คำใหญ่
อวี้อาเหราหัวเราะนาง “เจ้าจะรีบกินไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าจะหมดแล้วหมดเลยเสียหน่อย”
ฉู่เกอไม่สนใจคำพูดของนาง ยังคงกินเนื้อที่อยู่ในมือต่อไป ทำหน้าราวกับกำลังลิ้มรสอาหารเลิศรสที่สุดในโลกอยู่ก็ไม่ปาน ดูแล้วเกินจริงไปหน่อย
อวี้อาเหราเห็นท่าทีเช่นนี้ก็ก้มหน้าลงไปดม กลิ่นเนื้อนกนี้หอมยิ่งนัก ไม่รู้ว่าทาเครื่องปรุงอะไรเอาไว้ด้านบน ไม่เพียงมีรสเผ็ดเล็กน้อยกระจายออกมาเท่านั้น ยังหอมมากอีกด้วย นางอดไม่ไหว จึงกัดเข้าไปหนึ่งคำ จนลวกปากตัวเอง