ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 535-536
ตอนที่ 535 แน่นอนว่าต้องอยาก
ฉู่เกอเห็นนางไม่กล้าที่จะเข้าไปหา จึงเอ่ยขึ้นอย่างเจ้ากี้เจ้าการว่า “พี่เหราเอ๋อร์ลองเข้าไปอุ้มดูเถิด ท่านดูสิว่าแมวตัวนี้น่ารักเพียงใด ท้องกลมๆ ของมันนุ่มฟูอ้วนท้วน ขนของมันก็สวยงาม ไปอุ้มมันหน่อยสิเจ้าคะ!”
“ไม่ไป เจ้าอยากไปก็ไปเองสิ” อวี้อาเหราไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น ที่จะเดินเข้าไปหาที่ตายอย่างนั้น
“โธ่ พี่เหราเอ๋อร์ ท่านก็คงไม่ได้กลัวแมวหรอกใช่หรือไม่” ฉู่เกอเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ความ จึงใช้วิธีใหม่กระตุ้นขึ้นมา
อวี้อาเหราซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ที่ส่วนลึกของดวงตา แล้วยิ้มน้อยๆ “ไม่ผิด ข้ากลัวแมวน่ะ”
“…” เมื่อได้ยินนางตอบเช่นนี้ ฉู่เกอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ทำได้แต่เพียงโวยวายขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “เฮ้อ แมวตัวนี้ก็ช่างเลี้ยงยากนัก หากพี่เหราเอ๋อร์ทำไม่ได้ คนอื่นก็ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ หรือว่าในโลกนี้จะมีเพียงฉู่ฉู่เท่านั้นที่อุ้มมันได้?”
ในโลกนี้มีเพียงเขาคนเดียวน่ะหรือ? หึ! อวี้อาเหราอุทานในใจ นางไม่เชื่อหรอก!
ผ่านไปสักพักนางถึงค่อยตัดสินใจได้ จึงยื่นมือทั้งสองออกไปอย่างระมัดระวัง “ให้ข้าอุ้มหน่อย”
ฉู่เกอมองทางอวี้อาเหราอย่างยินดี ในใจพลันเข้าใจขึ้นมา สำหรับอวี้อาเหราแล้ว ใช้ไม่อ่อนคงจะไม่ได้ผล ต้องกระตุ้นนางถึงจะได้เรื่อง!
ฉู่ป๋ายยื่นแมวให้นาง เจ้าแมวอ้วนมีท่าทางลังเลสักพัก แต่สุดท้ายก็เผยกรงเล็บออกมา ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับเจอคนทำร้ายจึงกางกรงเล็บ เลียนแบบคนได้เหมือนยิ่งนัก ไม่เกรงใจคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าแมวทำตัวเหมือนเจ้าของที่เป็นมนุษย์ไม่มีผิด
อวี้อาเหราสูดลมหายใจอย่างเหลือทน แล้วจึงหดมือกลับมาอย่างช่วยไม่ได้
เจ้าแมวดื้อ ทำไมต้องขี้งกด้วยนะ? ก็แค่อุ้มเองมิใช่หรือ ไม่ได้ถอนขนเจ้าจนหมดตัวเสียหน่อย
แต่หากนางถูกยั่วจนโกรธเคืองเช่นนี้ นางก็คงจะต้องถอนขนมันเข้าจริงๆ เสียแล้ว
ทำให้นางโมโหเสียยิ่งนัก!
เมื่อเห็นดังนี้ ฉู่ป๋ายก็เลิกคิ้วขึ้นมองนาง “เจ้าอยากจะอุ้มมันจริงๆ หรือ”
“แน่นอนว่าต้องอยากสิ!” อวี้อาเหรารีบพยักหน้าลง
“เช่นนั้นก็ดี วันนี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเรียนรู้จากองค์รัชทายาทมาไม่น้อย ฝีมือดีดพิณก็พัฒนาไปมาก หากเจ้าอยากอุ้มมันก็ดีดพิณให้ข้าฟังสักเพลง หากเจ้ายอมรับ ข้าก็จะบอกวิธีอุ้มมันให้ เป็นอย่างไร?” ฉู่ป๋ายบอกถึงเงื่อนไข มันจะง่ายอย่างนั้นจริงหรือ
อวี้อาเหราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฝีมือเล่นพิณของนางนั้นแย่เอาเสียจริงๆ หากบรรเลงออกไปจำต้องขายขี้หน้าแน่ๆ
ไหนเลยฉู่เกอจะสนใจเรื่องพวกนี้ได้ นางรีบเร่งรัดขึ้นมาทันที “พี่เหราเอ๋อร์ รีบรับปากสิ ดูซิว่าเขาจะทำให้ท่านอุ้มแมวได้อย่างไร หากมันทำร้ายคนอีก ก็จะได้แก้แค้นต่อหน้า ข้าจะไม่ปิดบังแน่ เป็นอย่างไร?”
“ข้า…” อวี้อาเหราลังเล
“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน หากท่านโดนแมวทำร้าย ก็ให้เขาไปบอกไทเฮาเองว่าท่านถูกแมวของเขาทำร้ายจนไม่สามารถเข้าวังไปเรียนศิลปวิทยาได้ ในใจท่านก็ไม่อยากเข้าวังอยู่แล้วมิใช่หรือ ก็ใช้โอกาสนี้เลื่อนออกไปเสียเลย อีกอย่าง หากแมวข่วนก็คงเลือดออกและผิวถลอก ต้องใช้เวลานานในการรักษา ถึงจะไม่หลงเหลือแผลเป็นเอาไว้ ค่ารักษาพยาบาลทางจวนเซิ่นอ๋องของเราจะออกเอง ท่านว่าเป็นอย่างไรเล่า” สายตาของฉู่เกอส่องประกาย
เป็นความคิดที่ดียิ่ง!
แต่ฉู่เกอรู้ได้อย่างไรว่านางไม่อยากเรียนศิลปะการเดินหมาก เล่นพิณ คัดอักษร และวาดรูปกัน?
อวี้อาเหรานิ่งเงียบไป พิจารณาสายตาของฉู่เกอ แต่ก็ยังคงเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางเต็มที่ หรือว่าความในใจของนางถูกคนอื่นมองออกไปเสียหมด เรื่องที่ไม่ชอบนางก็เก็บเอาไว้ในใจ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรู้ แต่ฉู่เกอรู้ความในใจของนางได้อย่างไร ทั้งยังพูดออกมาอย่างเปิดเผยอีกด้วย
ตอนที่ 536 ฉลาดเฉลียว
ดูท่าทางเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่กลัวที่จะถูกล่วงรู้เข้าเลยแม้แต่น้อย
อวี้อาเหราเห็นแล้วก็ชะงัก ในยามนั้นเองไม่รู้เลยว่าในใจของนางจะรมีความนึกคิดเช่นไร
ฉู่เกอเอ่ยถามต่อว่า “เป็นอย่างไรเล่า พี่เหราเอ๋อร์?”
“ก็ได้ ข้ารับปาก เพียงแต่ว่า…” อวี้อาเหราพยักหน้าท่ามกลางสายตาสงสัยของนาง จากนั้นก็หันกลับไปมองฉู่ป๋าย “เจ้ายอมรับเงื่อนไขเมื่อครู่นี้ของเกอเอ๋อร์หรือไม่”
“ยอมรับ” ฉู่ป๋ายยอมรับอย่างง่ายๆ
อวี้อาเหราก็ยอมรับ หากนางไม่ยอมรับก็แปลกเต็มที นางอยากจะให้เจ้าแมวตัวนั้นข่วนหน้าจะแย่ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องไปพบหน้าไทเฮา และไม่ต้องเจอหน้ากับจวินฉางอวิ๋นอีกด้วย ได้ประโยชน์ถึงสองต่อ แต่เมื่อก้มลงไปมองเจ้าแมวอ้วนแสนดุ นางก็จำต้องกลืนน้ำลาย
โดนข่วนสักทีคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากเสียโฉมไปจะทำอย่างไรเล่า?
แต่เดิมชื่อเสียงของนางก็ฉาวโฉ่อยู่แล้ว หากจะต้องมาเสียโฉมอีก ชีวิตนี้คงต้องซวยไปทั้งชีวิตแน่
หญิงสาวล้วนรักสวยรักงาม นางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทว่าข้อดีก็คือหากเสียโฉมแล้วก็จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับจวินฉางอวิ๋น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง
เมื่อคิดไปแล้วนางก็คงคิดมากเกินไป เพียงกรงเล็บแมวคงไม่ทำให้เสียโฉมหรอกกระมัง
ความคาดการณ์นี้ของนางแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าจะต้องไปเรียนศิลปะสตรีมิใช่หรือ
เพราะอย่างนั้นทุกคนก็ต่างพุ่งจุดสนใจมาที่ฉู่ป๋าย เพื่อจะดูว่าเขานั้นจะยอมให้อวี้อาเหราอุ้มแมวดีๆ ได้อย่างไร
ฉู่ป๋ายคีบเนื้อปลาในชามมาส่งเข้าปากแมว เจ้าแมวอ้วนก็กระโดดงับลงท้องจนแทบไม่ได้เคี้ยว ก็กลืนลงไปเสียจนหมด
อวี้อาเหราในยามนี้เชื่อที่ฉู่เกอว่าเมื่อครู่นี้แล้วว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนี้กินเก่งนัก ก่อนหน้านี้มันกินปลาต่อหน้าทุกคนได้อย่างมีมารยาท ตอนนี้เล่า? จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แม้แต่เครื่องในยังไม่เหลือ มิน่าเล่าถึงได้อ้วนเพียงนี้ เหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเป่าจนพองลมไม่มีผิด กลมจนไม่รู้จะกลมอย่างไร กลมจนแทบจะกลิ้งได้อยู่แล้ว
หลังจากกินปลาหมดไปหนึ่งตัว ฉู่ป๋ายจึงค่อยวางตะเกียบลง เจ้าแมวอ้วนที่กระตือรือร้นอยู่เมื่อครู่นี้กลับสงบลงมากเมื่อเห็นวินาทีที่เขาวางตะเกียบลงบนโต๊ะ ไม่ได้เรียกร้องจะกินอีก หากเป็นแมวโดยทั่วไปแล้ว หากเห็นปลาวางอยู่บนโต๊ะ ก็คงจะกระโดดไปคาบมากินแล้ว
แต่มันกลับรู้มารยาทและรู้กฎเกณฑ์ ช่างฉลาดยิ่งนัก
“ไป ไปให้นางอุ้มเถิด” ยามนั้น ฉู่ป๋ายก็ส่งสายตาไปให้เจ้าแมวอ้วน เพื่อบอกให้มันยอมให้อวี้อาเหราอุ้ม
อวี้อาเหราและฉู่เกอรวมไปถึงคนอื่นๆ ต่างพากันเบิกดวงตาค้าง มันจะเชื่อฟังคำสั่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หลังจากนั้น เจ้าแมวอ้วนก็ลุกขึ้นมาจากร่างของฉู่ป๋าย กางขาหน้าออกเล็กน้อย ราวกับเป็นเด็กน้อยวัยหัดเดินกำลังร้องขอให้อุ้มอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งล้วนทำให้ผู้พบเห็นตกใจ แมววัยเท่านี้จะฉลาดเฉลียวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
อวี้อาเหรายื่นมือออกไปด้วยความหวาดระแวง เจ้าแมวอ้วนกระโดดเข้ามาที่อกของนาง แล้วนอนลงมาบนตัวนางแต่โดยดี
ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็พากันตื่นตะลึง แมวตัวนี้ ช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก!
แม้เด็กเล็กๆ ก็ยังไม่ฉลาดเฉลียวเท่ามัน ที่ทำตามที่ฉู่ป๋ายพูดทุกอย่างด้วยความเชื่อฟัง สุดยอดไปเลย!
ฉู่เกอตกตะลึง จากนั้นก็ร้องขึ้นมาอย่างขัดใจ “หากรู้เช่นนี้ ให้ท่านพูดให้แต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว”
“อยากจะให้ข้าช่วยพูดให้ มีผลประโยชน์อะไรมาแลกหรือไม่เล่า” ฉู่ป๋ายเองก็ว่าขึ้นอย่างฉุนๆ
ฉู่เกอพูดไม่ออก แสดงสีหน้าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ “ข้าเป็นน้องสาวของท่านจริงๆ หรือเปล่า?”
“เป็นสิ แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดตรงไหนกัน?” ฉู่ป๋ายปรายตามองเล็กน้อย