ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 573-574
ตอนที่ 573 เนื้อย่าง
อีกด้านหนึ่งนั้น อวี้อาเหรานั่งอยู่บนเก้าอี้ ที่ข้างเท้ามีเตาไฟ เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไปแล้ว นางจึงค่อยนั่งลงผิงไฟแล้วนึกอยากทานอะไรสักอย่าง อาหารที่ทานร่วมกันเมื่อเช้าช่างฝืดฝืนยิ่งนัก ตอนนี้ยังไม่ทันถึงเที่ยงวัน แต่นางก็กลับหิวขึ้นมาเสียแล้ว
เมื่อเห็นท่าทีน่าสงสารของนาง เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็ต้องมองหน้ากัน
เจาเอ๋อร์จึงถามขึ้นอย่างลองเชิงว่า “คุณหนู ท่านกำลังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หรือเจ้าคะ”
“ไม่ใช่” อวี้อาเหราส่ายหน้าปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
“ถ้าเช่นนั้นมันเรื่องอะไรกันเล่าเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้แปลกใจ
อวี้อาเหราลูบท้องของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างอายๆ
เจาเอ่อร์และเมี่ยวอวี้พลันเข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้นางก็หิวนั่นเอง!
เจาเอ๋อร์รีบเงยหน้าขึ้นในทันที “ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะเข้าไปบอกให้คนครัวเตรียมอาหารเที่ยงให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้น่ะหรือ? แต่หากทำอาหารก็ต้องใช้เวลาสักพัก แต่ตอนนี้ข้าหิวนี่ จะทำอย่างไรดี?” อวี้อาเหรามองท้องฟ้า อีกสักพักทีเดียวกว่าจะถึงเที่ยงวัน
“ถ้าเช่นนั้นต้องทำอย่างไรเล่าเจ้าคะคุณหนู” เจาเอ๋อร์ลำบากใจ
เมี่ยวอวี้จึงพูดขึ้นมาว่า “บ่าวจะไปเตรียมของว่างมาให้นะเจ้าคะ”
“ไม่เอา ข้าอยากกินข้าวนี่น่า” อวี้อาเหราส่ายหน้า
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ทำหน้าปุเลี่ยน คุณหนูนี่ช่างน่าขันนัก เพราะท้องหิวจึงไม่ยอมรออาหารที่ต้องใช้เวลาในการทำนาน แต่ของว่างก็ไม่อยากทาน แล้วเช่นนั้นจะให้พวกนางทำอย่างไร?
หลังจากที่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้นเอง อวี้อาเหราจึงมีความคิดดีๆ รีบพูดขึ้นว่า “เจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้ ในห้องครัวน่าจะมีเนื้อหมูกับเครื่องปรุงสำหรับย่างเนื้อใช่หรือไม่”
“มีสิเจ้าคะ” พวกนางทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็ตื่นตะลึง “คุณหนูจะย่างเนื้อหรือเจ้าคะ”
“ใช่” อวี้อาเหราจรดนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเข้าด้วยกันแล้วดีดออกจนเกิดเสียงดัง
เจาเอ๋อร์พูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมของมาให้เจ้าค่ะ”
“ดี” อวี้อาเหราโบกมือ
เนื้อย่างนั้นเร็วกว่าการทำอาหารมากนัก แต่ก็ยังอร่อยและยังอิ่มท้องอีกด้วย และนางยังไม่ได้ทานเนื้อย่างมานานแล้ว จึงคิดถึงอยู่บ้าง ในยุคปัจจุบันนั้นมีอาหารจำพวกเนื้อย่างแกล้มเบียร์ แต่ในยุคโบราณกลับไม่มีของอย่างนั้นเอาไว้หย่อนใจ ตอนนี้นางมีความคิดดีๆ หากคุณหนูรองตัวจริงกลับมาแล้ว นางก็คงต้องไปเปิดร้านเนื้อย่างอะไรพวกนี้ เป็นอาหารที่คนโบราณไม่เคยกินมาก่อน แน่นอนว่าต้องแปลกใหม่เป็นธรรมดา การค้าคงเจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แท้!
คนที่เคยกินเนื้อย่างก็ย่อมอยากจะเปิดร้านเป็นธรรมดา อวี้อาเหราค่อนข้างที่จะชื่นชมตัวเองพอสมควร
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ต่างก็ยกอาหารที่เตรียมไว้เข้ามา เมื่อเห็นเนื้อหมูชิ้นใหญ่ อวี้อาเหราก็นึกอยากจะตบหน้าผากตัวเองนักเชียว นางลืมไปเลยว่าต้องสั่งให้พวกนางหั่นเนื้อมาด้วย หากย่างทั้งที่ยังชิ้นหนาขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะย่างสุก อีกทั้งยังไม่อร่อย
พวกนางไม่ได้ตั้งใจจะย่างเนื้อในป่ากินเสียหน่อย
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของนางแล้ว เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็ชะงักไป “คุณหนู เป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
หลังจากที่อวี้อาเหราถอนหายใจออกมา ทางที่ดีจำต้องคิดหาวิธีใหม่ หากจะให้หยิบมีดที่ห้องครัวมาเพื่อหั่นอีกนางก็หิวเสียจนจะทนไม่ไหวแล้ว ท้องของนางก็ร้องออกมาเสียแล้ว เมื่อคิดๆ ดู นางก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ จึงหันไปถามเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ว่า “เมี่ยวอวี้ เจ้าไปเอามีดที่ไม่ได้ใช้มาล้างให้สะอาด แล้วก็เจาเอ๋อร์ เจ้าช่วยไปเรียกชิงอวิ๋นมาทีเถิด”
เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ต่างก็แปลกใจ แต่เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมา ก็รู้ว่านางมีของเล่นใหม่แล้ว
เจาเอ๋อร์เรียกชิงอวิ๋นเข้ามา อวี้อาเหราให้เขายืนอยู่ข้างๆ อีกสักครู่จึงจะให้เขาลงมือทำ
แม้ชิงอวิ๋นจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับ
หลังจากนั้นไม่นาน เมี่ยวอวี้ก็นำมีดที่ไม่ได้ใช้ในเรือนพัก หลังจากล้างจนสะอาดแล้วก็ส่งให้อวี้อาเหรา
ตอนที่ 574 ใช้คนไม่สมกับงาน
อวี้อาเหราปรายตามอง “เจ้าเอามีดให้ชิงอวิ๋นเถิด เขามีวิชายุทธ์ หากจะหั่นเนื้อหมูคงจะหั่นได้บางเป็นที่สุด”
หั่นเนื้อหมูหรือ? ทุกคนพากันตื่นตะลึง
ชิงอวิ๋นเองก็ตื่นตะลึงไปด้วย อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาฝึกวิชายุทธ์มามาก แต่จะให้เขานำมาใช้เพื่อหั่นเนื้อหมูเพียงเท่านั้นหรือ?
ช่างใช้คนไม่สมกับงานยิ่งนัก!
อวี้อาเหราเห็นชิงอวิ๋นไม่ขยับไปไหน ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “เจ้านิ่งทำไมกัน ไปหั่นเข้าสิข้ารอกินอยู่นะ”
“…ขอรับ” เมื่อเห็นว่านางไม่มีท่าทีล้อเล่น แต่กลับยังทำท่าทีขึงขังอีก ชิงอวิ๋นก็พยายามทำใจให้เบิกบานเข้าไว้ แล้วเดินไปหั่นเนื้อหมูให้เป็นแผ่นบางๆ หยิบมีดที่สามารถฆ่าคนตายได้ เข้าไปเฉือนเนื้อหมูเหมือนพ่อครัว ในใจของเขาก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง
อวี้อาเหราไม่รู้ว่าชิงอวิ๋นกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ นางนั่งอยู่ข้างกองไฟแล้วรอเนื้อหมูที่หั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
วิชายุทธ์ของชิงอวิ๋นนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ฝีมือในการใช้มีดก็ยังคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก เนื้อชิ้นใหญ่แต่กลับสามารถใช้มือหั่นออกมาเป็นแผ่นบางๆ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ก็สามารถหั่นออกมาได้หนึ่งจานแล้ว เป็นความเร็วที่รวดเร็วกว่าพ่อครัวไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า อวี้อาเหรารู้สึกดีใจที่ไม่ได้ให้พวกเมี่ยวอวี้นำกลับไปหั่นในครัว มิเช่นนั้นคงช้าอีกเป็นนานเลยทีเดียว
หลังจากหั่นออกมาได้หนึ่งจานแล้ว นางก็สั่งคนให้ยกมาย่างที่เตาไฟอย่างทนรอไม่ไหว
เมื่อเนื้อสัมผัสเข้ากับความร้อนของเปลวไฟแล้ว ก็เกิดเสียงดังฉ่าของเนื้อ ราวกับเสียงของงูพิษที่ส่งเสียงดัง แต่เสียงนั้นกลับเงียบกว่าเสียงงูพ่นพิษมากนัก เป็นเพราะเนื้อหมูถูกแล่จนกลายเป็นแผ่นบางๆ ดังนั้นเพียงไม่นานก็สุกทั่ว
อวี้อาเหราย่างเนื้อด้วยตัวเอง หยิบเครื่องปรุงรสที่เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์เตรียมเอาไว้ใส่ลงไป จากนั้นจึงค่อยโรยผงพริกลงไป กลิ่นหอมของเนื้อคลุ้งกำจายไปทั่วห้อง จนทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เพราะถูกความหอมของเนื้อดึงดูด
เมื่อเนื้อหนึ่งชิ้นถูกย่างจนสุกแล้ว อวี้อาเหราก็คีบขึ้นมาใส่จานจากนั้นจึงค่อยกิน รสชาตินั้นไม่เลวเลยทีเดียว ราวกับกลับไปสู่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งปากอบอวลไปด้วยกลิ่นควันไฟ ขาดแต่เพียงเบียร์เท่านั้นเอง
เมื่อเจาเอ๋อร์เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย เช่นนั้นก็ถลึงตาจ้องมอง “คุณหนู เนื้ออร่อยหรือไม่เจ้าคะ”
“อร่อยสิ” อวี้อาเหราไม่อาจซ่อนรอยยิ้มที่ริมฝีปากได้ “เจ้ามัวมองอะไรอยู่ได้ อยากจะลองกินสักชิ้นหรือไม่เล่า”
เจาเอ๋อร์ยินดีนัก “บ่าวก็ทานได้หรือเจ้าคะ?”
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร นางย่างเนื้อเช่นที่เคยทำกับเนื้อชิ้นที่แล้ว เมื่อย่างจนสุกแล้ว ก็วางใส่ชามแล้วยื่นส่งให้ ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีชะงักงันของอีกฝ่าย “อยากกินหรือไม่ หากไม่อยากข้าจะได้ให้เมี่ยวอวี้กินเสีย”
“กินสิเจ้าคะ” ทีแรกเจาเอ๋อร์ไม่กล้ากิน แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ทั้งยังได้กลิ่นเนื้อย่างที่หอมฟุ้งชวนน้ำลายไหลด้วยแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปรับมากิน
ทุกคนส่งสายตาอิจฉาไปยังนาง และอยากที่จะลองชิมดูบ้าง
เนื้อหมูที่แต่เดิมเป็นอาหารรสชาติธรรมดาๆ แต่อวี้อาเหรากลับทำให้มันมีรสชาติที่แตกต่างออกไป จนกลายเป็นอาหารที่อร่อยอย่างหาได้ยาก แม้กระทั่งอาหารทะเลที่รสชาติอร่อยก็เทียบไม่ติด
เมี่ยวอวี้เม้มริมฝีปาก
อวี้อาเหราส่งให้นางไปหนื่งส่วน “เจ้าก็ลองชิมดูเถิด”
“คุณ…คุณหนู?” เมี่ยวอวี้มองไปทางมือที่ยื่นของมาให้แล้วก็ชะงักไป
“กินเถิด มิเช่นนั้นข้าคงจะกินคนเดียวเสียให้หมด” อวี้อาเหรากล่าวอย่างติดตลก
เมี่ยวอวี้รีบรับกลับมาในทันที “ขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะ”
ทั้งสองทานอย่างออกรสออกชาติ เนื้อเพียงจานเล็กๆ คงจะไม่พอ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ก็หมดลงเสียแล้ว โชคดีที่ในห้องมีคนไม่มาก มีสาวใช้สองสามคนที่อยู่รับใช้ด้านนอกด้วย แทบทุกคนล้วนได้รับส่วนแบ่งเป็นอย่างดี