ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 583-584
ตอนที่ 583 พี่น้อง
“เมื่อครู่นี้เจ้าทำให้อนุรองตกใจเสียแทบแย่ ข้าก็คิดว่าเจ้าจะใส่อะไรลงไปเสียอีก”
“เจ้าคิดว่าข้าจะใส่อะไรลงไปเล่า? ข้าต้องบอกทุกคนด้วยหรืออย่างไร” อวี้อาเหราเหลือบมองอย่างระแวดระวัง ก่อนที่สายตาจะตกลงไปบนร่างของเขา ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากลอุบายเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ของตนก็ถูกเขามองออกเสียแล้ว
จวินอู๋เหินหัวเราะอย่างเบื่อหน่าย “เจ้าวางใจเถิด ข้าก็ไม่สนใจเรื่องของคนอื่นหรอก เพียงแต่เมื่อครู่นี้ข้ารู้สึกสนุกสนานขึ้นมาบ้างเท่านั้น”
“สนุกหรือ?” สีหน้าของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นลำบากใจ ไม่คิดว่าเมื่อครู่นี้ที่นางตั้งใจจะแกล้งอนุรองเสียหน่อย แต่กลับกลายเรื่องสนุกในสายตาของจวินอู๋เหินไปเสียได้
“ไม่ผิด” จวินอู๋เหินพยักหน้าอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นพวกเขาคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ก็ทำให้ดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างไม่รู้ตัว
ฟู่เส่าชิงยิ้มแล้วมองไปที่ทั้งสองคน “พวกเจ้าพูดจาอะไรกันลับๆ ล่อๆ บอกให้ข้ารู้บ้างได้หรือไม่”
จวินอู๋เหินกลอกตา “เจ้าพูดเองว่าลับๆ ล่อๆ แล้วข้าจะบอกเจ้าทำไมกัน”
ฟู่เส่าชิงก็ตกหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้เสียแล้ว
หลิงอ๋องมองมาด้วยสายตาประเมินค่า พูดขึ้นอย่างพิจารณาว่า “พวกเจ้าดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยขนาดนี้เชียวหรือ”
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะพิจารณาตามคำพูดของหลิงอ๋อง
ก่อนหน้านี้หลิงอ๋องเคยสงสัยว่านางนั้นมีความสัมพันธ์กับจวินอู๋เหิน แต่ถูกนางปฏิเสธอย่างหนักแน่น ยามนี้พวกนางก็ลืมที่จะหหลบหน้ากัน ไม่แปลกเลยที่จะมีคนสงสัย
ทว่าจวินอู๋เหินกลับยิ้มขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย “หลิงอ๋องช่างมีสายตาแหลมคมนัก ข้ากับอาเหราเหมือนพี่ชายกับน้องสาวแท้ๆ ไม่มีทางที่จะลงเอยกันได้ อีกอย่างยังชอบกินเหล้าเคล้ากับแกล้มด้วยกันด้วย”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ความกังวลที่อยู่ในใจของอวี้อาเหราก็พลันหายไปด้วย
จวินอู๋เหินพูดว่าพวกเขาเหมือนพี่ชายน้องสาวแท้ๆ เช่นนั้นหลิงอ๋องก็คงไม่อาจพูดอะไรได้อีก
อวี้จื่อเยียนมองเห็นแผ่นหลังของอวี้อาเหราและจวินอู๋เหินที่นั่งอยู่ด้วยกันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก หลังจากที่นางถูกผลักตกหน้าผาในครั้งนั้น อวี้อาเหราก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แม้แต่ท่านอ๋องน้อยที่ขึ้นชื่อเรื่องอุปนิสัยที่ยากจะรับมือได้ยังปฏิบัติกับนางอย่างเป็นพิเศษ
เรื่องนั้นก็ช่างเถิด ทว่าแม้แต่เซิ่นซื่อจื่อก็ยังสนใจนาง ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าเซิ่นซื่อจื่อให้การช่วยเหลือนาง จนทำให้สูญเสียพลังยุทธ์ไปจนหมด แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่คำโบราณว่าไว้ว่าที่ใดมีควันที่นั่นย่อมมีไฟ นี่ก็คงจะมีความจริงอยู่บ้างกระมัง
ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเจ็บใจ
เหตุใดอวี้อาเหราจึงสามารถเข้าไปอยู่ในใจของเหล่าองค์ชาย ท่านชาย คุณชายได้มากมายถึงเพียงนี้?
แม้แต่องค์ชายเป่ยเจียงก็ยังเคยขอนางแต่งงานต่อหน้าคนอื่น
แต่สิ่งที่น่าแค้นใจก็คือ อวี้อาเหรากลับขอร้องให้ฝ่าบาทพระราชสมรสให้ตนกับฟู่เส่าชิง ใครเล่าจะไม่รู้ถึงชื่อเสียงเจ้าชู้มักมากขององค์ชายเป่ยเจียงกัน เมื่อเทียบกับจวินอู๋เหินที่ชอบสำมะเลเทเมานั้นยังดีเสียกว่า ต่อไปหากแต่งงานกันจริงๆ นางไม่ต้องจมกองน้ำตาอยู่เพียงคนเดียวหรือ?
โชคดีที่หลิงอ๋องไม่เห็นด้วย
นางก็ช่างมีจิตใจชั่วร้ายเสียเหลือเกิน!
อวี้อาเหรารู้สึกได้ถึงสายตาพิฆาตที่อยู่ด้านหลังของตนเอง แม้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้เลยว่าเป็นสายตาของใคร และช่วงเวลานี้เป็นอวี้จื่อเยียนนั่นเองที่นั่งอยู่ด้านหลังของนาง
นางคร้านที่จะสนใจหญิงนางนั้นแล้ว กินเนื้อย่างดีกว่า หอมยิ่งนัก
ยามที่เห็นว่าทุกคนกำลังกินกันจนเรียบร้อยแล้ว อวี้อาเหราก็หันกลับไปสั่งกับเมี่ยวอวี้ว่า “เจ้าไปชงน้ำชามาเถิด จะได้แก้เลี่ยนเสียหน่อย”
“บ่าวน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้คารวะ จากนั้นก็ถอยออกไป
ผ่านไปสักครู่ ก็มีกลิ่นหอมกรุ่นโชยเข้ามาจากด้านนอก ที่แท้ก็เป็นเมี่ยวอวี้ยกน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเข้ามา นางมีฝีมือในเรื่องการชงชายิ่งนัก ยังไม่ทันได้ดื่ม เพียงได้กลิ่นก็ช่วยแก้เลี่ยนได้มากแล้ว
ตอนที่ 584 เสียมารยาท
หลังจากที่ทุกคนดื่มชากันจนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถแก้ความเลี่ยนออกไปจนสิ้น
หลิงอ๋องเอียงหน้าไปทางอวี้จื้อ “เจ้ากินอิ่มหรือยัง”
“อิ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ” อวี้จื้อพยักหน้า จากนั้นก็วางถ้วยชาลง
หลิงอ๋องจึงยืนขึ้น แล้วเอ่ยกับอวี้อาเหราว่า “ถ้าเช่นนั้นพ่อจะออกไปเดินเล่นที่ด้านนอกกับจื้อเอ๋อร์ วันนี้ไทเฮามีพระประสงค์ไม่ให้เจ้าเข้าวังไปเรียนศิลปะสตรี เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนอยู่ในจวนเถิด หากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกประเดี๋ยวก็ไปก่อเรื่องอีก”
“เสด็จพ่อ ลูกไปก่อเรื่องเมื่อไรกันเพคะ…” อวี้อาเหราได้ยินดังนั้นก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่
“เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้ก่อเรื่องอีกหรือ วันก่อนยังเพิ่งเกิดเรื่องไปแท้ๆ แอบไปกินปลาร้อนที่ฝ่าบาททรงเลี้ยงในพระแท่นวายุจันทราจนถูกคุมตัวเข้าวังเสียได้ ทั้งยังทำให้เซิ่นซื่อจื่อและท่านหญิงเซิ่นลำบากอีก แล้วเจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้ก่อเรื่องอีกหรือ?” หลิงอ๋องสั่งสอนอย่างไม่ไว้หน้า
อวี้อาเหราเม้มปากแน่นไม่กล่าววาจา ไหนเลยจะมาโทษนางว่าทำให้พวกเขาต้องลำบาก เห็นชัดอยู่แล้วว่าเป็นพวกเขาสองพี่น้องที่ใส่ร้ายนาง นับตั้งแต่แรกในสายตาของทุกคน นางก็ได้กลายเป็นตัวต้นเหตุไปเสียแล้ว แม้แต่หลิงอ๋องยังคิดเช่นนี้ แล้วไหนใจของคนอื่นเล่าจะคิดเช่นไร
เป็นจวินอู๋เหินที่พูดถูกจริงๆ ว่าให้อยู่ห่างๆ จากพี่น้องคู่นั้น
เมื่อนึกถึงฉู่ป๋าย นางก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงยามที่โดนจูบครั้งแรก เช่นนั้นใบหน้าก็พลันแดงขึ้นมา
ยามที่บรรดาพวกของหลิงอ๋องกำลังจะเดินจากไปนั้น จวินอู๋เหินก็หัวเราะขึ้นมาในทันที “เมื่อครู่นี้อาเหราเพิ่งบอกพวกเราว่าอยากออกไปข้างนอก เพื่อไปอาบแสงตะวันเสียบ้าง ในเมื่อหลิงอ๋องจะออกไปกันอยู่แล้ว ก็ไปด้วยกันเสียสิ หากเพิ่งกินอิ่มแล้วมัวอุดอู้อยู่ในห้อง คงจะไม่ดีต่อระบบย่อยอาหารเท่าใดนัก”
อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองเขาในทันที ไม่มีเรื่องอะไรก็ยังจะพูดจาส่งเดชให้เกิดเรื่อง นางไปบอกตอนไหนเล่าว่าอยากจะออกไปเดินเล่น?
เมื่อหลิงอ๋องได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก พูดกับอวี้อาเหราว่า “ในเมื่อเจ้าก็อยากไป เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเสียเลยเถิด”
“อย่าดีกว่าเพคะ” อนุรองได้ยินเสียงพูดคุยกันก็นั่งไม่ติด ไม่ง่ายเลยที่จะหาโอกาสให้หลิงอ๋องได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับพวกนางตามลำพัง ไหนเลยจะยอมให้อวี้อาเหราแทรกเข้ามาได้เล่า
“เพราะเหตุใดเล่า” หลิงอ๋องมองด้วยสายตาสงสัย
อนุรองยิ้มพลางอธิบาย “สองสามวันมานี้คุณหนูรองเรียนเรื่องต่างๆ มากมาย คงจะเหนื่อยเป็นแน่แท้ ควรจะให้นางพักผ่อนเสียหน่อยจะดีกว่านะเพคะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้าวังอีก หากเหนื่อยจนร่างกายไม่ไหวแล้วไปเสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮาเข้า มีข่าวลือออกไปคงไม่ค่อยงามนักเพคะ”
จวินอู๋เหินพูดต่อว่า “หากคิดว่าเดินเพียงสองสามก้าวแล้วจะเหนื่อย อนุรองคงจะมองว่าอาเหราอ่อนแอเกินไปหน่อยกระมัง มีคนที่ร่างกายอ่อนแอบางคนที่เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง อย่างไรเสียหากออกไปรับแสงตะวันเสียบ้างคงจะดีต่อสุขภาพ ใช่หรือไม่?”
“ท่านอ๋องน้อยกล่าวได้ถูกต้องเพคะ” ไหนเลยอนุรองจะกล้าคัดค้านได้อีก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “แต่ว่า…”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเช่นนี้แล้วกัน เราและองค์ชายเป่ยเจียงเองก็อยากเห็นทัศนียภาพของจวนหลิงอ๋องเหมือนกัน ไปด้วยกันเถิด” จวินอู๋เหินไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูด พูดรวบรัดเพื่อตกลงขึ้นมาในทันที
อนุรองคงต้องมองอ๋องน้อยผู้นี้ให้มากเสียแล้ว เขาพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้นางพูดไม่ออกเสียแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ได้เป็นเพียงคนธรรมดาที่รับมือได้ง่ายเท่าใดนัก
แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว คนที่สามารถอาศัยอยู่ในเมืองฟิ่งเฉิงมานาน จะเป็นผู้ที่โง่เง่าตามผู้อื่นไม่ทันได้หรือ?
เมื่อหลิงอ๋องเห็นจวินอู๋เหินพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
ทำได้แต่เพียงมองไปทางฟู่เส่าชิง “องค์ชายทรงคิดเห็นอย่างไร”
“เอาตามที่ท่านอ๋องน้อยว่าก็แล้วกัน เราเองก็อยากเห็นทัศนียภาพในจวนหลิงอ๋องเหมือนกันว่าเป็นเช่นไรบ้าง” ฟู่เส่าชิงหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มบางเบา เห็นด้วยกับจวินอู๋เหินเต็มที่