ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 585-586
ตอนที่ 585 รีบขออภัย
ดูทัศนียภาพหรือ? อวี้อาเหราสบถในใจ พวกเขาเข้าออกจวนหลิงอ๋องทั้งวี่ทั้งวัน ก็ยังดูทัศนียภาพไม่เด่นชัดอีกหรืออย่างไร? บอกว่าจะไปดูทัศนียภาพ แต่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ โดยเฉพาะจวินอู๋เหินที่แสนเจ้าเล่ห์ มาพูดจาส่งเดชเช่นนี้ นางไม่ได้อยากจะออกไปเดินเล่นกับพวกอนุรองเลยแม้แต่น้อย สู้กินๆ นอนๆ พักผ่อนอยู่ในห้องเสียยังดีกว่า
ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ปฏิเสธ จวินอู๋เหินก็คว้าแขนของนางแล้วบังคับให้เดินออกไปข้างนอก
หลิงอ๋องมองเงาร่างที่สนิทสนมกันของทั้งสองคน แล้วเดินตามหลังไป
สีหน้าของอนุรองและอวี้จื่อเยียนดูไม่ค่อยดีนัก ต้องไปกับอวี้อาเหราก็ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แม้ว่าหลิงอ๋องจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เป็นเพราะท่านอ๋องน้อยเสนอความคิดเห็นขึ้นมา แน่นอนว่าพวกนางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก
เมื่อพวกเขาเดินจากไป เหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็เดินออกไปพร้อมๆ กัน โดยเดินเลาะไปทางระเบียงทางเดิน
จวินอู๋เหินทำตัวเป็นคนสำคัญ สั่งการทางโน้นทางนี้แล้วพยักหน้าเออออไปเสียหมด บอกว่านั่นก็ไม่เลว นี่ก็ดี จนทำให้หลิงอ๋องถูกยกยอเสียจนยินดี เมื่อคิดไปก็รู้ ใครกันเล่าจะไม่ชอบให้คนยกยอ?
หลังจากเดินเล่นสักครู่ อวี้จื่อเยียนที่เห็นว่าอวี้อาเหราและจวินอู๋เหินเดินใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ จึงพูดเยาะเย้ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงริษยา “อาเหรา ท่านอ๋องน้อยจวิน อย่างไรเจ้าก็เป็นคุณหนูตระกูลอ๋องและท่านก็มีสถานะเป็นถึงท่านอ๋องน้อย เหตุใดจึงเดินใกล้กันเช่นนั้น หากคนอื่นเห็นเข้า คงจะมีคนสงสัยถึงการเลี้ยงดูของจวนหลิงอ๋องเราได้”
ใบหน้าของอวี้อาเหราพลันเคร่งขรึมขึ้น รู้ว่าอวี้จื่อเยียนกำลังก่อเรื่องขึ้นอีกแล้ว
ยังไม่ทันที่นางจะว่าอะไร จวินอู๋เหินก็หันกลับมาพร้อมทั้งยิ้มมุมปาก หยุดฝีเท้าลง มองไปทางอวี้จื่อเยียน “คุณหนูใหญ่พูดได้ถูกต้องยิ่งนัก มีคำพูดที่กล่าวว่าไว้ว่าหญิงชายไม่ควรใกล้ชิด แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเราเป็นที่รักของผู้อื่นเสมอ ไม่เหมือนกับใครบางคน ที่ไม่มีแม้แต่คนจะสนใจ เฮ้อ ช่างน่าสงสารจริงๆ!”
เขาว่าเช่นนี้ แม้ว่าเกินครึ่งนั้นจะเป็นการยกยอตัวเอง แต่ก็ยังเป็นการถากถางอวี้จื่อเยียนชัดๆ
เป็นดังคาด เมื่ออวี้จื่อเยียนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเป็นโกรธเคือง “เจ้า!”
เมื่ออนุรองเห็นดังนั้นก็รีบกระแอมไอขึ้นมาในทันที เพื่อไม่ให้อวี้จื่อเยียนพูดอะไรออกมาทัน
จวินอู๋เหินนั้นไม่เหมือนคนทั่วไป หากไปยั่วให้เขาโกรธเข้า ชีวิตทั้งชีวิตก็คงอย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบ รับรองได้เลยว่าเขาจะมีหลากหลายวิธีที่จะทำให้คนที่ยั่วโมโหเขาต้องตกนรกทั้งเป็น
ในใจของอวี้จื่อเยียนเข้าใจถึงความน่ากลัวในจุดนี้ของจวินอู๋เหินได้ ดังนั้นจึงพยายามที่จะกล้ำกลืนความโกรธเคืองลงไป
ฟู่เส่าชิงเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็หัวเราะอย่างเบิกบานอยู่ข้างๆ ดูละครแล้วรู้สึกถึงอกถึงใจเสียจริง
หลิงอ๋องกระแอมอย่างไม่พอใจ “เยียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงพูดกับท่านอ๋องน้อยเช่นนั้น? รีบขออภัยเร็วเข้า”
ก่อนหน้านี้จวินอู๋เหินก็เคยพูดไว้ว่าเป็นพี่ชายน้องสาวแท้ๆ แต่ตอนนี้อวี้จื่อเยียนกลับพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นการตั้งใจที่จะยั่วยุแน่ เกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างนางและอวี้อาเหรานั้น ไหนเลยเขาจะไม่ทราบ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือนางต้องรู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด สำหรับท่านอ๋องน้อยแห่งจวนหนานหยางอ๋อง หากพูดเช่นนั้นออกไปก็จะทำให้เข้าใจผิดได้ คนอื่นนั้นแต่เดิมอาจจะไม่เข้าใจผิดอะไรนัก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของนางเข้า ก็อาจจะเข้าใจผิดขึ้นมาได้
อวี้จื่อเยียนที่ถูกดุว่า ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่หลังจากที่ถูกอนุรองเตือนด้วยสายตา ก็พยายามที่จะกล้ำกลืนความโกรธลงไปแล้วซ่อนเอาไว้ในใจ คารวะให้กับจวินอู๋เหิน “เมื่อครู่นี้หม่อมฉันพูดผิดไป ขอให้ท่านอ๋องน้อยทรงอภัยด้วยเพคะ”
ตอนที่ 586 อนุสาม
“ในเมื่อสำนึกผิดก็ดีแล้ว เราไม่ถือเป็นจริงเป็นจังกับคนชั้นต่ำและสตรีหรอก” จวินอู๋เหินยิ่งกดอวี้จื่อเยียนให้ต่ำลงไปอีก
ลำตัวของอวี้จื่อเยียนแข็งค้างอยู่เช่นนั้น จะเงยก็จะไม่ใช่จะก้มก็ไม่เชิง สีหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษไม่น่ามอง เขาเปรียบเทียบนางกับคนชั้นต่ำ นี่ก็เท่ากับตั้งใจที่จะด่านางมิใช่หรืออย่างไร?
ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่คนพูดเป็นใครกันเล่า? เขาก็คือท่านอ๋องน้อยจวิน ไม่ว่าเรื่องใดเขาก็สามารถพูดราวกับชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แม้หลิงอ๋องที่เป็นคนแข็งทื่อซื่อตรง เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ไม่อาจโกรธขึ้นมาได้ จึงจำต้องเปลี่ยนเรื่องคุย “เดินมาเหนื่อยแล้ว พวกเราไปนั่งพักที่ศาลานั่นดีกว่า”
เมื่อพูดจบ ก็ก้าวนำไปก่อน
ทุกคนก็เดินตามไป
ด้านหลังของศาลานั่นเป็นที่อยู่ของอนุสามและอนุสี่ ก็คือศาลาที่เอาไว้เด็ดดอกเบญจมาศเมื่อวันนั้นนั่นเอง
เมื่อคิดถึงวันเวลาที่ทำให้อนุสามทรมาทรกรรมเช่นนั้น ในใจของอวี้อาเหราก็อดไม่ได้ที่ลอบยิ้มขึ้นมา
ให้นางรู้เสียบ้างว่าใครหมู่ใครจ่า กล้าที่จะร่วมมือช่วยเหลืออนุรองเช่นนี้ ก็สมควรแล้วที่จะต้องลำบาก
หลิงอ๋องมองไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นก็ชะงักไป “นี่ก็คือเรือนพักของอนุสามและอนุสี่มิใช่หรือ”
“เพคะ ท่านอ๋อง” อนุรองตอบกลับ
มิใช่ว่าหลิงอ๋องจะลืม แต่เป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องสตรีเท่าใดนัก นอกจากพระชายาหลิงอ๋องแล้ว เขาก็มีอนุและภรรยาน้อยรวมแล้วสี่คนเท่านั้น ตามปกติก็รักใคร่อนุรองมากเป็นพิเศษ ดังนั้นชายาหลิงอ๋องจึงได้มอบสาวใช้ที่ติดตัวมาแต่บ้านเดิมให้แต่งเพิ่มอีกสองคน หลายปีมานี้แต่กลับมาที่เรือนพักของอนุทั้งสองไม่กี่ครั้ง ตามปกติเขาจะอยู่แต่ในเรือนหลักหรือสถานที่ข้างเคียงเท่านั้น
และยิ่งช่วงนี้อวี้อาเหราได้มอบธุระในจวนหลิงอ๋องทั้งหมดให้อนุสี่จัดการ จนทำให้เริ่มสนิทสนมกับอนุสี่ขึ้นมา และหลังจากที่อนุรองตั้งครรภ์ เขาก็แทบไปหาอนุสี่ตลอด ส่วนอนุสามเล่า ไหนเลยจะรู้คุ้นเคยกัน
ที่อวี้อาเหราชอบใจก็คือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอนุสามนั้นเป็นคนของอนุรองแน่ แต่อนุสี่นั้นอยู่เป็นกลางในจวนแห่งนี้ ไม่เคยเข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งใดๆ ชีวิตที่เคยนั้นเรียบง่ายเสมอมา แต่หลังจากที่อวี้อาเหรามอบธุระในจวนทั้งหมดให้อนุสี่จัดการแล้ว แน่นอนว่าในใจของอนุรองและอนุสามย่อมไม่พอใจ จำต้องพยายามคิดอุบายขึ้นมาใช้แน่
แต่นั่นก็ไม่อาจสะเทือนไปถึงอนุสี่ได้เลย
ราวกับอนุรองคิดถึงเรื่องของอนุสี่ขึ้นมาได้ ดังนั้นสีหน้าจึงไม่ค่อยจะดีนัก
ที่โชคดีก็คืออนุสี่ยังพอฉลาดเฉลียวอยู่บ้าง หากนางกล้าที่จะไปพึ่งพิงอวี้อาเหราขึ้นมาจริงๆ อย่างไรก็คงไม่อาจทำให้นางได้สมหวัง
ตอนนี้ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดคืออวี้อาเหรา คนอื่นล้วนไม่เกี่ยวข้องใดๆ
ทว่าอนุสี่นั้นหนึ่งไม่มีทายาท สองไม่มีพื้นฐานครอบครัว สามไม่มีสถานะ เป็นเพียงสาวใช้ของพระชายา และเพียงเป็นผู้กุมการจัดการทั้งหมดในจวนเท่านั้น รอจนนางให้กำเนิดบุตรก็จะสามารถกลับมาควบคุมทุกอย่างในจวนได้เหมือนเดิม อาศัยความรักใคร่ที่หลิงอ๋องมีให้นาง ก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายดาย แต่ก่อนหน้านั้น อวี้อาเหราได้กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ต้องกำจัด
ไม่อย่างนั้นในอนาคตนางจะต้องมอบอำนาจทั้งหมดให้อนุสี่แน่ ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกลับใครเลย
จวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงก็มอบความสนใจให้กับดอกเบญจมาศที่เบ่งบานอยู่ไม่ไกล แม้จะอยู่ในฤดูกาลนี้แต่ดอกเบญจมาศก็ยังเบ่งบานได้อย่างงดงาม ช่างเจริญตานัก จึงเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ ฟู่เส่าชิงถามพร้อมรอยยิ้ม “หลิงอ๋อง ไม่ทราบว่าใครเป็นปลูกดอกเบญจมาศเหล่านี้กัน ปลูกได้เบ่งบานถึงเพียงนี้ จะต้องใช้แรงกายแรงใจนักเป็นแน่แท้”
อวี้อาเหราได้ยินเขาพูดถึงดอกเบญจมาศ มุมปากของนางก็ยิ้มขึ้นมา
จวินอู๋เหินสังเกตรอยยิ้มสาสมใจและชั่วร้ายของนางได้ ทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมา “ดูแล้วเจ้าคงรู้อะไรบางอย่าง รีบบอกเราให้ทราบเข้าเถิด”