ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 587-588
ตอนที่ 587 ถ่าน
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร
เป็นเจาเอ๋อร์ที่หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ทูลท่านอ๋องน้อย ที่จริงแล้วเป็นอนุสามคอยดูแลเพคะ”
“อนุสามหรือ?” หลิงอ๋องรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอนุสามจะปลูกดอกไม้ได้
“เพคะ” เจาเอ๋อร์พยักหน้า จากนั้นก็อธิบายต่อว่า “ก่อนหน้านี้อนุสามและอนุสี่ได้มอบยาให้กับคุณหนู เพื่อเป็นการขอบคุณ เช่นนั้นคุณหนูจึงให้บ่าวเตรียมถ่านเอาไว้สองส่วน เมื่อไปถึงที่นั่น คุณหนูนึกอยากทานขนมดอกเบญจมาศเข้า จากนั้นจึงคิดที่จะเด็ดดอกเบญจมาศไปทำขนม แต่ไม่ระวังจึงได้เกิดเท้าแพลงขึ้น อนุสามจึงอาสาที่จะเด็ดดอกไม้แทน เมื่อเห็นว่าคุณหนูชอบขนมดอกเบญจมาศจึงบอกว่าจะดูแลดอกเบญจมาศเอง เพื่อที่จะให้คุณหนูได้ทานขนมเบญจมาศเพคะ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” คนอื่นๆ พลันเข้าใจขึ้นมา
เจาเอ๋อร์พูดเช่นนี้ก็เท่ากับว่าได้เปลี่ยนความตั้งใจของอวี้อาเหราที่ต้องการจะกลั่นแกล้งอนุสามเสียสิ้น
หลิงอ๋องได้ยินพวกนางพูดถึงอนุสาม เช่นนั้นก็หันไปสั่งองครักษ์คนหนึ่งว่า “พวกเจ้าไปเรียกอนุสามและอนุสี่มาที่นี่เถิด ให้พวกนางมาถวายพระพรท่านอ๋องน้อยและองค์ชายเป่ยเจียง”
เมื่อองครักษ์ได้รับคำสั่งเช่นนั้นก็เดินไปยังเรือนพักนั้น
ผ่านไปไม่นานนัก อนุสามและอนุสี่ก็รีบเดินเข้ามาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน นี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่หลิงอ๋องเรียกพวกนางเข้ามาหา เมื่อเห็นหลิงอ๋อง รวมไปถึงจวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิง จึงค่อยเชื่อในคำพูดขององครักษ์
พวกนางรีบก้าวเดินมาข้างหน้า แล้วโค้งคำนับหลิงอ๋อง “คารวะท่านอ๋องเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด” หลิงอ๋องสะบัดแขนเสื้อ แล้วเอ่ยกับคนทั้งสองว่า “ไปถวายพระพรท่านอ๋องน้อยจวินและองค์ชายเป่ยเจียงเสียซี”
อนุสามรีบหันไปในทันที โค้งคำนับแล้วแย้มยิ้มดงามราวดอกไม้ จากนั้นอนุสี่จึงค่อยหันไปบ้าง “หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋องน้องจวิน และองค์ชายเป่ยเจียงเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด” จวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงเอ่ยขึ้นพร้อมๆ กัน
ในยามนั้น อนุสามก็ก้าวไปข้างหน้าตรงหน้าหลิงอ๋อง “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าทรงเรียกหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือเพคะ”
“ได้ยินมาว่าดอกเบญจมาศผืนนี้ เป็นเจ้าเห็นว่าอาเหราชอบขนมดอกเบญจมาศ ดังนั้นจึงยอมที่จะดูแลดอกไม้เหล่านี้เองใช่หรือไม่” หลิงอ๋องถาม
“…เพคะ” อนุสามกวาดสายตามองสีหน้าของทุกคน จากนั้นจึงพยักหน้าลง ในใจสบถขึ้นมาเล็กน้อย บอกว่าเต็มใจอะไรกัน เป็นอวี้อาเหราที่บีบบังคับนางชัดๆ น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่รู้ถึงเจตนาของนาง ผ่านมาแล้วจึงค่อยเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ในเมื่อพูดต่อหน้าคนอื่นๆ เช่นนี้ นางจะว่าอะไรได้เล่า?
อวี้อาเหรามองไปทางเจาเอ๋อร์ ทั้งส่งสายตายิ้มๆ ให้แก่กัน ลอบดีใจอยู่เงียบๆ
ตอนนี้เจาเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอวี้อาเหราต้องมอบถ่านให้ด้วย และยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงนึกอยากกินขนมเบญจมาศขึ้นมา ต่อมานางถึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะนางต้องการที่จำบีบบังคับให้อนุสามตกที่นั่งลำบาก เป็นเพราะคุณหนูของนางนั้นต้องการที่จะโยนความโกรธแค้นเมื่อครั้งที่นางโดนเหลียงเอ๋อร์ล่อลวงไปยังหนานย่วนนั่นเอง
ต้องโทษอนุสามที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงได้กล้าพูดเข้าข้างอนุรองและคุณหนูใหญ่เช่นนั้น
คิดว่าคุณหนูของนางจะเหมือนคุณหนูคนเดิมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?
หรือคิดว่าคุณหนูของนางจะถูกรังแกง่ายๆ หรืออย่างไรกัน?
ไม่น่าใช่ คงเป็นเพราะคิดว่าตัวเองฉลาด แต่กลับไม่เคยคิดเลย ว่าในสายตาคนอื่นนั้นเป็นเพียงการคิดเข้าข้างตัวเอง
หลิงอ๋องพยักหน้าอย่างชื่นชม “เจ้าดูแลได้ไม่เลวเลย เรา จื้อเอ๋อร์และคนอื่นๆ ผ่านมาเห็นเข้า จึงได้เห็นว่าดอกเบญจมาศบานได้งดงามนัก เจ้าทำดีมาก จะต้องตกรางวัลให้”
ตกรางวัลหรือ? ดวงตาของอนุสามสว่างวาบทันที ไม่คิดเลยว่าจะได้รางวัลจากสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้
ตอนที่ 588 อับอายขายขี้หน้า
แน่นอนว่าอวี้อาเหราไม่มีทางทำให้อนุสามได้สมหวังแน่ เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็รีบพูดว่า “เสด็จพ่อ ทรงประทานถ่านให้แก่อนุสามเถิดเพคะ เรื่องนี้ลูกจะจัดการเอง เสด็จพ่อคงไม่ทราบว่าคนเดี๋ยวนี้ล้วนแล้วแต่มักจะปากว่าตาขยิบ อนุทั้งสองคนต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแน่ หากมีถ่านเอาไว้ใช้ในฤดูหนาวคงจะสบายขึ้นไม่น้อย”
“ถ่านหรือ?” หลิงอ๋องชะงัก
เมื่ออนุสามได้ยินคำว่าถ่านเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที รีบพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ต้องการถ่านหรอกเพคะ ครั้งก่อนที่คุณหนูรองมอบให้ก็ไม่น้อย ตอนนี้ยังเหลืออีกมาก คงไม่ต้องสิ้นเปลืองของในจวนหรอกเพคะ”
หลังจากที่อวี้อาเหรามอบถ่านให้ในครั้งก่อน นางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก และก็ไม่กล้าที่จะทิ้งขว้าง จึงจำต้องใช้ แต่เมื่อใช้แล้วก็ต้องลำบากกว่าเดิม ตอนนี้ไหนเลยจะอยากได้ถ่านอีก กลายเป็นของที่นางหวาดกลัวไปเสียแล้ว
เมื่อหลิงอ๋องเห็นนางปฏิเสธ ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
เมื่อกำลังจะเปลี่ยนความตั้งใจ อวี้อาเหราก็พูดต่อว่า “เสด็จพ่อ ต้องประทานถ่านเป็นรางวัลนะเพคะ เพราะเป็นของจำเป็นในฤดูหนาว ก่อนหน้านี้ลูกมอบให้เพียงส่วนหนึ่ง นางคงจะใช้หมดแล้ว คงจะต้องทนหนาวในฤดูหนาวนี้เป็นแน่ คงเป็นเพราะอนุสามเกรงใจจึงได้พูดเช่นนี้ ลูกจึงร้องขอแทนนางเพคะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รับผิดชอบเรื่องถ่านที่จะมอบให้อนุทั้งสองก็แล้วกัน”
“เพคะ” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น แล้วมองอนุสามอย่างสาสมใจ
อนุสามรู้สึกขนลุกยิ่งนัก ในใจรู้สึกไม่ดีแม้แต่น้อย ความต้องการจะพูดถูกขัดขวาง นึกอยากจะบอกเรื่องของอวี้อาเหราต่อหน้า แต่แม้นางจะพูดออกไปก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีหลักฐานเลยแม้แต่น้อย และอาจจะถูกนางตลบหลังเอาได้ หลังจากที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ทำได้แต่เพียงนิ่งเงียบพร้อมทั้งขบริมฝีปาก
เมื่อนึกถึงถ่านแล้วนางก็ปวดหัวยิ่งนัก อวี้อาเหราทำให้นางตกที่นั่งลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า หากวันหนึ่งนางมีโอกาสเอาคืนได้ละก็…
หลังจากที่นิ่งคิด สายตาของอนุสามก็ฉายแววดุร้ายเย็นชา
หลิงอ๋องนั่งอยู่สักครู่ก็ลุกขึ้นยืน มองไปทางจวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิง “ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว อนุรองนั้นตั้งครรภ์อยู่ ไม่ควรจะเหนื่อยยากจนเกินไป คงไม่อาจอยู่คอยชี้แนะท่านอ๋องน้อยและองค์ชายเป่ยเจียงได้อีก ให้อาเหรารับรองพระองค์เถิด”
“ท่านอ๋องเดินทางระวังด้วย” จวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงส่งเขา
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็หันไปทางพวกเขาทั้งสอง “ข้าต้องไปเตรียมถ่านเงินให้อนุทั้งสอง พวกเจ้ากลับไปเสียเถิด”
“โอย เก็บเงินพวกเราไปห้าสิบตำลึงเงินแล้วจะให้กลับไปง่ายๆ หรือ?” จวินอู๋เหินว่าเสียงสูง
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะเอาอย่างไรเล่า” อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมอง พยายามที่จะจดจำความแค้นที่มีต่อเขาในครั้งนี้ไว้ในใจ
“ก็ไม่อย่างไรหรอก” จวินอู๋เหินส่ายหน้า เมื่อเห็นนางร้อนรน เขาก็ยิ่งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ฟู่เส่าชิงชะงัก “ข้ามีธุระคงต้องกลับก่อน จวินอู๋เหิน เชิญเจ้าตามสบายเถิด”
“โอย เจ้าจะกลับเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เจ้าจะมีธุระอะไร ก็คงจะออกไปตามหาคนรู้ใจเสียกระมัง?” จวินอู๋เหินถามขึ้นมาอย่างนึกสนุก จนทำให้ฟู่เส่าชิงรู้สึกเบื่อหน่ายเสียจนต้องกลอกตา “แน่นอนว่าต้องหาคนรู้ใจแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ท่านอ๋องน้อยเถิด จะอยู่ที่นี่ให้คนไถเงินไปอีกทำไมกัน?”
ไถเงิน
แน่นอนว่าต้องหมายถึงเงินห้าสิบตำลึงเงินของอวี้อาเหราแน่
จวินอู๋เหินได้ยินดังนั้นก็โกรธเสียจนไร้หนทางตอบโต้ ทำได้แต่สบถออกมา “ถ้าเช่นนั้นเราจะไปกับเจ้า ดูสิว่าเจ้ามีธุระอะไรให้ทำกันแน่”
“หึ” ฟู่เส่าชิงไม่สนใจเขา “แล้วแต่เจ้าเถิด ขอให้เจ้าวิ่งตามเราให้ทันก็แล้วกัน แต่ร่างกายอย่างเจ้านั้น แม้แต่พลังยุทธ์สักเล็กน้อยก็ไม่มี ระวังไว้เถิด อย่าทำตัวให้อับอายขายขี้หน้าก็แล้วกัน”