ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 593-594
ตอนที่ 593 บุกเข้าไป
“อืม ไปกันเถิด” เมื่อเมี่ยวอวี้เอ่ยเตือน อวี้อาเหราจึงค่อยได้สติขึ้นมา นางเกือบจะลืมเรื่องอาหารเย็นไปเสียแล้ว นางรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่มายังจวนเซิ่นอ๋อง จริงๆ แล้วนางควรจะได้นอนยามบ่ายนี้ เพราะตอนเย็นยังต้องรับมืออนุรองอีก และพรุ่งนี้เช้าก็ยังต้องไปเรียนศิลปะสตรีกับไทเฮาอีก นางก็ยุ่งจนเหมือนลูกข่างที่ถูกปั่นไปทั่ว เพียงแค่คิดนางก็เหนื่อยใจเสียแล้ว
แต่เมื่อคิดถึงโอกาสที่จะแก้แค้นฉู่ป๋าย ในใจของนางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมาถึงห้องหนังสือ หานสือที่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นนางมาแล้วก็รีบโค้งคำนับ
อวี้อาเหราโบกมือ แล้วไต่ถามว่า “ซื่อจื่อของเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่”
“ขอรับ ซื่อจื่ออยู่ด้านใน คุณหนูรองอยากพบซื่อจื่อหรือ เช่นนั้นให้ข้าน้อยไปรายงานก่อนนะขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก ข้าเข้าไปเองได้” อวี้อาเหราส่ายหน้า
ทว่าหานสือกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน “คุณหนูรองได้โปรดอภัย ยามนี้ซื่อจื่อไม่ใคร่สะดวกนัก ให้ข้าน้อยไปรายงานก่อนสักหน่อยเถิดขอรับ”
“บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ” อวี้อาเหราโกรธเคืองขึ้นมาเล็กน้อย หากให้เขาไปบอกจริงๆ ฉู่ป๋ายจะไม่รู้หรือว่านางมา? นางต้องการที่จะแอบมาดูว่าเขาทำอะไรอยู่ในห้องลับในห้องหนังสือกันแน่ นางอาจจะได้รู้เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ เมื่อคิดถึงเช่นนี้นางก็ยิ่งกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที
หานสือไม่กล่าววจา แต่ก็ยังยืนอารักขาไว้ไม่ขยับ
“เจ้าจะถอยหรือไม่?” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น
หานสือเม้มริมฝีปากเย็นชืด ใบหน้าฉายแววเคร่งขรึม “หากไม่มีคำสั่งของซื่อจื่อ ข้าน้อยคงปล่อยให้เข้าไม่ได้ขอรับ”
“ซื่อจื่อของเจ้าบอกหรือว่าไม่ยอมให้ข้าเข้าไป?”
“เรื่องนี้…”
“ในเมื่อไม่เคยบอก เจ้าที่กล้าบิดเบือนคำสั่งของซื่อจื่อเช่นนี้จะต้องได้รับโทษอย่างไร?”
อวี้อาเหราตีหน้าขรึม แล้วเอ่ยถามกลับเสียงเข้ม
หานสือไม่กล่าวอะไรอีก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป
เมื่อเห็นว่าเขาตัดสินใจเช่นนี้ อวี้อาเหราก็ยิ่งแน่ใจว่าในนี้จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ นางส่งสายตาไปทางเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเข้าไปให้ได้
เจาเอ๋อร์ที่อยู่กับนางมานาน ก็เข้าใจความหมายของนางในทันที
ทันใดนั้นนางก็กุมท้องแล้วร้อง “โอ๊ย ทำไมข้าถึงปวดท้องอย่างนี้นะ ปวดมาก ปวดจนจะตายอยู่แล้ว…”
หานสือชะงัก ด้วยเพราะตกใจในท่าทีของเจาเอ๋อร์ รีบเข้าไปประคองนางแล้วถามขึ้นอย่างร้อนรน
เจาเอ๋อร์เอาแต่ยกมือกุมท้องแล้วบอกว่าปวด
ทว่าในยามนี้เมี่ยวอวี้ก็รับลูกขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นตีเข้าไปที่หลังคอของหานสือ
แต่หานสือนั้นไม่เพียงแต่เรียนวรยุทธ์ไปวันๆ เท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงการลอบโจมตีจากทางด้านหลัง รีบขยับกายหลบทันใด แต่กลับหลบไปอยู่ข้างประตู
ในที่สุดอวี้อาเหราก็หาช่องว่างจนเจอ นางยกชายกระโปรงยาวแล้ววิ่งเข้าไป เมื่อมองไปทางด้านหลังก็เห็นเมี่ยวอวี้และหานสือกำลังสู้รบกัน แม้ว่าฝีมือของหานสือจะไม่ต่างจากเมี่ยวอวี้นัก แต่เป็นเพราะมีเจาเอ๋อร์คอยถ่วงอยู่ สุดท้ายถึงทำให้เขาล่าช้าไปเล็กน้อย จนเสียท่าในที่สุด ได้แต่มองอวี้อาเหราวิ่งผ่านเข้าไปด้านใน
เมื่อถอนสายตากลับมา นางเดินเข้าไปที่ส่วนลึกของห้องหนังสือ มองเห็นภาพวาดเขตแดนดินยาวพันลี้รูปหนึ่ง เป็นอย่างที่ฉู่เกอว่าไว้จริงๆ อวี้อาเหรามองไปทางหน้าประตู เมื่อเห็นว่าหานสือยังไม่เข้ามา ก็วางใจอยู่บ้าง ยื่นมือออกไปเคลื่อนย้ายรูปวาด จึงเห็นว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้จริงๆ ดังที่ว่า
เมื่อเคลื่อนย้ายภาพวาดแล้ว ก็มองเห็นกลไกชนิดหนึ่งอยู่บนผนัง
อวี้อาเหราแตะสิ่งนั้น ทันใดนั้นประตูที่อยู่ด้านข้างก็เปิดออก หากไม่มีกลไกอยู่บนผนังเช่นนี้ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันมีประตูลับอยู่ด้วย ช่างเป็นที่ที่เหมาะสมที่จะซ่อนประตูลับเอาไว้ นางหยุดยืน แล้วจึงเดินเข้าไปด้านใน
ตอนที่ 594 ลอบโจมตี
ได้ยินฉู่เกอพูดว่าที่นี่เป็นที่เก็บดาบ หลังจากที่เดินเข้ามาแล้วก็เห็นว่ามีดาบอยู่มากมายหลายเล่ม ส่วนใหญ่เป็นดาบที่ไร้ที่ติ แม้จะไม่ได้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ถึงประกายดายคมปลาบ ไม่ต้องบอกเลยว่าจะต้องเป็นดาบชั้นดีแน่ เมื่อมองเข้าไปนั้นก็รู้สึกว่าหอเก็บดาบนี้ใหญ่โตมาก เดินอย่างไรก็ไม่ถึงจุดสิ้นสุดเสียที อีกอย่างดาบเหล่านี้ไม่รู้จริงๆ ว่ามีจำนวนเท่าใด มองอย่างไรก็มองไม่หมด รู้แต่ว่ามีมากมายเหลือคณานับ
อวี้อาเหราชะงักเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ เมื่อมองไปทางด้านหลังของชั้นเก็บดาบแล้วก็เห็นเงาร่างสีขาวนั่งอยู่ ไม่ผิด นั่นก็คือฉู่ป๋าย เพียงมองปราดเดียวนางก็มองออกแล้วว่านั่นคือเขา
นางหยุดฝีเท้าลง แล้วมองเขาอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าฉู่ป๋ายยังไม่รู้ตัว นางก็ชะงักไป อีกฝ่ายราวกับกำลังเดินลมปราณอยู่ เหมือนจอมยุทธ์เซียนที่เคยเห็นในโทรทัศน์ไม่มีผิด ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน คงจะไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปสักครู่ ฉู่ป๋ายก็ยังไม่มีทีท่าจะสังเกตเห็นตน
ดูแล้วเขาคงจะไม่ทราบเลยแม้แต่น้อย อวี้อาเหราจึงค่อยกล้าที่จะเดินเข้าไปทีละก้าว
ฉู่ป๋ายไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
นางกะพริบตาเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างหน้าอีกก้าว
เขาก็ยังคงไม่มีท่าทีที่จะรับรู้
อวี้อาเหรามองไปรอบๆ แสงตะวันส่องกระทบเงาดาบที่อยู่ข้างกาย ดาบเล่มนั้นดูบางเบาเหมือนกระดาษ ทั้งยังส่องประกาย ทว่าช่วงปลายดาบกลับเปล่งแสงดุดัน มุมปากของนางก็ยกโค้งขึ้น ยื่นมือออกไปจับดาบเล่มนั้น แม้ว่าดาบนั้นจะดูเหมือนบางเบาราวกระดาษ แต่น้ำหนักกลับไม่เบาดังที่เห็น นางต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการยกดาบขึ้นมา
ไม่ง่ายเลยที่นางจะยกดาบขึ้นมาได้จนนางตัวงอ แล้วยกดาบขึ้นเตรียมโจมตีฉู่ป๋าย
ในยามนั้นเองฉู่ป๋ายก็ได้สติขึ้นมา เงยหน้าขึ้นวาดฝ่ามือ แล้วลืมตาขึ้นเต็มที่
แม้ว่าลมจากฝ่ามือนั้นจะไม่ได้แรงมาก แต่อวี้อาเหราที่โดนลมฝ่ามือเข้าไปก็ล้มลงที่พื้น จนดาบที่ถือเอาไว้ร่วงลงจากมือไปสู่พื้น
ฉู๋ป๋ายค่อยๆ ผ่อนคลายท่าที จึงค่อยรู้ว่าคนตรงหน้าคือนาง
ยามที่ชะงักไป ก็รู้ว่านางนั้นอยู่ที่นั่นจริงๆ
อวี้อาเหราที่ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า นางพยายามที่จะทำให้สติกลับคืนมา นางพยายามที่จะลุกขึ้นยืน กุมแขนข้างที่เจ็บจากการล้ม มองเขาด้วยสายตาโกรธๆ “เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าเจ้าสูญเสียพลังยุทธ์ไปสิ้นแล้ว เหตุใดถึงยังเก่งกาจเช่นนี้?”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าช่วงนี้ข้ากำลังฝึกลมปราณเผาไหม้ตัวตน จึงทำให้พลังยุทธ์กลับคืนมาบ้าง และแม้ว่าพลังยุทธ์จะสูญเสียไปแล้ว แต่ใครใช้ให้เจ้าวิ่งถือดาบมาหาข้าได้ ไม่รู้หรือว่ายามที่เดินลมปราณอยู่นั้นไม่ควรรบกวน?” ฉู่ป๋ายดุขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นางเจ็บเลยแม้แต่น้อย
อวี้อาเหราเจ็บแค้นดวงชะตาพาซวยของตัวเองนัก ต้องมาเจ็บตัวทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มองไปทางฉู่ป๋ายที่กำลังสั่งสอนตัวเองอยู่นั้น เหตุใดนางจึงโชคไม่ดีเช่นนี้นะ “เจ้าก็ขอโทษที่ทำข้าเจ็บบ้างสิ เจ้าดูแขนข้า ที่ต้องล้มก็เพราะว่าเจ้าแท้ๆ ใครจะรู้เล่า ก็เจ้าบอกว่าเจ้าสูญเสียพลังยุทธ์ แต่กลับลงมือว่องไวถึงเพียงนี้ เรื่องนั้นก็ช่างมันเถิด แต่เจ้ากลับด่าว่าข้า กำลังรังแกข้าอยู่หรือไม่”
ฉู่ป๋ายเหลืออดขึ้นมาบ้าง มองไปทางแขนของนาง จากนั้นก็ชะงักไป “แล้วเจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“เจ้าก็ลองล้มดูสิจะได้รู้ว่าเป็นอะไรหรือไม่” อวี้อาเหราว่า ยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเขานั้นเล่นแรงนัก หากเปลี่ยนเป็นจวินไหวโหรวที่ร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก หากโดนเข้าเช่นนี้ก็คงจะบาดเจ็บหนักไปแล้ว โชคดีที่นางพอยังมีเนื้อมีหนังบ้าง เพียงแค่เจ็บแขนเล็กน้อยเท่านั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอย่างอื่น
ไก่ก็ไม่ได้ อีกทั้งยังเสียงข้าวสารไปหนึ่งกำมือ
จู่ๆ ก็ล้มเสียจนเจ็บ ทั้งๆ ที่นางตั้งใจจะลอบโจมตีฉู่ป๋ายแท้ๆ เชียว กะจะทำให้เขาตกใจ สุดท้ายเขาไม่เพียงไม่ตกใจ ตัวนางเองยังเจ็บเสียเอง จะทำร้ายคนอื่นแต่กลับทำร้ายตัวเอง