ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 601-602
ตอนที่ 601 ทำนายชะตา
“เจ้าให้นางไปเที่ยวเล่นเถิด เสด็จพ่อของข้าไม่ได้เจอนางนานแล้ว เขาจะต้องคิดถึงนางแน่ หากเจ้าไม่ยอมให้นางไป เสด็จพ่อของข้าก็คงจะรู้สึกไม่ดีนัก อีกอย่างในจวนก็มีงานเลี้ยง เจ้ากับเกอเอ๋อร์ก็ไปทานข้าวที่นั่นก็ได้ ทานข้าวด้วยกันคงสนุกสนานยิ่งนัก หากข้าอารมณ์ดีหน่อยก็คงจะทำหม้อไฟให้กินได้”
“ใช่แล้วๆ วันนี้ที่จวนหลิงอ๋องคงจะคึกคักมากทีเดียว จะต้องไปให้ได้นะ” ฉู่เกอรีบพูดเออออขึ้นในทันที
ฉู่ป๋ายมองดูพวกนางที่พูดจาเข้าขากันดียิ่งนัก เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เช่นนั้นจึงค่อยๆ พยักหน้าด้วยความลังเล “ก็ได้”
“จริงหรือ?” ฉู่เกอยินดีขึ้นมาในทันที
“หากเจ้าไม่อยากไป ข้าก็ไม่บังคับ” ฉู่ป๋ายกลับว่าขึ้นเช่นนี้
ฉู่เกอรีบส่ายหน้าเหมือนรัวกลอง “อยากสิ อยากไป ไม่ได้โดนบีบบังคับเลยแม้แต่น้อย”
อวี้อาเหราเห็นนางร้อนรนถึงเพียงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ “เมื่อครู่นี้ที่เจ้าไปที่จวนหลิงอ๋อง ได้ของขวัญอะไรมากันหรือถึงได้ทำท่าดีใจถึงเพียงนั้น?”
“ไม่บอกหรอก” ฉู่เกอส่ายหน้า
อวี้อาเหรารำคาญ “อย่างไรข้าก็เป็นคนขอร้องแทนเจ้า จะไม่ให้ข้ารู้เชียวหรือ?”
“อย่างไรก็ไม่บอก” ฉู่เกอยิ้มอย่างแสนยินดี
อวี้อาเหราหัวเราะ ก่อนจะถอนสายตากลับมา ทั้งสามคนเดินออกไปด้านนอก ด้านหลังมีเจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้ หานสือ รวมไปถึงบรรดาสาวใช้และองครักษ์เดินตามมาด้วย
เมื่อมาถึงด้านนอกแล้ว อวี้อาเหราที่กำลังจะเดินขึ้นรถม้า แต่กลับถูกฉู่เกอรั้งเอาไว้เสียก่อน “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านอย่านั่งรถม้าไปเลย พวกเราเดินไปด้วยกันเถิด จวนหลิงอ๋องก็อยู่ไม่ไกลนัก ข้าอยากจะถือโอกาสซื้อของให้กับหลิงอ๋องด้วย นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะได้ไปเที่ยวเล่นที่จวนหลิงอ๋อง”
ไม่รอให้อวี้อาเหรารับปาก ฉู่ป๋ายก็ตอบรับขึ้นเสียก่อน
อวี้อาเหราเหลือทน จำใจเดินไปตามถนนเพราะถูกพวกเขาสองพี่น้องบังคับ
ใกล้จะถึงช่วงสิ้นปีแล้ว บรรยากาศในท้องถนนก็ยิ่งดูคึกคัก พ่อค้าแม่ขายพากันร้องเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย ภายในกลุ่มคนเหล่านี้ หากไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ทว่าทั้งสามคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือการแต่งกายก็ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา เมื่อเดินไปตามท้องถนน ก็สามารถดึงดูดสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาได้
โชคดีที่ไม่มีใครจำได้ มิเช่นนั้นคงจะวุ่นวายน่าดู
ขณะที่คนเหล่านี้เดินเล่นก็มองเห็นแผงลอยดูดวงที่ค่อนข้างเงียบสงบ ชายชราตาบอดกำลังทำนายทายทัก ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ถูกต้องแม่นยำไปเสียหมด ไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว ทำนายครั้งหนึ่งต้องจ่ายหนึ่งพันตำลึงเงิน หากไม่ถูกไม่รับเงิน พวกเขาทั้งหมดก็ถูกชายชราตาบอดเรียกความสนใจอย่างช่วยไม่ได้
อวี้อาเหราหัวเราะเยาะออกมาเสียงแผ่ว “หนึ่งครั้งต่อหนึ่งพันตำลึง นี่ก็เท่ากับปล้นกันชัดๆ”
ชายชราตาบอดได้ยินที่นางพูดก็รีบหันมาในทันที เพียงชั่วครู่ก็รู้ถึงตำแหน่งของนาง จากนั้นก็หัวเราะขึ้น พร้อมพูดว่า “แม่นางน้อย เงินหนึ่งพันตำลึงกับการทำนายชะตาชีวิตนั้นไม่ถือว่าแพงหรอก คนเราต้องกินต้องใช้ ขอเพียงเงินเพื่อดำเนินชีวิตอย่างสุขสบายจนตายเท่านั้น เจ้าก็สวมเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง จะดูดวงเสียหน่อยหรือไม่เล่า”
“ดูดวงหรือ?” อวี้อาเหราหัวเราะ เดินไปข้างหน้า “ท่านผู้เฒ่า ท่านก็มองไม่เห็นมิใช่หรือ”
“ข้ามองไม่เห็น” ชายตาบอดส่ายหน้า
อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็นชา “ในเมื่อมองไม่เห็น แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือแม่นางน้อย”
นางเห็นพวกต้มตุ๋นมามากนัก ยังไม่เคยเห็นโจรที่ไหนฉลาดหลักแหลมเลยสักคนเดียว แต่เขากลับกล้าหาญที่จะเรียกเงินถึงหนึ่งพันตำลึงเพื่อการดูดวงเพียงครั้ง นี่ก็ช่างน่าหัวร่อนัก
ชายตาบอดว่าเสียงเยาะ “เพียงฟังเสียงก็รู้ จะต้องให้พูดหรืออย่างไร?”
อวี้อาเหราที่ถูกเยาะเย้ย ไม่อาจเอ่ยคำพูดออกมาได้ นางจึงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “เช่นนั้นท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าสวมเสื้อผ้าหรูหรา หากมองไม่เห็นแล้วจะรู้หรือ? อย่าบอกข้าว่าท่านทำนายออกมานะ”
ตอนที่ 602 กวางบ๊อง
“แม่นางน้อย ชายแก่อย่างข้าจะไปหลอกเจ้าได้อย่างไร ด้านหลังของเจ้ามีองครักษ์ติดตามมากมาย หากไม่ใช่ชนชั้นสูงแล้วไหนเลยจะมีผู้ติดตามมากมายถึงเพียงนี้ แม้ว่าชายแก่เช่นข้าจะตาบอด แต่ใจของข้าไม่ได้บอดไปด้วยนะ” หมอดูชราหัวเราะเสียงเย็น ไม่พอใจคำพูดลบหลู่ของอวี้อาเหราเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้อาเหราก็รู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่งนัก เงยหน้าขึ้นเพื่อมองชายชราอย่างตรึกตรอง ดวงตาทั้งสองของเขาไร้แววไร้ประกาย ราวกับมองไม่เห็นจริงๆ แต่เหตุใดถึงรู้ว่านางมีองครักษ์และสาวใช้ติดตามมาด้วยเล่า? หรือว่าจะแกล้งตาบอดกันนะ…
ในแผ่นดินนี้มีนักต้มตุ๋นเช่นนี้อยู่ไม่น้อย ยากเหลือเกินที่จะรับประกันได้ว่าคนตรงหน้านั้นไม่หลอกลวง
นางไม่เคยเชื่อเรื่องดวงชะตา แน่นอนว่ายากที่จะเชื่อคำพูดของชายชราตาบอด หากสามารถทำนายทายทักโชคชะตาของคนอื่นได้จริง เหตุใดถึงไม่แก้ไขชะตาชีวิตของตัวเองใหดีขึ้นเล่า? น่าหัวเราะยิ่งนัก
“แม่นางคงจะไม่เชื่อ ในโลกอันกว้างใหญ่เช่นนี้มีเรื่องที่เจ้าไม่รู้อยู่อีกมาก แม้เจ้าไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริงมิใช่หรือ?” ราวกับชายชรารู้ถึงความในใจของนาง จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่เปร่งจากในลำคอผอมบางเ**่ยวย่น
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ลองทำนายดูเถิดว่าวันนี้ข้ากินข้าวไปกี่ถ้วย ดื่มน้ำไปกี่อึก ข้าถึงจะเชื่อว่าเจ้าไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อย มิเช่นนั้นข้าจะให้คนมารื้อที่ทำกินของเจ้าเสียให้หมด” คำพูดของอวี้อาเหราแสดงให้เห็นถึงสำเนียงดูถูกชายชราอย่างเห็นได้ชัด นางอยากจะหัวเราะยิ่งนัก นักต้มตุ๋นที่ร่อนเร่พเนจรไปทั่วแผ่นดิน กล้าที่จะพูดจาสั่งสอนนางอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแสดงให้เห็นถึงอำนาจของนาง ดูสิว่าจะกล้าหลอกนางได้อีกหรือไม่
ชายชราถูกนางยั่วโมโหเช่นนี้ ก็ตบโต๊ะเสียงดังพร้อมลุกยืนขึ้น “เจ้ากวางโง่ นี่ตั้งใจจะหาเรื่องกันใช่หรือไม่ ทั้งยังกล้าที่จะมาทำลายที่ทำกินของข้า ช่างไม่สมกับเป็นคุณหนูผู้ดีมีชาติตระกูลเลยแม้แต่น้อย เจ้าถือว่าตัวเองเป็นนักเลงหัวไม้มาจากไหนกัน? ก็ลองให้คนมารื้อที่ทำกินของข้าดูสิ!”
เจ้ากวางบ๊องหรือ? เขากล้าด่านางว่ากวางบ๊องหรือ
อวี้อาเหราโกรธเคืองยิ่งนัก ทว่าเพียงชั่วพริบตาความโกรธก็พลันหายไป แล้วมองไปทางชายชราตาบอดอย่างชะงักงัน เหตุใดฟังคำพูดเขาแล้วก็ช่างเหมือนคนในยุคปัจจุบันไม่มีผิด? ภาษาโบราณมีคำว่าเจ้ากวางบ๊องด้วยหรือ
อย่างน้อย นางก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองมีท่าทีเป็นปรปักษ์ จนเกือบจะวางมวยกันอยู่แล้ว ภาพนั้นจึงค่อยๆ ดึงดูดสายตาของทุกคน
ฉู่เกอเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย จึงเดินเข้าไปดึงแขนเสื้อของอวี้อาเหรา เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่เหราเอ๋อร์ เบาเสียงหน่อยเถิด อย่างไรเขาก็เป็นชายชราตาบอด มีคนเดินผ่านไปมามากมายเช่นนี้ หากจำได้ว่าท่านเป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง แล้วตาเฒ่านี่เอาไปโพนทะนาขึ้นมา คงจะสร้างข่าวลือที่ไม่ดีต่อท่าน…”
“นางหนู” ชายชราได้ยินที่ฉู่เกอว่า ก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามกลับว่า “เจ้าว่าใครจะเอาไปโพนทะนา?”
ฉู่เกอและอวี้อาเหราชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าพวกนางพูดกันเสียงเบาถึงเพียงนี้แล้วเขายังได้ยินเสียชัดเจน ดูแล้วตาเฒ่าผู้นี้คงจะมีความสามารถยิ่งนัก ที่สำคัญคือหูไวจริงๆ
อวี้อาเหราลอบเงยหน้าขึ้นมองฉู่ป๋ายที่ยืนอยู่ข้างๆ มองใบหน้าเคร่งขรึมของเขาที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด
สายตาของทุกคนยิ่งพากันมองมามากขึ้น จนกระทั่งมีคนมายืนล้อมดูโดยรอบ ต่างพากันมองอวี้อาเหราด้วยสายตาแปลกประหลาด
นางพยายามที่จะหลบลี้ในฝูงชน เพราะกลัวจะถูกจำหน้าได้ คนโบราณพวกนี้คงไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเสียกระมัง ต่างพากันมามุงดูกันอย่างสนุกสนาน หากเรื่องวันนี้ถูกพูดไปถึงหูของหลิงอ๋องเข้า แล้วรู้ว่านางก่อเรื่องเข้าอีกแล้ว กลับไปนางต้องโดนดุอีกแน่
แต่ปัญหาก็คือ นางไม่มีที่ว่างให้หลบเลยแม้แต่น้อย
อวี้อาเหรากวาดสายตามองไปทั่ว แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงเพื่อหลบหน้า