ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 605-606
ตอนที่ 605 ตึงมือ
เมื่อชายชราตาบอดได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ไม่พอใจ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อแม่นางไม่ยอมเชื่อ เช่นนั้นก็บอกให้คุณชายท่านนี้ นางหนูคนนี้ รวมถึงสาวใช้และองครักษ์ถอยออกไปสักหน่อยเถิด แล้วข้าจะบอกเจ้าเพียงคนเดียว”
อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นไปมองฉู่ป๋ายและฉู่เกอ
ฉู่เกอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก นางอยากจะรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวว่าอะไร อยากจะรู้นักว่าเขาจะทำนายแม่นหรือไม่
ฉู่ป๋ายนิ่งเงียบไม่กล่าววาจา ก้มหน้าลงพิจารณาราวกับเข้าใจขึ้นมา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้าให้กับอวี้อาเหรา “ข้ากับเกอเอ๋อร์จะไปรออีกด้าน”
เมื่อเห็นดังนี้ก็เท่ากับยอมให้ชายชราตาบอดบอกผลลัพธ์กับนางแล้ว
อวี้อาเหราพยักหน้า มองพวกเขาที่กำลังจะเดินออกไป
โชคดีที่สถานที่ตรงนี้เงียบสงบ เพราะผู้คนได้กระจายตัวออกไปแล้ว
เช่นนั้นอวี้อาเหราจึงฟังชายชราพูดอย่างตั้งใจ “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้คนก็จากไปกันหมดแล้ว เชิญผู้อาวุโสบอกข้ามาเถิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
หากพูดจาไม่เข้าหู ก็อย่าโทษที่นางจะต้องทำลายร้านของเขาก็แล้วกัน
ชายชราตาบอดนิ่งเงียบ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่นางน้อย เจ้าคงไม่ใช่คนที่นี่กระมัง?”
กึก…
อวี้อาเหราชะงักไปเพราะคำพูดเช่นนี้ของเขา นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
ราวกับชายชราตาบอดรู้ได้ว่านางกำลังสงสัย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ดูแล้วแม่นางคงไม่ใช่คนที่นี่ เพราะชะตาไม่เคยโกหก แม้ว่าข้าจะทำนายออกมาได้อย่างไม่ค่อยละเอียดนักก็ตาม แต่ข้าก็ลืมถามไปประโยคหนึ่ง ร่างกายของเจ้ามีสิ่งที่ผู้อื่นไม่มี เป็นสิ่งที่เจ้าเองก็คิดไม่ถึง แต่ต่อไปก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือเจ้าได้”
“หมายความว่าอย่างไร?” อวี้อาเหรายังคงไม่ค่อยเข้าใจ แต่ในเวลาเดียวกัน ในใจก็สั่นราวรัวกลอง
ไม่ใช่คนที่นี่ หรือจะหมายความว่านางมาจากยุคปัจจุบัน?
แต่สิ่งที่คนข้างกายไม่มี หมายถึงความสามารถพิเศษเหนือธรรมดาของนางหรือเปล่านะ
หรือว่าชายชราตาบอดผู้นี้จะทำนายได้จริงๆ
อวี้อาเหราชะงักไป ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของชายชราตาบอดเท่าไรนัก ท่าทีไม่แยแสของนางค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเห็นคุณค่ามากยิ่งขึ้น หากเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ เขาจะต้องรู้แน่ว่านางไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ รวมไปถึงเรื่องของนักพรตชราที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้ด้วย เมื่อคิดขึ้นมาได้นางก็รีบถามออกไปในทันที
“ท่านคือนักพรตชราผู้นั้นหรือไม่”
“นักพรตชราหรือ?” ชายชราตาบอดหัวเราะ ชี้นิ้วเข้าที่ตาของตัวเอง “แม่นางน้อย ข้าเป็นเพียงคนตาบอดเท่านั้น ไม่ใช่นักพรตหรือพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหน เจ้าจำผิดคนเสียแล้วกระมัง”
อวี้อาเหรากลับไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ก็จำต้องเชื่อ ท่าทีของเขานั้นช่างแตกต่างจากนักพรตชราราวฟ้ากับดิน ไม่มีท่าทีสูงส่งราวกับเทพเซียนแม้แต่น้อย เมื่อต้องการที่จะถามต่อ ฉู่ป๋ายและฉู่เกอก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของนาง ฉู่เกอก็ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจว่า “พี่เหราเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้ท่านพูดเรื่องอะไรกันหรือ”
อวี้อาเหราเม้มริมฝีปาก จ้องมองชายชราตาบอด ทันใดนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
คำพูดเหล่านี้นางไม่อาจพูดออกมาต่อหน้าฉู่เกอและฉู่ป๋ายได้ โดยเฉพาะฉู่ป๋าย หากนางเผลอเปิดช่องโหว่แม้แต่น้อย ใจของเขาก็คงจะคาดเดาถึงส่วนที่แปลกไป นางไม่อยากจะให้เขาสงสัยในสถานะคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะยุ่งยากน่าดู
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
เมื่อครู่นี้ ที่ชายชราตาบอดตั้งใจที่หลบหน้าพวกฉู่ป๋ายและฉู่เกอ คงจะเป็นเพราะกลัวว่าพวกเขาจะได้ยินกระมัง?
หรือว่า เขาจะสามารถทำนายดวงชะตาได้จริงๆ?
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็คงจะมีความจริงอยู่บ้าง ความในใจของอวี้อาเหราที่แต่เดิมดูถูกดูแคลนนั้นก็หายไป กลับกลายเป็นจริงจังขึ้นมา ชายชราตาบอดผู้นี้ดูท่าแล้วคงไม่ธรรมดาทีเดียว มิน่าเล่าฉู่ป๋ายจึงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจต่อเขาถึงเพียงนี้
ฉู่เกอเห็นว่าอวี้อาเหราไม่พูดไม่จา ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “พี่เหราเอ๋อร์ ตกลงผลทำนายชะตาของท่านเป็นอย่างไรหรือ”
ตอนที่ 606 ไม่มีโชค
“ทำนายเรียบร้อยแล้ว” อวี้อาเหราถูกเสียงของนางเรียกสติกลับมา
ฉู่เกออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ “แม่นหรือไม่ ว่าอย่างไรบ้าง”
“แม่นมาก” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นก็มองมาที่นาง “แต่อย่างที่ท่านผู้อาวุโสกล่า ว คำทำนายของข้านั้นไม่สะดวกให้ผู้อื่นรับรู้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรจะรู้ดีกว่านะ”
“พี่เหราเอ๋อร์ ท่านจะไม่บอกข้าจริงๆ หรือ” ฉู่เกอไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“ไม่บอก” อวี้อาเหราส่ายหน้าอย่างจริงจัง หากจะต้องบอกนาง สถานะของนางคงจะต้องถูกเปิดเผยไม่ช้าก็เร็วแน่
ฉู่เกอเห็นว่าไม่ว่าจะถามอย่างไรอวี้อาเหราก็ไม่ยอมพูด นางก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ทำได้แต่เพียงเม้มปากแน่น แล้วหันไปพูดกับชายชราตาบอด “ท่านผู้อาวุโส ท่านก็ดูดวงให้ข้าหน่อยเถิด”
“แม่นางน้อยก็อยากดูหรือ” แม้ชายชราจะตาบอด แต่เพียงชั่วครู่เขาก็ทราบถึงตำแหน่งของฉู่เกอได้อย่างชัดเจน
ไม่เหมือนกับคนที่มองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย ชายชราตาบอดผู้นี้ ช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
ฉู่เกอรีบพยักหน้าลงอย่างหนักแน่นในทันที “ใช่ ข้าเองก็อยากดูเหมือนกัน”
ชายชราตาบอดชะงักไป
“ต้องดูแบบลูบกระดูกดูชะตา หรือข้าจะต้องบอกช่วงเวลาเกิดกัน?” ฉู่เกอรีบถามขึ้นมาในทันที
“ไม่ต้องหรอก” ชายชราตาบอดส่ายหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจยาว “ชะตาของแม่นางนั้น ข้าทำนายไม่ได้แล้ว”
“ข้ามีเงินนะ” ฉู่เกอคิดว่าเขาเห็นว่านางไม่มีเงิน
ชายชราตาบอดยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม “ไม่ใช่เรื่องมีเงินหรือไม่มีหรอก แม่นางน้อยมาจากตระกูลที่ร่ำรวย เสื้อผ้าไร้ราคี แต่คงจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบปี…”
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน?” ฉู่เกอโกรธขึ้นมาทันที ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้วแต่กลับได้ยินคำพูดไม่เป็นมงคลเช่นนี้ เป็นใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา
ตอนนี้นางไม่ได้มีร่างกายอ่อนแอเช่นเมื่อก่อน เหตุใดถึงจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบปีกันเล่า? ตาเฒ่าตาบอดผู้นี้คงจะพูดจาส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยกระมัง!
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปในทันที
ฉู่ป๋ายมีท่าทีไม่คาดคิด และสีหน้าก็ยังแสดงให้เห็นถึงความโกรธเคืองเล็กน้อย เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “เมื่อครู่นี้ท่านว่าอย่างไรนะ”
“ใช่ ท่านจะพูดจาส่งเดชไม่ได้นะ” อวี้อาเหราเองก็ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่นัก อยู่ดีๆ จะมาบอกว่าคนคนหนึ่งจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบปีได้หรือ?
แม้ยามที่ดูดวงให้นางจะแม่นยำมากก็ตาม
ตาเฒ่าตาบอดก็รีบกลับคำ “ทว่าแม้นางน้อยไม่ต้องกังวลใจไป ชะตาชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่แน่ว่าการตัดสินใจเพียงครั้งก็อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งหมด วางใจเถิด ข้าอาจจะทำนายผิดก็เป็นได้”
เมื่อได้ยินดังนี้ อวี้อาเหราก็ถอนหายใจออกมา
เขาพูดได้ไม่เลวเลย แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีตัวเองเป็นผู้ตัดสิน
หลังจากที่อวี้อาเหรานิ่งเงียบไปสักครู่ นางก็เงยหน้าขึ้นมองฉู่ป๋ายและฉู่เกออีกครั้ง เห็นใบหน้าของทั้งสองดูนิ่งขรึม
นางจึงจำต้องก้มหน้าลง แล้วนิ่งคิด
หากเป็นอย่างที่เฒ่าตาบอดพูดจริงๆ เช่นนั้นก็คง…
ทว่าคำพูดครึ่งแรกของเฒ่าตาบอดนั้นแม่นยำนัก ฉู่เกอเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย เสื้อผ้าไร้ราคี ทว่าคำพูดหลังของของเขานั้น ช่างพูดเป็นลางนัก เพียงแค่คิดนางก็แทบจะทนไม่ได้ หลายวันที่ได้อยู่ด้วยกัน ฉู่เกอแม้จะเป็นเด็กน้อยแสนเจ้าเล่ห์ อีกยังฉลาดหลักแหลม ทว่านางก็เป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง
หากเป็นเช่นนั้น…
ก็น่าเสียดายยิ่งนัก
เมื่อคิดถึงสภาพจิตใจของฉู่เกอและฉู่ป๋าย ตอนนี้ก็คงจะทนรับแทบไม่ไหวกระมัง?
แม้ว่าจะไม่ควรถือคำทำนายเป็นจริงเป็นจัง แต่คำพูดแทงใจดำเช่นนี้ เป็นใครเมื่อได้ฟังก็คงจะยิ้มไม่ออก
เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็เงยหน้าขึ้นมอง หันไปยิ้มให้ฉู่เกอ “เจ้าบอกว่าจะซื้อของไปจวนหลิงอ๋องเพื่อมอบให้เสด็จพ่อของข้ามิใช่หรือ? เวลาก็ผ่านมานานแล้ว หากยังชักช้าอยู่อีก ฟ้าก็คงจะมืดเสียก่อน”