ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 621 ระวัง / ตอนที่ 622 เป็นอะไรหรือไม่
ตอนที่ 621 ระวัง
“คิดว่าคงไม่เหมาะ”
ฉู่เกอชะงักขึ้นมาในทันที แล้วถามกลับว่า “ไม่เหมาะตรงไหนกันเล่า?!”
ฉู่ป๋ายเพียงหันกลับไปมองนางนิ่งๆ เพียงสายตาเดียวก็ทำให้ฉู่เกอไม่กล้าเอ่ยปากพูดเสียแล้ว
อวี้อาเหรามองออก ราวกับฉู่ป๋ายกำลังลดช่วงเวลาที่ฉู่เกอจะได้อยู่ร่วมกับอวี้จื้อ แต่นางก็ไม่ต้องการให้ฉู่ป๋ายสมปรารถนา เมื่อครู่นี้ยังวิ่งไปหาอวิ๋นเซิ่นเสียรวดเร็วเลยมิใช่หรือ? พอมาถึงตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะสะบัดกันหลุดง่ายๆ นางเพียงอยากเห็นว่าฉู่ป๋ายจะมีท่าทีเช่นไรกับอวี้จื้อกันแน่ เหตุใดถึงไม่พอใจเขาเช่นนี้
ทุกคนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฉู่ป๋ายแล้ว จึงไม่มีใครกล้ายุ่ง
มีเพียงหลิงอ๋องเท่านั้นที่กล้ามองมา “เซิ่นซื่อจื่อก็อยู่ทานข้าวด้วยกันที่นี่ก่อนเถิด หากท่านไม่อยู่ก็เท่ากับไม่เห็นแก่หน้าของเรานะ”
“เช่นนั้น จะขอฝังเข็มให้ท่านอ๋องก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่ป๋ายไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ ทั้งยังเปลี่ยนเรื่องเสียด้วย
หลิงอ๋องเมื่อเห็นสีหน้าเงียบขรึมของเขาแล้วก็รู้ว่าคงไม่อาจประนีประนอมใดๆ ได้ จึงไม่พูดมาก แล้วหันไปสั่งกับอวี้อาเหราว่า “เจ้าไปเล่นกับแม่หนูเกอเอ๋อร์ก่อนเถิด รอจนเซิ่นซื่อจื่อเสร็จธุระแล้วจึงค่อยมาทานอาหารกัน”
“เพคะ เสด็จพ่อ” อวี้อาเหราพยักหน้า ก่อนจะเดินนำฉู่เกอออกไปด้านนอก
อนุรองเองก็รีบใช้สายตามองไปทางอวี้จื้อในทันที “เจ้าก็ไปเล่นกับพวกนางด้วยสิ”
อวี้จื้อลังเลเล็กน้อย แต่อนุรองกลับไม่ให้โอกาสเขาได้ครุ่นคิดอีก นางรีบผลักเขาออกไปนทันที
อวี้จื้อไร้ทางเลือก ทำได้แต่เพียงเดินตามหลังอวี้อาเหราและฉู่เกอเท่านั้น
ทั้งสามเดินออกไปด้านอก ฉู่เกอมองไปทางอวี้จื้อเป็นบางครั้ง เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี “เจ้ามองข้าทำไมกัน”
ฉู่เกอก้มหน้างุดอย่างเขินอาย
อวี้อาเหราเห็นท่าทีเช่นนี้ของพวกเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจ ไม่รู้ว่าอวี้จื้อนั้นไม่รู้จริงๆ หรือเขาแกล้งโง่กันแน่ จะมองความในใจของฉู่เกอไม่ออกเลยแม้แต่น้อยเชียวหรือ? จะมีสาวน้อยที่ไหนจะมองผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยด้วยสายตาเช่นนี้เล่า
ฉู่เกอหน้าแดง “บังเอิญที่เมื่อครู่นี้ข้าซื้อของบางอย่างมาให้เจ้า ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าไปจะเอามาให้เจ้า”
ของขวัญหรือ? อวี้จื้อหรี่ตาลง ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนวัยฉายแววสงสัย
อวี้อาเหราแสดงท่าทีตกใจในทันที “ซื้อของขวัญมาหรือ เจ้าก็รีบเอามาให้เขาเข้าสิ หากพี่ชายเจ้าทำธุระเสร็จแล้วคงไม่มีเวลามอบของขวัญหรอก จะให้ก็รีบให้ รู้หรือไม่?”
“พี่เหราเอ๋อร์” ฉู่เกอส่งสายตาออดอ้อนอย่างเอียงอาย ไม่ค่อยเห็นนางทำท่าทีเอียงอายเช่นนี้มาก่อน อวี้อาเหราก็มองนางด้วยท่าทีจริงจัง เมื่อฉู่เกอเดินจากไปแล้ว นางก็กระทุ้งแขนของอวี้จื้อ “เจ้าไม่รู้ใจนางเลยแม้แต่น้อยหรืออย่างไร”
“พี่รอง” อวี้จื้อมีท่าทีกระวนกระวายเล็กน้อย กำมือแน่นแล้วหันไปทางนาง “ท่านกำลังหัวเราะเยาะล้อเลียนข้า?”
อวี้อาเหราถึงค่อยเห็นว่าเขาหน้าบางเสียเหลือเกิน พูดเพียงไม่กี่คำก็หน้าแดงเสียแล้ว เป็นผู้ชายเหมือนกัน เหตุใดถึงต่างกันเช่นนี้นะ? หากเป็นฉู่ป๋าย นอกจากเขาจะไม่หน้าแดงใจไม่สั่นแล้ว คงจะยอมรับหน้าตาเฉย ไม่มีท่าทีหวาดผวาเช่นนี้แน่
แต่เพราะอวี้จื้อยังคงเยาว์นัก คงจะไม่หน้าหนาเท่าฉู่ป๋ายหรอกใช่หรือไม่?
อวี้อาเหรามองไปทางสวนดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นมุมปากของนางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง “พวกเราไปชมดอกไม้กันเถิด”
“ขอรับ พี่รอง” อวี้จื้อเดินตามนางไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อมาถึงสวนดอกไม้แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไรกันแน่ มีหนามแหลมคม ตัวดอกเป็นสีม่วงอ่อน กลีบใบดูแข็งยิ่งนัก บานสะพรั่งงดงาม อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบไล้ ทว่าอวี้จื้อที่อยู่ข้างๆ กันกลับบอกว่า “ระวัง!”
ตอนที่ 622 เป็นอะไรหรือไม่
ทันทีที่คำว่าระวังหลุดออกมา อวี้อาเหราก็ตกใจกับเสียงนั้น มือของนางก็หยุดชะงักกลางอากาศ และถูกหนามแข็งทิ่มเข้าที่นิ้วชี้ของนางทันที เจ็บเสียจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เลือดสดๆ สีแดงไหลรินออกมา
“พี่รอง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรหรือไม่”
อวี้จื้อรีบกกระวีกระวาดเข้ามากุมมือของนาง จากนั้นก็ใช้ชายแขนเสื้อกดบาดแผลเอาไว้
อวี้อาเหราสัมผัสได้ถึงฝ่ามือเย็นเฉียบของอีกฝ่าย ในใจก็สั่นไหว มือของเขาไม่อบอุ่นและแฝงความเย็นสบายเหมือนมือของฉู่ป๋าย ทว่ากลับเย็นจับใจ เย็นจนราวกับจะทำให้นางแข็งไปเสียทั้งร่าง ทว่าเพียงชั่ววินาที อวี้อาเหราจึงมีกิริยาตอบรับ นางยิ้มออกมาเล็กน้อย “เจ้าจะเคร่งเครียดไปทำไม ก็แค่โดนหนามตำเท่านั้นเอง”
“ร่างกายของพี่รองล้ำค่าและยังอ่อนแอ เมื่อครู่นี้เป็นเพราะน้องไม่ดีเอง น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรตะโกนบอกให้ท่านระวังตัว ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ต้องบาดเจ็บถึงเพียงนี้” เมื่อขอโทษแล้ว อวี้จื้อก็ก้มหน้าลงใช้ริมฝีปากดูดเลือดที่นิ้วของนาง จากนั้นก็กลืนลงไป
เมื่อนิ้วชี้ของอวี้อาเหราสัมผัสถูกลิ้นอุ่นร้อนของเขา นางก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้น ชั่วขณะนั้นนางก็ลืมที่จะดึงมือคืนมา
แม้ว่าจะโดนหนามตำก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปากดูดเลือดเลยมิใช่หรือ? แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นพี่น้องต่างมารดากัน แต่อย่างไรนางก็ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเขา อีกทั้งยังเหมือนเป็นคนแปลกหน้าตากันและกัน ไม่สิ ตอนนี้เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ถูกเด็กหนุ่มทำเช่นนี้แล้ว…
ชั่ววินาทีนั้นหัวสมองของอวี้อาเหราก็พลันว่างเปล่า จนลืมหมดแล้วว่าจะทำอะไร
ในสมองเอาแต่คิดภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ที่เกิดขึ้น
“พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ” ในยามนั้นเอง ก็บังเกิดเสียงเย็นชาขึ้นจากทางด้านหลังของอวี้จื้อ เสียงนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก แต่ราวกับพายุหิมะที่ปลิวไสวมาจากหุบเขา ทำให้เกิดความเหน็บหนาวยามที่ได้ยิน อวี้อาเหราได้สติขึ้นมาในทันที รีบเงยหน้าขึ้นมองโดยพลัน
ฉู่ป๋ายยืนหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้เสียแล้ว ยืนมองพวกเขานิ่งๆ สายตาเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ แต่เขาก็ทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็งที่หนาหลายนิ้ว จนทำให้หนาวเย็นขยับไม่ได้
เขา มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
เสียงของเขาก็ทำให้อวี้จื้อตกใจเช่นเดียวกัน จึงหันไปมอง
บังเอิญเหลือเกินที่ด้านหลังของเขามีฉู่เกอที่ในมือถือของขวัญอยู่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง จนไม่อาจแม้แต่จะถือของที่อยู่ในมือได้ ฉับพลันนั้นของขวัญจึงร่วงลงพื้น
เมื่อเห็นกิริยาของนางแล้วฉู่ป๋ายก็ก้าวยาวๆ เข้ามา แล้วดึงมือของนางที่อยู่ในมือของอวี้จื้อออก เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “หลิงอ๋องเรียกหาเจ้าน่ะ”
แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูเรียบเฉยไม่มีอะไรแอบแฝง ทว่าเมื่อฟังอย่างละเอียดแล้วก็ราวกับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลอะไรบางอย่าง ราวกับได้ยินความอดทนอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่ในเสียงของเขา
อวี้อาเหรายืนอยู่ด้านหลังของเขา อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่ป๋ายได้
เมื่อเห็นอวี้จื้อไปแล้ว ฉู่เกอถึงค่อยมีกิริยาตอบสนอง ยามเมื่อไหล่กระทบกัน นางก็จับมือเขาไว้ “อวี้จื้อ…”
“มีอะไรหรือ” อวี้จื้อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทีปกติ น้ำเสียงที่ถามนั้นฟังดูเรียบเฉยจนเกือบไร้อารมณ์
“ไม่มีอะไร” เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้ว ฉู่เกอก็รีบส่ายหน้าในทันที สิ่งที่อยากถามนั้นราวกับถูกกลืนลงท้องไปเสียหมดสิ้น นางคิดจะถามว่าเมื่อครู่นี้เขาและอวี้อาเหราทำอะไรกัน หากคิดกันเช่นพี่สาวน้องชายจริงๆ จะใช้ปากดูดเลือดจากนิ้วได้จริงๆ หรือ? เพียงแค่ถูกหนามตำเท่านั้น จะถึงตายเลยหรืออย่างไร?