ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 625 ไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย / ตอนที่ 626 ไม่ยอมรับ
ตอนที่ 625 ไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ส่องสว่างเหมือนหลุมแห่งแสง ใบหน้าที่งดงามเสียยิ่งกว่าสตรีถึงสามเท่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาย่อมทำให้ผู้ที่มองเห็นตื่นตะลึง
มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งที่งดงามเสียจนทำให้ผู้พบเห็นตื่นตะลึงเสียจนต้องหยุดยืนอยู่กับที่ นั่นเรียกว่างดงามหนึ่งไม่มีสอง
อวี้อาเหรามองไปที่ใบหน้าซึ่งอยู่ใกล้ ลมหายใจก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นกระชั้น เขาช่างงดงามเสียจริง
เมื่อถูกเขาจูบแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าจะมีใครเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ช่างไม่ขาดทุนเลยแม้แต่น้อย
ฉู่ป๋ายไม่มีความคิดที่จะปล่อยนางเลยแม้แต่น้อย หลังจากถ่วงเวลาอยู่เป็นครู่ ก็ยิ่งรุกหนักขึ้นจากนั้นสายตาของเขาก็จ้องมองริมฝีปากแวววาวของนาง แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา “วันนี้หนิงจื่อเย่พูดอะไรกับเจ้ากันแน่?”
“หา?” อวี้อาเหราชะงักไป เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินฉู่ป๋ายเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น
ฉู่ป๋ายไม่พูดอะไรมาก เขากลับเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ ประทับจูบแผ่วเบาลงที่แก้มของนาง
ผิวของนางเรียบลื่นละเอียดลออ ราวกับผิวเปลือกไข่ชั้นดี ทั้งนุ่มและลื่น ได้กลิ่นกายหอมของหญิงสาวจากร่างของนาง ลำคอของฉู่ป๋ายตีบตันขึ้นมาในทันที เขาอดไม่ได้ที่จะขบเม้ม บนผิวเนื้อของนางกลายเป็นรอยแดงขึ้นมาในทันที
“อ๊ะ” น้ำเสียงร้องแผ่วของอวี้อาเหราทำเอาลมหายใจของฉู่ป๋ายรัวเร็วขึ้นมาในบัดดล
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามเหลือเกินที่จะควบคุมสติ แล้วมองมายังนางนิ่งๆ
รถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางสายเล็ก เสียงไม้กระทบกันของรถราวกับจะกลบเสียงลมหายใจของทั้งสองไปจนหมด
โชคดีที่หานสือไม่สามารถได้ยินเสียงของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถได้
อวี้อาเหราตกใจในการกระทำของเขา ไม้เพียงแค่ตกใจเท่านั้น ในใจของนางยังนึกสับสน สัมผัสได้ว่าร่างกายของฉู่ป๋ายทั้งเย็นและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ทำให้นางอยากจะเข้าใกล้เป็นอย่างมาก จากนั้นก็ได้กลิ่นหอมสะอาดจากกายของเขา ฉู่ป๋ายเองก็คิดเช่นนี้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จนรู้สึกร้อนขึ้นมา
ตอนนี้เป็นช่วงที่อากาศหนาวเย็นไปจนถึงกระดูก หิมะใหญ่เพิ่งจะตก ทำให้หนาวเสียจนสั่นไปหมด
ในวันที่อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงรู้สึกร้อนขึ้นมาได้เล่า?
สิ่งที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ความร้อนนี้ คงมาจากอวี้อาเหรากระมัง
อวี้อาเหราได้รับสัมผัสเย็นเฉียบจากริมฝีปากของเขาก็ได้สติขึ้น แล้วใช้โอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัวผลักเขาออก
ราวกับตกน้ำก็ไม่ปาน นางรวบเสื้อผ้าเข้ามาประชิดกาย
สวรรค์! พวกเขาทั้งสอง ทำอะไรกันลงไป?
อวี้อาเหรารู้สึกตัวขึ้นมาในทันที
นางถูกจูบแล้ว!
ความบริสุทธ์ของนางถูกทำลายลงเสียแล้ว!
ความจริงสองข้อนี้เหมือนฟ้าที่ผ่าลงมากลางศีรษะของนางจนแยกสมองของนางออกเป็นสองส่วน
นางคิดที่จะหยุดยั้งทุกอย่าง แล้วรีบเอ่ยปากขึ้นมาในทันที “ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะฝังเข็มให้เสด็จพ่อมิใช่หรือ”
อวี้อาเหรารู้สึกว่าตัวนางนั้นไม่รู้จะสรรหาคำว่าอะไรมาพูดอีก เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องมองเช่นนี้ นางก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
ฉู่ป๋ายจึงค่อยๆ สงบลง มองไปที่นางที่ถูกเขาจูบ แต่กลับไม่มีที่กระวนกระวายเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะฉีกยิ้มมุมปาก
“เจ้ายิ้มทำไมกัน ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ!” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้น มองเห็นท่าทีเย็นชาของเขา นางก็รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าสงสารนัก ที่ทั้งโกรธและอึดอัดใจ น้ำเสียงก็ฟังดูแย่ลงเรื่อยๆ ยามนั้นนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สติสัมปชัญญะก็ปลิวหายไปพร้อมกัน
“ข้าหัวเราะตอนไหนกัน?” ฉู่ป๋ายแสดงท่าทีนิ่งเฉย เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้กระวนกระวาย แต่ก็ไม่ได้หัวเราะจริงๆ
อวี้อาเหราถูกเขาเขาปั่นหัวเสียจนวิงเวียน นางจะไปสนใจทำไมว่าเขาจะหัวเราะหรือไม่ ตอนนี้อย่างไรก็ต้องทำตัวให้สงบเข้าไว้ ทว่าน้ำเสียงกลับได้ยินแต่เสียงแห่งความโกรธเคือง “เจ้าหัวเราะ…หัวเราะเยาะข้าใช่ไหม?”
“ไม่ได้หัวเราะ” ฉู่ป๋ายยังคงส่ายหน้า แล้วยื่นมือออกไป
อวี้อาเหราตีมือของเขาแรงๆ เพียงชั่วขณะก็ขึ้นสีแดง มองดูก็เห็นได้ว่าใช้แรงไปมากมายเพียงใด
ตอนที่ 626 ไม่ยอมรับ
ฉู่ป๋ายถูกตีโดยไร้ซึ่งเหตุผลเช่นนี้ สีหน้าก็แสดงความไม่พอใจออกมา “เจ้าเป็นอะไรของเจ้า?”
“ก็เห็นอยู่ว่าเจ้า…” คำพูดที่เหลือนั้นอวี้อาเหราไม่กล้าพูดออกมา นางจึงรีบเอ่ยถึงเรื่องอื่น “แล้วเจ้ายังจะถามว่าข้าเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ท่าทีของฉู่ป๋ายเย็นชาขึ้นมา ร่างทั้งร่างโน้มลง จ้องตาของนาง ราวกับจะเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของนางอีกครั้ง ในยามนี้เขาหยุดอยู่ตรงหน้านาง “เจ้าคิดว่าข้าควรจะรู้สึกเช่นไรเล่า วันนี้ข้าเห็นเจ้ามีท่าทีสนิทสนมกับหนิงจื่อเย่ อีกทั้งเมื่อครู่ยังเห็นเจ้ากับเจ้าหนุ่มอวี้จื้อนั่น…“
เขาพูด และก็มีท่าทีไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไป ริมฝีปากกดลงหนักๆ ที่ร่างของนาง จนกลืนกินคำพูดที่เหลือของนางไปจนหมด เขาต้องการที่จะสัมผัสนางอย่างอ่อนโยน ทว่าด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้น เขากลับนึกโกรธนางขึ้นมา
อวี้อาเหราชะงักไปในทันที ช่างน่าหัวร่อนัก ที่แท้เขาก็โกรธเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เองหรือ
เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็เป็นเพราะเขาไม่พอใจอย่างนั้นหรือ?
อวี้อาเหราถึงค่อยเข้าใจขึ้นมา ทว่าฉู่ป๋ายกลับเข้าสู่ห้วงความคิดของตนเองไปเสียแล้ว เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขาโกรธเพียงเท่านั้น ฝีมือของเขายังดูเหมือนไม่ใช่มือใหม่แม้แต่น้อย กลับทำให้นางรู้สึกอดไม่ได้ที่ในใจจะเกิดไฟแห่งความโกรธเคืองขึ้นมา นางอยากที่จะเข้าใกล้เขา เพราะต้องการที่จะเอาไฟแห่งความโกรธแผดเผาเขาให้เป็นจุล
เขา…จูบคนเพราะโกรธเคืองเช่นนี้ไปกี่คนแล้ว?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ในใจของอวี้อาเหราก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา สติสัมปชัญญะถูกพรากเอาไปจนสิ้น นางผลักเขาออกไปอย่างแรง หัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวออกมาว่า “เซิ่นซื่อจื่อ เจ้าเป็นซื่อจื่อแห่งจวนเซิ่นอ๋อง และเป็นว่าที่เซิ่นอ๋องในอนาคต ส่วนข้าเป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท เจ้าทำเช่นนี้ก็ไม่กลัวหรือว่า…”
“กลัวอะไร?” ฉู่ป๋ายพูดกับนางตรงๆ อีกทั้งยังถามกลับขึ้นมาอีกด้วย “กลัวว่าคนอื่นจะรู้หรือ? จวินฉางอวิ๋นคิดจะแต่งงานกับเจ้า ข้าก็ยินยอมแล้วหรือไร?”
ที่จวินฉางอวิ๋นจะแต่งงานกับเจ้า ข้าก็ยอมแล้วหรือ?
ยอมหรือ? เรื่องนี้ต้องแล้วแต่เขาหรืออย่างไร?
“เจ้าจะไปจูบใครที่ไหนก็ได้ แต่ข้าอวี้อาเหราก็ไม่ใช่คนที่เจ้าจะทำเช่นไรก็ได้ เจ้าไปหาคุณหนูเซิ่นของเจ้าหรือจวินเสวียนจีเถิด พวกนางคงจะยินดีให้เจ้าจูบกระมัง เจ้าลองคิดดู พวกนางล้วนแต่อยากจะเป็นตัวเลือกที่ดีของตำแหน่งชายาซื่อจื่อ มีทั้งศักดิ์ศรีและอำนาจ แต่หากเจ้าไม่ชอบพวกนาง ในโลกนี้ก็ยังมีสตรีอีกมากมาย จะต้องหาคนที่เจ้าชอบพอได้อย่างแน่นอน หากเจ้าหาไม่พบจริงๆ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยหาให้เอง”
อวี้อาเหราหัวเราะขึ้นมา นางอธิบายอย่างละเอียด ราวกับกำลังอธิบายความในใจของเขาออกมาจนหมด
“อวี้อาเหรา!” ฉู่ป๋ายเอ่ยคำสามคำนี้ขึ้นมาลอดไรฟัน ใบหน้ายิ่งหมองคล้ำโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น
อวี้อาเหราทำราวกับไม่เห็นสีหน้าหมองคล้ำของเขา ยังคงพูดต่อไปว่า “เจ้าไม่ต้องมาเรียกข้าเช่นนั้น หากเจ้าเก้อเขินจริงๆ เช่นนั้นชอบใครก็บอกกับข้าตรงๆ ข้าจะได้บอกเสด็จพ่อให้ทูลฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไป”
“เจ้ายังจะพูดอีกหรือ?” ฉู่ป๋ายที่โกรธอยู่แล้ว ใบหน้าก็ยิ่งแสดงความโกรธเคืองขึ้นมาอีก
อวี้อาเหราเม้มริมฝีปาก แล้วพูดคล้อยตามขึ้นอย่างไม่กลัวตาย “ข้าพูดจริงนี่!”
“อวี้อาเหรา เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่? หรือว่า…” ฉู่ป๋ายเคลื่อนกายเข้ามาข้างหน้า ก้มหน้าลง ใบหน้าด้านข้างแสดงสีหน้ามืดมน ตั้งใจที่จะพูดข้างหูของนางด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ “เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าใครคือคนที่ข้าต้องการ เหตุใดข้าจะต้องโกรธด้วย?”
“ไม่รู้” อวี้อาเหราส่ายหน้า
และนางก็ไม่อยากรู้