ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 649 โอย / ตอนที่ 650 ไม่หนาว
ตอนที่ 649 โอย
ทว่ามันจะง่ายเช่นนั้นจริงหรือ?
ตอนนี้ขอแค่ค้นหาพระอารามจีซูให้ได้ก่อน หากยังหาไม่พบ ก็ช่างน่าปวดหัวยิ่งนัก
“คุณหนู หากท่านต้องการจะหาพระอารามจีซูให้พบจริงๆ เหตุใดไม่ลองถามเซิ่นซื่อจื่อดูเล่าเจ้าคะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทราบ”
เจาเอ๋อร์เอ่ยเตือนขึ้น
“ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้นะ!” อวี้อาเหราตื่นเต้น แล้วลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วเดินออกไปข้างนอก
“คุณหนู ท่านจะไปไหนกันเจ้าคะ?” เจาเออร์และเมี่ยวอวี้เห็นนางก้าวเดินอย่างเร่งร้อน จึงชะงักไป
“แน่นอนว่าต้องไปจวนเซิ่นอ๋องน่ะสิ” อวี้อาเหราหันกลับมายิ้ม
เจาเอ๋อร์หยิบเอาเสื้อคลุมกันลมสีแดงที่ฉู่ป๋ายมอบให้นางขึ้นมาแล้วคลุมให้ “วันนี้หนาวนัก พวกเราไม่ควรออกไปข้างนอกนะเจ้าคะ ได้ยินมาว่าหิมะที่ด้านนอกเริ่มแข็งตัวแล้ว คงจะลื่นนักเชียว”
“เช่นนั้นก็ไปเสียตอนนี้สิ” อวี้อาเหราส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ใครจะรู้เล่าวว่าหากเป็นพรุ่งนี้นางจะได้ออกไปหรือไม่ หิมะตกตลอดคืน เมื่อเดินออกไปด้านนอกความหนาวเย็นก็พุ่งเข้ามาปะทะ ทั่วทุกบริเวณกลายเป็นพื้นหิมะขาวแสงสีเงินห่อหุ้มทุกอย่างเอาไว้ งดงามเหลือเกิน
ราวกับโลกทั้งโลกหลงเหลือเพียงสีเดียว
เจาเอ๋อร์ทนไม่ไหว จึงจำต้องเดินตามนางไป
นายบ่าวทั้งสามนั่งลงบนรถม้า เพื่อเดินทางออกไปยังจวนเซิ่นอ๋องอย่างเร่งร้อน
เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง เจาเอ๋อร์ก็นึกขึ้นมาได้ แล้วตบเข่าตัวเองขึ้นมาอย่างแรง “โอ๊ย!”
“เป็นอะไรไป” อวี้อาเหราชะงัก
“คุณหนู ท่านลืมแล้วหรือว่าไทเฮายังทรงต้องการให้ท่านเข้าวังไปเรียนศิลปะสตรี หากวันนี้มีพระราชเสาวนีย์ให้ท่านเข้าวัง แต่ท่านเดินทางไปยังจวนเซิ่นอ๋องเช่นนี้จะทำอย่างไรเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์พูดอย่างกระวนกระวาย
“ไม่ต้องกลัว” อวี้อาเหราหัวเราะ “วันนี้ข้าตื่นเช้า แต่กลับยังไม่เห็นมีคนของไทเฮามาบอกอะไร และอีกอย่างช่วงนี้มีหิมะตกตลอด ไทเฮาเองก็คงไม่มีใจที่จะสนใจข้ามากนักหรอก และฮ่องเต้ยังมีพระราชโองการประทานสมรสให้ข้าและจวินฉางอวิ๋นไปแล้ว นางก็คงจะเตรียมงานแต่งเสียจนยุ่งไปหมด ไหนเลยจะมีเวลามาสอนข้าเรื่องวาดภาพเล่นพิณเล่า ก่อนหน้านี้ที่อยากจะสอนข้านั้นก็เพื่อให้เรื่องงานแต่งงานของข้าและจวินฉางอวิ๋นก้าวหน้าเท่านั้น ตอนนี้ทุกอย่างแน่นอนหมดแล้ว นางคงไม่รีบร้อนหรอก”
“อย่างนั้นก็ดีเจ้าค่ะ แต่บ่าวก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี” เจาเอ๋อร์ลังเล
“มีเรื่องอะไรให้ไม่วางใจอีก หากไทเฮามีพระเสาวนีย์เรียกข้าเข้าวังจริงๆ คนในจวนก็คงจะมาบอกเอง เมื่อถึงตอนนั้นก็ค่อยไปก็ได้นี่นา” อวี้อาเหราไม่มีท่าทีกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ใช่เพราะนางใจกล้าเสียจนไม่เห็นไทเฮาอยู่ในสายตา ทว่าความตั้งใจเดิมของไทเฮานั้นก็คือการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับจวนหลิงอ๋อง ในยามนี้ฮ่องเต้ก็ออกราชโองการมาแล้ว แน่นอนว่าสามารถทำให้นางสงบลงได้ แม้ว่านางจะไม่ไป อีกฝ่ายก็คงจะไม่ว่าอะไรนัก
ดังนั้นความวิตกของเจาเอ๋อร์นั้น นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่
ยามที่นางกำลังลงจากรถม้า เมื่อมาถึงหน้าประตูของจวนเซิ่นอ๋อง เหล่าองครักษ์คุ้นเคยกับนางดี เห็นแล้วจึงไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
“พี่รอง ท่านรอข้าด้วย”
เมื่อนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้น เรียกนางเอาไว้
เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นอวี้จื้อขี่ม้าตามมา น้ำเสียงร้อนรนเป็นอย่างมาก
เจาเอ๋อร์ชะงัก “นายน้อยสามทำไมมาถึงที่นี่?”
เมี่ยวอวี้และอวี้อาเหราไม่สนใจคำพูดของนาง ทว่ากลับมองไปที่อวี้จื้อ หนุ่มน้อยนั่งลงบนม้า ดูแล้วฝีมือการขี่ม้าของเขาคงจะไม่เลวเลยทีเดียว แม้พื้นจะลื่นถึงเพียงนี้เขาก็ยังขี่ม้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่กลัวที่จะลื่นจนล้มเลย วันนี้เขาสวมเสื้อนวมสีน้ำเงินเข้ม สมตัวยิ่ง ราวกับเป็นชุดเพื่อการขี่ม้า
เมื่อม้าหยุดนิ่งลง อวี้จื้อก็หยุดลงตรงหน้า เงยหน้าขึ้นไปมองจวนเซิ่นอ๋อง แล้วมองไปทางพวกนางนายบ่าวทั้งสามคน แล้วสายตาก็หยุดที่ร่างของอวี้อาเหรา “พี่รอง ท่านจะเข้าไปยังจวนเซิ่นอ๋องหรือ?”
ตอนที่ 650 ไม่หนาว
“ใช่แล้ว” อวี้อาเหรายิ้มบาง จากนั้นก็ถามขึ้นมา “เจ้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร?”
“เมื่อครู่นี้เห็นรถม้าของพี่รอง รู้สึกแปลกใจจึงตามมา ที่แท้ก็มาเที่ยวเล่นที่จวนเซิ่นอ๋อง ได้ยินมาว่าจวนเซิ่นอ๋องนั้นกว้างขวางนัก ข้าเองก็อยากจะลองเข้าไปดูบ้าง พี่รองพาข้าเข้าไปด้วยได้หรือไม่”
“เจ้าเองก็อยากไปหรือ?”
อวี้อาเหราลังเล แล้วก้มหน้าเงียบๆ
“ไม่ผิด หรือว่าพี่รองไม่อยากให้น้องไปด้วยหรือ? หากไม่ชอบใจ ข้าก็กลับจวนก็ได้ขอรับ” อวี้จื้อถามขึ้นอย่างรู้ความ ตาของเขาโตนัก ทั้งยังมีแววตาแวววาว ทุกครั้งที่กะพริบตานั้นก็ยังส่องประกายสดใส ราวกับเด็กทารกไม่มีผิด แต่ในความจริงแล้วเขาเองก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น
ช่างเยาว์วัยยิ่งนัก
“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไป แต่ที่นี่เป็นจวนของผู้อื่น เจ้าต้องเชื่อฟังพี่ เข้าใจหรือไม่?”
อวี้อาเหราทนไม่ได้ที่จะเห็นสายตาทั้งคู่ของเขาฉายแววผิดหวัง ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน
จำต้องพูดว่า เขานั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูกว่าอนุรองและอวี้จื่อเยียนมากทีเดียว
“จริงหรือ? พี่รองใจดียิ่งนักขอรับ!” อวี้จื้อยิ้มอย่างยินดี หากไม่ใช่เพราะเขาสูงกว่านางแล้ว เขาคงจะดีใจเสียจนกระโดดโลดเต้นเสียแล้ว ใบหน้าของเขาดูยินดีอย่างใสซื่อ ไม่ดูเหมือนว่าเสแสร้งอยู่เลย
อวี้อาเหรามองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ทว่าเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาเพียงสวมใส่เสื้อผ้าบางๆ นางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ทำไมเจ้าใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเช่นนี้ ไม่หนาวหรือ?”
“ไม่หนาว ข้าชินแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ที่ค่ายทหาร ตอนที่ขี่ม้าเมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้รู้สึกหนาวเลยแม้แต่นิดเดียว” อวี้จื้อส่ายหน้า
“จะได้อย่างไร เจาเอ๋อร์ รีบไปเอาเสื้อคลุมกันลมมาให้นายน้อยสวมเร็วเข้า” อวี้อาเหราสั่ง
เจาเอ๋อร์รีบหยิบเสื้อคลุมกันลมขนสัตว์ออกมา แล้วสวมบนร่างของอวี้จื้อ จนคลุมมาถึงใบหน้ของเขา แต่เดิมที่เขายังเป็นวัยรุ่นยังไม่โตพอ ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น เมื่อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์อยู่บนร่าง ก็เหมือนเด็กขโมยเสื้อคลุมของผู้ใหญ่มาใส่ โชคดีที่เขาตัวสูง มิเช่นนั้นคงน่าขันน่าดู
หลังจากที่สวมเสร็จแล้ว อวี้อาเหราก็มองเขา “พวกเราเข้าไปกันเถิด”
องครักษ์เข้ามากันตัวพวกเขาเอาไว้ เจาเอ๋อร์จึงกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่รู้จักคุณหนูรองของพวกเราหรืออย่างไร?”
“ข้าน้อยย่อมรู้ ทว่าคุณชายผู้นี้ หากไม่มีคำสั่งของซื่อจื่อ ข้าน้อยคงไม่อาจปล่อยให้เข้าไปตามเภอใจได้” องครักษ์เงยหน้าขึ้นมองอวี้จื้ออย่างระมัดระวัง แล้วจึงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ราวกับกลัวว่าอวี้อาเหราจะโกรธ
อวี้อาเหราไม่ค่อยพอใจดังคาด สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในทันที “เขาเป็นน้องชายของข้า อีกทั้งยังเป็นนายน้อยสามแห่งจวนหลิงอ๋อง รีบปล่อยให้พวกเราเข้าไปได้แล้ว”
“คุณหนูรองเข้าไปได้ แต่นายน้อยสามนั้น ข้าน้อยไม่กล้าปล่อยไปจริงๆ ขอรับ”
“เจ้า! พวกเจ้า!” อวี้อาเหราโกรธเคือง “ปล่อยก็ต้องปล่อย ไม่ปล่อยก็ต้องปล่อย ข้าจะไปคุยกับซื่อจื่อของเจ้าให้รู้เรื่อง”
“เรื่องนี้…” องครักษ์ด้านหน้าพากันลังเล ในชั่ววินาทีนั้น อวี้อาเหราก็ดึงมืออวี้จื้อแล้วบุกเข้าไป นางไม่เชื่อหรอกว่าองครักษ์เหล่านี้จะทำอะไรนางได้ ฉู่ป๋ายนี้ก็เหลือเกิน ในจวนแห่งนี้มีกองเงินกองทองหรืออย่างไร ถึงไม่ยอมให้น้องชายของนางเข้าไป
ทว่าเมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว เขาก็มีกองเงินกองทองจริงๆ นี่นา
ในจวนแห่งนี้มีเงินทองสมบัติมากมาย หากนำออกมาสักเล็กน้อยก็สามารถใช้ชีวิตอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนแล้ว
อวี้อาเหราคิด ผ่านไปชั่วพริบตา พวกนางก็บุกเข้ามาด้านในแล้ว
เหล่าองครักษ์เหล่านั้นไม่ทันตั้งตัว ทำได้แต่จ้องมองพวกนางบุกเข้าไปด้านใน ไม่กล้าที่จะเข้ามาขวางอีก