ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 661 เติมน้ำมันลงในเชื้อเพลิง / ตอนที่ 662 ไก่ป่าพญาหงส์
- Home
- ลิขิตฟ้าชะตารัก
- ตอนที่ 661 เติมน้ำมันลงในเชื้อเพลิง / ตอนที่ 662 ไก่ป่าพญาหงส์
ตอนที่ 661 เติมน้ำมันลงในเชื้อเพลิง
“แม่นม ยืนขึ้นเร็วเข้า ไม่ใช่ความผิดของท่านเลยแม้แต่น้อย…” อวี้จื่อเยียนทนไม่ไหว รีบเข้าไปประคองนางกำนัลอาวุโสที่กำลังรนหาที่ตายอยู่
หลิงอ๋องได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นความโกรธเคือง แต่ก็ยังถามอวี้อาเหราด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่พูดนั้นจริงหรือไม่”
“เป็นเรื่องจริงเพคะ” อวี้อาเหราตอบรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
หลิงอ๋องโกรธขึ้นมาทันที “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่านางจะว่าอย่างไร นางก็เป็นแม่นมของพี่สาวเจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่พอใจอนุรองก็ควรจะพูดดีๆ สิ แต่กลับโกรธเคืองเหมือนหญิงบ้าทำทั้งจวนวุ่นวายไปเสียหมด ไม่เข้าเรื่องเอาเสียเลย!”
“ท่านอ๋อง คุณหนูรองตบตีหม่อมฉัน เรื่องนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกเพคะ ทว่าคุณหนูรองกลับบอกว่าอนุรองและคุณหนูใหญ่เป็นแค่เมียน้อยต่ำช้าและลูกเมียน้อยต้อยต่ำ นางเป็นธิดาเอก แต่ยอมเรียกนางว่าอนุและพี่หญิงก็เพราะนางยังให้ความเคารพอยู่บ้าง มิเช่นนั้น แม้นางจะฆ่าอนุรองและคุณหนูใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น”
นางกำนัลอาวุโสได้ทีเติมน้ำมันใส่เชื้อเพลิง ไม่มีท่าทีลังเลใจเลยแม้แต่น้อย และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
สมแล้วที่เป็นหญิงปากมากที่สุดในจวน
เมื่อหลิงอ๋องได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดเสียจนกลายเป็นสีดำคล้ำ
อวี้อาเหราเห็นว่านางพูดเกินความจริง ช่างไม่น่าฟังยิ่งนัก ราวกับไม่ได้มองอนุรองและอวี้จื่อเยียนเป็นคน ทว่าหลิงอ๋องนั้นเป็นคนที่ใจดีกับผู้อื่นเสมอ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็สะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธเคืองเป็นนัยว่าให้หยุดพูดเสีย
อดไม่ได้ที่จะมองไปทางอวี้อาเหราอย่างพินิจ ก่อนหน้านี้นางยังเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายทั้งยังมีมารยาท ทำไมถึงกลายเป็นหญิงร้ายเช่นนี้ นางเป็นคุณหนูของทุกคนจริงๆ หรือ?
เมื่ออนุรองเห็นดังนี้ นางไม่อาจที่จะปล่อยอวี้อาเหราไปได้ ทันใดนั้นก็ร้องไห้ออกมา
“คุณหนูรอง ไม่คิดเลยว่าในใจของท่านจะมองข้าน้อยเช่นนั้น แม้ว่าข้าน้อยจะต่ำต้อยเหมือนผงธุลีดิน แต่อย่างไรเยียนเออร์ก็เป็นธิดาที่กำเนิดแต่หลิงอ๋องจริงๆ หรือว่าท่านดูถูกแม้แต่สายเลือดของท่านอ๋องหรือเจ้าคะ”
คำพูดของนางนั้นหนักหนาเพียงพอ แน่นอนว่าสามารถทำให้หลิงอ๋องไม่พอใจแน่
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ อวี้อาเหราก็ยังคงเงียบงันไม่พูดไม่จาแม้แต่ประโยคเดียว
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เห็นพวกของอนุรองพากันพูดจาอยู่ฝ่ายเดียว จนทำให้คุณหนูของนางกลายเป็นหญิงที่ชอบดูถูกดูแคลนคนอื่นไปเสียแล้ว แม้จะเป็นกระนั้นแต่คุณหนูของนางก็ยังไม่พูดไม่จาอะไร ไม่เหมือนคุณหนูในยามปกติแม้แต่น้อย ซึ่งคงจะต้องตอบโต้ไปบ้างแล้ว
ก่อนหน้านี้นางยังร้องโวยวายเป็นหญิงบ้าขี้โมโห แต่ตอนนี้กลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
คุณหนู กำลังทำอะไรกันแน่นะ?
ในความโกรธเกรี้ยวของหลิงอ๋อง หลิงอ๋องยังคงมองอวี้อาเหราอย่างรักใคร่เช่นเดิม “อาเหรา เจ้ามีอะไรปิดบังเอาไว้หรือ”
“ไม่มีเพคะ ลูกเพียงไม่อยากสมรสกับรัชทายาทเท่านั้น” อวี้อาเหราเอ่ยปากพูดเสียงแข็ง ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
เจาเอ๋อร์ร้อนรนขึ้นมาในทันที เอ่ยเตือนนางข้างๆ ว่า “คุณหนู ท่านต้องรีบอธิบายนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นท่านอ๋องจะทรงกริ้วเอานะเจ้าคะ”
“อธิบายอะไรอีก? ไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้ว” น้ำเสียงของอวี้อาเหรายังคงแข็งกร้าวเหมือนเดิม
“คุณหนู…ท่าน…” อวี้อาเหรากล่าวเช่นนี้ เจาเอ๋อร์ก็รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
อนุรองและแม่นมนั่นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จะต้องอธิบายอะไรอีกเล่า
จึงหันไปมองเมี่ยวอวี้โดยไม่พูดไม่จา เจาเอ๋อร์หมดหนทางแล้ว
คุณหนูของนางไม่ฟังคำเลย พวกนางจะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก
อวี้จื้อช้อนตาขึ้นมอง ประคองหลิงอ๋องเอาไว้ “เสด็จพ่อ อย่าได้ทรงกริ้วเลย ฟังคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าก่อนเถิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“เจ้าพูดมีเหตุผล” หลิงอ๋องอ่อนใจกับอวี้อาเหราที่ไม่ยอมพูดจาเสียที จึงหันไปมองคนที่อยู่รายล้อม เอ่ยถามเสียงเข้ม “พวกเจ้าบอกเรามาตามตรง หากบิดเบือนคำพูดแม้แต่น้อยจะต้องถูกตัดหัว!”
ตอนที่ 662 ไก่ป่าพญาหงส์
ทุกคนพากันก้มหน้าลง ในใจล้วนสั่นไหว รีบก้มหน้าลงในทันที
หากจะให้พูดเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากที่เห็น ก็เป็นอย่างที่นางกำนัลอาวุโสผู้นั้นพูดจริงๆ
ยิ่งได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลิงอ๋องก็ยิ่งเปลี่ยนไปเป็นโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะตัดบทคนที่พูดอยู่ “พอแล้ว เราเข้าใจทั้งหมดแล้ว พวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็ไปทำเถิด ห้ามเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด หากเกิดข่าวลือขึ้น ข้าจะต้องมาเอาโทษพวกเจ้าแน่”
สาวใช้และเหล่าองครักษ์ต่างก็รีบหนีออกไปนทันที ไหนเลยจะกล้าพิรี้พิไรเล่า?
เมื่อทุกคนต่างพากันออกไปจนหมดแล้ว สายตาของหลิงอ๋องก็หันไปมองยังอวี้อาเหราทันที แล้วก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว “เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่จะต้องพูดอีกหรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะโกรธก็ไม่ควรที่จะโมโหเช่นนั้น ทั้งยังพูดเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดอีก เจ้าเห็นพี่สาวของเจ้าเป็นอะไร รู้สึกผิดหรือยังเล่า”
“ลูกไม่ผิด” อวี้อาเหราเชิดหน้าขึ้น ยังคงยืนยันตัวเองเช่นนี้
“เจ้า!” หลิงอ๋องโกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือด แต่ก็กลับแค่นหัวเราะขึ้นมา “เจ้าช่างกล้าพูดยิ่งนัก ดูแล้วเป็นเพราะข้าตามใจเจ้าเสียจนเหลิง ถึงได้ไม่รู้มารยาทเช่นนี้”
“หากเสด็จพ่อต้องการที่จะลงพระอาญาก็เชิญเถิดเพคะ” อวี้อาเหรายังคงพูดอย่างไม่ยี่หระ
“เจ้าว่าอะไรนะ?!” หลิงอ๋องชะงัก เป็นครั้งแรกที่มีคนขอร้องให้ลงโทษเช่นนี้
อนุรองกระวนกระวายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกว่าวันนี้อวี้อาเหราช่างผิดแผกไปจากทุกวัน หากเป็นเมื่อก่อนนางคงจะพูดจาหลอกล่อหลิงอ๋องให้อภัยให้นางไปแล้ว ทั้งยังพูดจาผลักโทษทัณฑ์ทั้งหมดมาให้นางไปแล้ว วันนี้นางตั้งใจที่จะส่งนางกำนัลอาวุโสมาลองดูเท่านั้น ไม่คิดว่าผลจะออกมาเกินคาด
หรือว่านางเปลี่ยนไปเป็นคุณหนูรองคนก่อน?
เมื่อเห็นท่าทีไม่ยอมแพ้ของนาง ก็ไม่เห็นท่าทีอ่อนข้อให้เห็นแม้แต่น้อย
ในที่สุดอวี้อาเหราก็มองไปทางอนุรอง “ครั้งนี้เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่”
“คุณหนูรองหมายความว่าอย่างไรกัน?” อนุรองไม่ทันตั้งตัว ไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร
มุมปากของอวี้อาเหราคลายเป็นรอยยิ้มเย็น “เจ้าตั้งใจที่จะส่งนางกำนัลผู้นั้นมาเตรียมงานแต่งงานให้กับข้า ก็เพื่อที่จะเห็นข้าโกรธเคือง ตอนนี้ยังโดนเสด็จพ่อดุว่า คงจะสมใจเจ้าแล้วสินะ ที่ต้องการที่จะไล่ข้าออกไป จากนั้นก็ให้ลูกชายของเจ้ารับช่วงจวนนี้ต่อใช่หรือไม่”
“คุณหนูรอง ท่านพูดเรื่องอะไรกันแน่!” ให้ตายอย่างไรอนุรองก็ไม่ยอมรับแน่ว่าเป็นฝีมือของนางจริงๆ
อวี้อาเหรากลับนำเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาจนหมด นางโกรธเสียจนตัวสั่น
ไม่คิดเลยว่านางกลับพูดออกมาตรงๆ ไม่มีแผนการหรือเล่ห์เหลี่ยมอะไร ราวกับตบหน้าของอนุรอง ทั่วทั้งร่างของนางแทบยืนไม่อยู่ นางยังไม่ทันเอ่ยกว่าอะไร อวี้อาเหรากลับพูดออกมาหน้าตาเฉย
“อนุรอง เจ้าไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว เจ้าต้องการตำแหน่งของเสด็จแม่มิใช่หรือ? แต่ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้น แล้วก็อย่าคิดว่าลูกของเจ้าจะได้ขึ้นมาเป็นธิดาเอก เพราะว่าอย่างไรก็ตามลูกเมียน้อยก็เป็นได้แค่ลูกเมียน้อย ไก่ป่าอย่างไรก็คือไก่ป่า จะกลายเป็นหงส์ได้อย่างไร อนุรอง เจ้าว่าข้าพูดถูกหรือไม่เล่า?”
อวี้อาเหราไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย จำได้แต่เพียงพูดออกไปตามตรง
อนุรองได้ยินนางว่าเช่นนี้ ก็สติหลุดเสียจนไม่อาจหาทางตอบโต้ได้
“ทำไมเล่า พูดไม่ออกเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพูดแทนเจ้าเองดีหรือไม่ เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถิด หากไม่เห็นแก่พระพักตร์เสด็จพ่อ ไหนเลยข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว ตอนที่เสด็จแม่ของข้าสิ้นพระชนม์นั้น หรือว่า…เป็นเพราะเจ้าตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น” อวี้อาเหราว่าอย่างดุดัน