ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 107
ตอนที่ 107 โฉมหน้าผู้อัปลักษณ์
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่สนใจ”
ประโยคนี้ของหวาเหวินแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชาและเรียบเฉย ไม่เปิดโอกาสให้ปรึกษาแต่อย่างใด จนกระทั่งปฏิเสธออกไป
“เธอคิดดูดี ๆ ก่อนก็ได้นะ”
“ใช่ๆ สาวน้อย เธอกำลังเรียนอยู่เพื่ออนาคต เพื่อหาเงินไม่ใช่เหรอ?”
“หนึ่งเดือนฉันรับรองไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวนอย่างแน่นอน เธอแค่นั่งอยู่บนตำแหน่งพิธีกรผู้มากความสามารถก็พอแล้ว หรืออยากจะร้องเพลง เราก็สามารถช่วยปรับเสียงให้เธอได้นะ”
“เราช่วยให้เธอเล่นบทละครหลังข่าว รับรองเลยว่าเธอต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน”
“หลบหน่อย ๆ ฉันจะเข้าเรียน แล้วก็ ….. อย่ามากอีกนะคะ เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวน”
เมื่อพูดจบ หวาเหวินก็เดินเข้าไปในห้องเรียน แล้วปิดประตูดังปังทันที
นายหน้าเหล่านั้น ล้วนถูกปิดประตูใส่ไม่รับแขกแต่อย่างใด
นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน และไม่ไกลนัก หยวนซ่าวและคนอื่น ๆ ก็คิดไม่ถึงด้วยเช่นเดียวกัน
“เพื่อน น้ำเสียงของพี่สาวคนนั้นเหมือนกับนายมากจริง ๆ และก็ชอบพูดคำว่า ไม่สนด้วย”
หยวนซ่าวไม่เอ๋ยเสียงใดออกมา จริง ๆ แล้ว การปฏิเสธคนเหล่านั้นเมื่อสักครู่เขาเองก็ไม่นึกไม่ถึงเหมือนกัน
อีกทั้งน้ำเสียงในการปฏิเสธก็คล้ายคลึงกับเขามากด้วย
เขายอมรับว่าการแสดงออกของเธอเหนือความคาดหมายจริง ๆ
ตอนแรกหวาเหวินเองก็ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่นัก แต่ต่อมาก็พอจะปรับตัวได้
เธอคิดแค่เพียงง่าย ๆ ว่า ขอแค่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนก็เพียงพอแล้ว
แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้คิดแบบนี้…….
ลู่เสวี่ยนอี้เป็นดาวมหาลัยแห่งนี้ เป็นนักศึกษาปีสามอยู่ในสาขาภาควิชาภาษาจีน
เธอมักจะโดดเด่นมากที่สุดในมหาวิทยาลัยมาตลอด แต่ตอนนี้กลับมีคนมาแย่งความโดดเด่นของเธอไป ในใจของเธอย่อมรู้สึกไม่พอใจอย่างมากทีเดียว
โรงอาหารในช่วงพักกลางวัน เหล่าบรรดาเพื่อนๆข้างกายต่างก็ให้ความสนใจในตัวเธอ
ลู่เสวี่ยนอี้ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง และไม่ปฏิเสธ
ดังนั้นในช่วงบ่าย เธอและเสี้ยเข่อเข่อเพื่อสนิทได้เดินผ่านสาขาวิชาประวัติศาสตร์ หรือพูดง่ายๆว่าตั้งใจจะเดินผ่านสาขาวิชาประวัติศาสตร์
ซึ่งในตอนนั้นหวาเหวินเดินออกมาพอดี เพื่อไปล้างมือ
แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน………
เสี้ยเข่อเข่อคนนั้นก็ตั้งใจชนไหล่ด้านข้างของหวาเหวินเล็กน้อย
อย่างไร้มารยาทเอามาก ๆ
หวาเหวินหันกลับไปมองเธอ แล้วรอให้เธอพูดขอโทษ
ผู้หญิงคนนั้นกลับด่าทอออกมาอย่างไร้มารยาทว่า “เธอนิเดินไม่ดูตาม้าตาเรือรึไง?”
หวาเหวินมองไปทางเธอด้วยสายตาเรียบเฉย “เธอมาชนฉันก่อนนะ”
“เธอเดินไม่ดูทางเอง แล้วมาโทษฉันเนี่ยอ่านะ? อย่าคิดว่าตัวเองมีหน้าตาสะสวยแล้วจะทำยังไงก็ได้นะ …… ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า”
เสี้ยเข่อเข่อตั้งใจพูดเสียงดัง ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจของเหล่านักศึกษาไม่น้อย
ทุกคนต่างก็รู้ว่าเสี้ยเข่อเข่อคนนี้ตั้งใจมารังแกเด็กใหม่คนนี้
น่าจะระบายอารมณ์ให้กับลู่เสวี่ยนอี้
ลู่เสวี่ยนอี้รู้สึกว่ามันมากเกินไป เลยดึงเสี้ยเข่อเข่อไว้ “ช่างเถอะ เข่อเข่อ เราไปกันเถอะ”
“เสวี่ยนอี้ของเรามีเมตตาหรอกนะ ฉันเองก็ไม่อยากลดตัวเองลงมายุ่งกับเธอเท่าไหร่หรอก ครั้งต่อไปก็เดินดูทางด้วยละกัน ยัยโง่”
เมื่อเสี้ยเข่อเข่อด่าจบแล้วเพิ่งจากไปได้ไม่นาน หวาเหวินก็เอ่ยปากขึ้นเธอพูดว่า “ฉันเห็นรอบดวงตาของเธอดูคล้ำๆนะ สีหน้าของเธอก็ดูหมองๆ ช่วงนี้น่าจะอดหลับอดนอนมากแน่ ๆ แววตาถึงได้ไร้ชีวิตชีวาแบบนี้ ดูอัปลักษณ์ เต็มไปด้วยความกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย ……… น่าจะดึงดูดเอาสิ่งสกปรกเข้ามา ถ้าไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว มันก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ช่วงนี้จะเจอแต่เรื่องซวย”
“เธอพูดอะไร? เธอกล้าด่าฉันเหรอ?”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่คำด่า นี่เป็นคำเตือนจากใจจริง ขอให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นนะ”
เมื่อหวาเหวินพูดจบ ก็กระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ดึงปีกหมวกลงต่ำแล้วเดินจากไปทันที
ทุกคนคิดว่าเธอโกรธเลยพ่นคำเหล่านี้ออกมา
แต่ช่วงบ่ายก็ได้ยินเพื่อนร่วมห้องหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
มีผู้หญิงภาควิชาภาษาจีนคนหนึ่ง ในคาบวิชาพละศึกษา หกล้มอย่างไม่ทันระวังตัว จนข้อเท้าพลิก ว่ากันว่าต้องส่งตัวไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล แล้วยังต้องตามเหล็กอีกด้วย
หวาเหวินจึงเลยตั้งใจถามออกไปว่า “ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าอะไร?”
“ดูเหมือนว่าจะชื่อ…..เสี้ยเข่อเข่อภาควิชาภาษาจีน เป็นเพื่อนห้องเดียวกับลู่เสวี่ยนอี้ดาวมหาลัยคนนั้น”
หวาเหวินยิ้มออกมาอีกครั้ง……….