ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 114
ตอนที่ 114 งานเลี้ยงปฐมนิเทศ
ในช่วงเวลานี้ หยินซิ่งได้ยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ
เธอเสิร์ฟให้เหลียงเซียวเซียว 1 แก้ว และหวาเหวิน 1 แก้ว
หวาเหวินหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบไปเล็กน้อย
เหลียงเซียวเซียวเองก็ยกขึ้นมาจิบด้วยเช่นกัน เพียงแต่มองมาทางหวาเหวินด้วยสีหน้าคาดหวัง ราวกับกำลังรอคำตอบจากเธออย่างไรอย่างนั้น
“เรื่องขอโทษไม่ต้องหรอกคะ ฉันกับแซ่จื๋อจ้วนไม่ได้แต่งงานกัน เราสองคนไม่ได้มีบุญคุณและความแค้นอะไรต่อกัน ……… แต่ฉันอยากจะถามอะไรเธอหน่อย ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉัน?”
เหลียงเซียวเซียวรีบอธิบายทันทีว่า “เพราะเมื่อก่อนฉันดูถูกเธอ คิดว่าเธอคงจะเหมือนอย่างในข่าวลือมาโดยตลอด ต่อมาฉันก็เพิ่งพบว่าฉันกลับมีความสามารถที่อ่อนด้อยกว่า มีตาหามีแววไม่ คุณหนูห้าไม่เพียงแต่จะมีหน้าตาที่สะสวยแล้ว อีกทั้งยังมีความสามารถรอบด้าน ฉันเลยคิดว่าฉันอยากมีเพื่อนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ แล้วเลียนแบบความโดดเด่นและคุณสมบัติที่ดีในตัวของเธอ”
คำพูดเหล่านี้ ขนาดตัวของเหลียงเซียวเซียวเองก็ยังไม่อยากจะไม่เชื่อ?
แต่จะว่าไปแล้ว คำพูดที่สวยหรูใครบ้างที่จะไม่อยากฟัง?
หวาเหวินยิ้มออกมา “ขอบคุณนะที่เธอยอมรับฉัน แต่ฉันไม่ได้ขาดเพื่อน”
“แบบนี้เอง……”
หลังจากที่ถูกปฏิเสธ เหลียงเซียวเซียวก็ไม่ค่อยพอใจนัก
จากนั้นก็เริ่มใช้กลยุทธ์หลอกล่อศัตรูให้หลงเชื่อในทันที เธอก้มหน้าลงแล้วแสดงท่าทางอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ฉันรู้ว่านักแสดงอย่างฉันตระกูลที่มีชื่อเสียงร่ำรวยเงินทองอย่างพวกเธอไม่มีทางปรายตามองอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรสถานะของฉันก็ไม่ดีมาก พวกเธอคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ตอนเด็ก ๆ พวกเธอได้สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์อาร์มานี่ แต่พวกเราสวมใส่เสื้อผ้าตัวเก่าขาดๆ กว่าจะได้สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์อาร์มานี่ในตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเธอเริ่มสร้างเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบ ระยะห่างระหว่างความรวยกับความจนของพวกเขามีมากเกินไป ถึงตอนนี้ฉันจะมีเงินแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรสถานะก็ยังเป็นแบบนั้น คุณหนูดูถูกพวกเราแบบนี้ ฉันเข้าใจค่ะ”
หวาเหวินเอนหลังพิงโซฟา เธอมองเกมส์ที่เหลียงเซียวเซียวออกอย่างชัดเจน
เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน
จากนั้นก็ต้องฝืนรับเป็นเพื่อนอย่างจำใจ
แต่หวาเหวินไม่ใช่คนแบบนั้น เธอสมกับที่เป็นหญิงเลวที่เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นคนดีมาแต่ไหนแต่ไร
ดังนั้นจึงได้แต่มองดูการแสดงของเธออย่างเงียบ ๆ…..
จนกระทั่งอยากจะตะโกนพูดออกไปดัง ๆว่า “เชิญการแสดงต่อไปของเธอได้เลย”
แต่เมื่อคิดไปคิดมา ก็สมควรต้องไว้หน้าเธอสักหน่อย
น้ำตาได้เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเหลียงเซียวเซียว หลังจากที่พูดเรื่องเหล่านี้จบลง ก็รอดูหวาเหวินแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง รอดูหวาเหวินแสดงท่าทางเห็นอกเห็นใจ
แต่เธอกลับไม่มี
เธอเพียงแค่พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณหนูเหลียงมองตัวเองชัดเจนขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็คงจะไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เมื่อเลือกเดินเส้นทางที่ไม่เหมือนกันก็คงจะสิ้นหนทางได้ร่วมงานกัน ……. หยินซิ่ง ส่งแขก”
จากนั้นเหลียงเซียวเซียวก็อึ้งงันด้วยความตกใจ
มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ?
หรือว่าการแสดงเมื่อกี้ของเธอไม่ดีพอ?
ทำไมเป็นแบบนี้ละ?
เธอใช้กลยุทธ์หลอกล่อให้เห็นใจล่อลวงคนได้ตั้งเท่าไหร่อ่า?
ขนาดนั้นแซ่จื๋อจ้วนก็ยังเคยซื้อห้องซื้อรถเพราะสงสารเธอเลย คิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวคนเดียวคงจะใช้ชีวิตในวงการบันเทิงอย่างยากลำบากแน่นอน
แต่ ….. ทำไมคุณหนูห้าถึงดูไม่แยแสขนาดนี้ละ?
หรือว่าเธอไม่ได้รู้สึกร่วมด้วยสักนิด?
เหลียงเซียวเซียวจึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกเจ้าของบ้านปิดประตูใส่หน้าอย่างจังแล้ว
หวาเหวินเองก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในตอนที่เธอกำลังกินรังนกอยู่นั้น ชุนเถาก็เตือนขึ้นมาว่า “คุณหนูคะ มหาวิทยาลัยของคุณหนูจะมีงานเลี้ยงปฐมนิเทศด้วยใช่ไหมคะ?”
“น่าจะนะ ฉันไม่ได้สนใจ”
“แล้วคุณหนูไม่เตรียมตัวการแสดงสักหน่อยเหรอคะ?” ชุนเถาแกล้งหยอกคุณหนูของตัวเอง
หวาเหวินหยิบทัพพีขึ้นมา พร้อมกับยิ้มอย่างแก่นแก้วเล็กน้อย “ฉันจะไปแสดงอะไรได้เล่า? เอาหน้าอกทุบหินรึไง? หรือรอดหวงไฟดี?”
เมื่อพูดจบ ชุนเถาและหยินซิ่งต่างพากันหัวเราะออกมา
“คุณหนูนิเป็นคนที่ขี้เล่นจริง ๆเลยค่ะ”
ในตอนนั้นเอง เจียงหยู่ก็กลับมาถึงบ้านพอดี เมื่อเข้ามาเข้าก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ในใจจึงเกิดความอุ่นใจขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรน่าหัวเราะขนาดนั้นเหรอ? เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” เจียงหยู่ถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะเดินมาทางหวาเหวิน