ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 118
ตอนที่ 118 คนโหดเหี้ยม
จริง ๆแล้วบทเพลงของ Liszt เป็นบทเพลงที่เล่นยากมาก เพลง Ghost Fire ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้นเมื่อเริ่มเล่น ลู่เสวี่ยนอี้ก็เล่นด้วยอาการกระสับกระส่าย จนตามท่วงทำนองไม่ทัน
แต่หวาเหวินกลับเล่นไปอย่างมีระเบียบ ไม่มั่วเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้เพี้ยนตามลู่เสวี่ยนอี้อีกด้วย
ในช่วงท่อนแรกลู่เสวี่ยนอี้พยายามที่จับปลาในน้ำขุ่น………
แต่พอท่อนที่สอง ในตอนที่เพิ่มความเร็วขึ้น นิ้วมือของเธอกลับไม่สามารถควบคุมได้ซะงั้น
น้ำตาของเธอได้เอ่อล้นออกมาจากดวงตาอย่างช้า ๆ ………..
จากนั้นก็ลุกขึ้นขอโทษทุกคน โดยไม่พูดอะไร ทำได้เพียงแค่ยืนมองหวาเหวินที่อยู่ข้างกายเล่นไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเธอเห็นหวาเหวินเล่นเปียโนในระยะประชิดขนาดนี้ เธอก็ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างมากทีเดียว
เดิมทีเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่มีความชำนาญทางด้านการเล่นเปียโนอย่างแน่นอน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าในตอนที่เจ้าตัวแสดงออกมา จะเหมือนกับระดับปรมาจารย์มากขนาดนี้
เมื่อเห็นฝีมือที่เก่งกาจนี้แล้ว ก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอต้องได้รับการฝึกฝนมาเนิ่นนานหลายปีแล้วอย่างแน่นอน
เดิมทีลู่เสวี่ยนอี้ตั้งใจจะทำให้หวาเหวินเสียหน้า แต่กลับถูกอีกฝ่ายตบกลับมาได้อย่างโหดเหี้ยม
มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก อยากร้องแต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา………
ทำได้เพียงแค่รู้สึกเสียใจภายหลังเท่านั้น……..
แซ่จื๋อจ้วนตื่นเต้นมากทีเดียว เมื่อเห็นหวาเหวินเล่นเพลงของ Liszt ได้อย่างยอดเยี่ยมมากขนาดนี้
ตอนแรกเขากำลังจะรับประทานอาหาร แต่แล้วก็ต้องวางตะเกียบลง
แล้วพูดชื่นชมออกไปว่า “ไอโย หวาเหวินของฉันร้ายกาจมากจริง ๆ ฉันมองคนไม่ผิดเลยจริง ๆ”
เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องการเล่นเปียโนของหวาเหวิน เจียงหยู่ก็ไม่ได้แปลกใจสักนิดแต่อย่างใด
เพราะก่อนหน้านั้นข้อมูลที่เขาทำการตรวจสอบมามันก็บอกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนก็ตาม แต่เธอก็ยังเก่งกว่านักเรียนในโรงเรียนที่โด่งดังเหล่านั้นมากทีเดียว
เล่นเปียโน วาดภาพ แต่งเพลงก็ล้วนแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญไปสักทุกสิ่งอย่าง
โชคดีที่ตอนนี้เป็นยุคสมัยใหม่ ถ้าเป็นสมัยโบราณละก็
เขาต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่านายหญิงแก่ตระกูลหวาต้องเอากฎเกณฑ์ขององค์รัชทายาทไปสอนให้กับหวาเหวินอย่างแน่นอน
ถึงได้เป็นผู้เชี่ยวชาญมีความสามารถรอบด้านขนาดนี้
ชุนเถาและหยินซิ่งก็ดูถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“คุณหนูมีพลังเก่งกาจจริง ๆ ตอกกลับแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นต้องหน้าหงายอย่างแน่นอนเลย
“คุณหนูของพวกเราถ้าไม่ลงมือก็ไม่คือไม่ แต่ถ้าลงมือเมื่อไหร่ ล้วนทำให้พวกเขาเกรงกลัวทั้งนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า” หยินซิ่งกินเมล็ดทานตะวันไปพลาง พร้อมกับชื่นชมคุณหนูและไว้อาลัยให้กับดาวมหาวิทยาลัยหมินจูไปพลาง
หลังจากที่เล่นเปียโนจบลง หวาเหวินก็ลุกขึ้น แล้วแสดงความเคารพที่ตามมารยาทอย่างงดงาม
เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้นมาในงานแห่งนี้ แล้วยังคงดังกังวานนานราวครึ่งค่อนวัน
ลู่เสวี่ยนอี้โค้งตัวขอโทษราวกับดอกหญ้า ก่อนพูดว่าตัวเองร่างกายไม่ค่อยสบาย จึงได้เกิดผลกระทบเมื่อสักครู่ จากนั้นก็ลงเวทีไป
ความจริงแล้วทุกคน ณ ที่แห่งนี้ต่างก็ดูออก ว่าลู่เสวี่ยนอี้นั้นไม่ได้ไม่สบายอะไรแต่อย่างใด
เพราะละอายแก่ใจที่เอาชนะไม่ได้
เรื่องนี้ทำให้เทพธิดาอย่างหวาเหวินโด่งดังภายในรั้วมหาวิทยาลัยมากขึ้น……
สื่อมวลชนหลายแขนงได้แชร์วิดีโอนี้ออกไป
โชคดีที่หวาเหวินปิดหน้าไว้ ทำให้ทุกคนมองไม่เห็นหน้าตาของเธออย่างชัดเจนเท่าไหร่นัก เพราะเธอไม่อยากเปิดเผยสถานะของตัวเอง
ถ้าสถานะของเธอถูกเปิดเผยละก็ ยิ่งลำบากกว่านี้แน่
หลังจากที่หวาเหวินเดินลงจากเวทีไป กลับมายังที่นั่งเดิมของตัวเอง จากนั้นก็ทำการดูการแสดงต่อไปอย่างสงบนิ่ง
หยวนซ่าวนั่งอยู่ด้านหลังของเธอในระยะที่ใกล้มาก
หยวนซ่าวเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา จากนั้นก็หยิบกระดาษทิชขึ้นมาขย่ำๆ
แล้วขว้างออกไป….
หวาเหวินหันกลับมา พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เล่นเพลงของLiszt ได้โคตรเจ๋งมาก ยกนิ้วให้เลย” ประโยคนี้ไม่ใช่การประจบประแจง แต่เป็นการชื่นชมจากใจจริง
หยวนซ่าวเรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก ๆ มาหลายปี เมื่อโตขึ้น ก็หลงใหลในกีฬาบาสเกตบอล
แต่เขาก็ยังพอเข้าใจวิธีการเล่นของหวาเหวินอยู่ไม่น้อย ว่าเป็นธรรมชาติมากขนาดไหน
หวาเหวินพยักหน้าเล็กน้อย แสดงออกว่าเธอรู้แล้ว โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ท่าทางแบบนี้ ดูค่อนข้างโอ้อวดมากทีเดียว
ไม่มีใครใส่ใจเดือนมหาลัยอย่างเขาสักนิด
พูดตามหลักก็คือ ในใจของหยวนซ่าวรู้สึกหดหู่ใจมากทีเดียว
“ฮ่าฮ่า เพื่อนหยวนของเราปิดกั้นความสัมพันธ์มาเนิ่นนานหลายปี จนกระทั่งมีนักฆ่าสาวโผล่มา ตอนนี้เขามีคู่ต่อสู้ที่สูสีเข้าซะแล้ว…..ฉันว่าผู้หญิงดูจะไม่ได้สนใจนายเท่าไหร่นะ ผู้หญิงคนนี้ดูเป็นคนยึดมั่นในศักดิ์ศรีมากกว่าลู่เสวี่ยนอี้อีกนะ……..”
หยวนซ่าวอยากจะพูดบางอย่างออกไป แต่แล้วเสียงวีแชทในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อเขาเปิดดู พบว่าเป็นของลู่เสวี่ยนอี้
“เมื่อกี้ฉันแสดงได้ไม่ดี ฉันรู้สึกแย่มาก จึงอดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ศาลา นายมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”