ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 136
ตอนที่ 136 เปลี่ยนไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังไม่ทันได้วางขายในท้องตลาด หวาผิงก็ได้รับมันไปแล้ว ช่างเป็นอะไรที่โคตรเจ๋งมากจริง ๆ
ในตอนนั้นเอง สื่อมวลชนที่อยู่ด้านข้างก็ได้ทะลักกันเข้ามา แล้วล้อมทั้งสองคนไว้
“คุณชายแซ่ ขอถามหน่อยคะว่าคุณกับหวาผิงมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอคะ?”
“คุณชายแซ่ ดูเหมือนว่าก่อนหน้าพวกคุณทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเลย แล้วมันเกิดขึ้นตอนไหนครับ?”
“คุณชายแซ่ครั้งนี้คุณไม่ได้ใช้ทองคำ แต่เลือกที่จะให้ สือเซิงฉานเหมียน คุณกับคุณหนูหวาผิงเหมือนกับสร้อยข้อมือสือเซิงฉานเหมียนเส้นนี้ไหมครับ?”
แซ่จื๋อจ้วน : …………
หวาผิง :…………….
“คุณชายแซ่………….”
แซ่จื๋อจ้วนถูกถามจนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เขาจึงได้ชิงไมโครโฟนขึ้นมาพูดว่า “ทุกท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมกับหวาผิงเราเป็นเพียงแค่เพื่อนกันจริง ๆ ไม่ได้รักกันแบบคู่รัก และหลังจากนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นด้วย การให้ของขวัญ เป็นการแสดงถึงมิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างเพื่อน ผมเป็นคนใจกว้างมากพอ เพื่อน ๆ ของผมต่างก็ได้รับของมีค่าจากผมทั้งนั้น และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วย เอาละ สำหรับเรื่องนี้ผมจะไม่ขอตอบอะไรอีก ทุกคนรีบแยกย้ายกันได้แล้วครับ”
หลังจากอธิบายจบแล้ว แซ่จื๋อจ้วนก็นำสร้อยข้อมือยัดใส่มือของหวาผิง แล้วหมุนตัวไปหาที่สงบสติอารมณ์ในมุมห้องทันที
หวาผิงเองก็ตะลึงอึ้งงันไปไม่น้อย
แต่ในเมื่อแซ่จื๋อจ้วนตอบกลับชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่คนรัก ยังไงมันก็ไม่ใช่
ถึงอย่างไรคุณชายรองแซ่ก็เป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ไม่มีการปกปิดซ่อนเร้นอยู่แล้ว เมื่อก่อนเวลามีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเขาก็มักจะเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งเสมอ
หวาผิงเอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับการต้อนรับเพื่อน ๆ
หวาเหวินเลยถือโอกาสตอนที่เธอว่างเอาของขวัญมาให้กับเธอ
“พี่สาม สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
“ไม่ต้องเลยเธออ่า แค่เธอมาก็พอแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นยู่แล้ว”
“ของเจียงหยู่คะ” หวาเหวินยิ้ม
“อ่อ ถ้าตระกูลเจียงให้มา งั้นฉันรับ ตระกูลเขามีเหมืองแร่ ฉันก็ขอสักหน่อยละกัน”
เมื่อพูดจบ หวาผิงก็ลูบไปบนศีรษะของหวาเหวินเล็กน้อย
หวาเหวินเลยถือโอกาสนี้แนะนำให้แก่เธอ “พี่สาม นี่คือเพื่อนของเจียงหยู่คะ หวางเซียวอี้”
“คุณชายหวาง ยินดีที่ได้พบคุณคะ”
หวาผิงพยักหน้า พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เพื่อแสดงการทักทาย
หวางเซียวอี้และหวาผิงต่างก็รู้จักอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน และก็ไม่เคยกินข้าวด้วยกัน
หวาผิงอยู่แต่ในวงการบันเทิง มีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบปะกับคนในตระกูลมั่งคั่ง ดังนั้นครั้งนี้ทั้งสองคนจึงได้พบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก
หวางเซียวอี้รีบยื่นของขวัญวันเกิดออกไป
เพราะด้วยความที่ไม่ได้สนิทกัน ดังนั้นเขาจึงซื้อแค่เพียงกระเป๋าแอร์แม็สที่ดูจะแสนธรรมดา ราคาประมาณเจ็ดหมื่นกว่าหยวนมาหนึ่งใบเท่านั้น
หวาผิงยิ้มพร้อมกับรับมา “ขอบคุณค่ะคุณชายหวาง เชิญทุกคนทานของว่างกันก่อนนะคะ ตามสบายนะคะ”
หวาผิงทักทายเพื่อน ๆ ตลอดงาน จนเวลาล่วงเลยมาถึง 3 ทุ่ม งานเลี้ยงวันเกิดก็เป็นอันสิ้นสุดลง
หวาผิงมีความสุขมาก และอยากร้องเพลงมากเช่นเดียวกัน
จึงจูงมือของหวาเหวินไม่ยอมปล่อย หวาเหวินเลยทำได้เพียงแค่ตามเธอไป เมื่อหวาเหวินไปแล้ว เจียงหยู่ก็ต้องตามไปด้วย และเจียงหยู่เองก็ลากหวางเซียวอี้ไปด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนแซ่จื๋อจ้วน วันนี้เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนหวาเหวินแต่อย่างใด
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่านักข่าวที่รวมอยู่ในงานด้วย เขาเลยกลัวว่าจะมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อหวาเหวิน
จนกระทั่งตอนที่ทุกคนออกไปยืนรอรถอยู่ที่ประตูนั้น
เจียงหยู่ออกไปเอารถ ส่วนหวาเหวินและหวาผิงเองก็ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
แซ่จื๋อจ้วนจึงได้เดินเข้ามา
เขามองไปทางหวาเหวิน ก็พูดขึ้นอย่างอาย ๆ ว่า “หวาเหวิน เจอกันอีกแล้วนะ”
หวาเหวินแปลกใจเล็กน้อย พร้อมกับคิดในใจว่า แซ่จื๋อจ้วนคนนี้ปกติใช่ไหม?
ครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกว่าเหวินเหวินอันน่าขนลุกนั้น
“อื้อ สวัสดี” หวาเหวินเองก็ทำตัวแปลก ๆ เช่นเดียวกัน
“ในงานมีนักข่าว ฉันเลยไม่กล้าเข้าไปทักทายเธอ กลัวว่าเธอจะได้รับผลกระทบที่ไม่ดี” เขาพูด
หวาผิงส่งเสียงหัวเราะออกมา “ไอโย คุณชายแซ่เอาใจใส่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย? ต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับดินเลยนะ”
แซ่จื๋อจ้วนเองก็ยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน “เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ไง เลยไม่ได้เจอคนดี ๆ ตอนนี้ฉันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว……ฉันก็ได้พบคนที่ถูกใจแล้วไหม?”
เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปทางหวาเหวินด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
หวาเหวินรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายนั้น