ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 137
ตอนที่ 137 ปกปิดความเสียใจ
หวาผิงผลักเขาเล็กน้อย “คุณชายพูดไปเรื่อยเนอะ พวกเราจะไปร้องเพลงกัน นายจะไปด้วยกันไหม?”
ตามหลักเหตุผลแล้ว แซ่จื๋อจ้วนมักจะชอบรุกใส่หวาเหวินอยู่เสมอ
เขาควรจะต้องไปด้วย เพราะวันนี้เจ้าตัวก็ได้ให้ของขวัญไปแล้ว
และอีกอย่างเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนที่หวาผิงได้รับบาดเจ็บจนต้องนอนโรงพยาบาล แซ่จื๋อจ้วนเองก็เคยไปเยี่ยมเธอด้วย
หวาผิงเป็นคนที่ยึดในสัจจะมากคนหนึ่ง ใครที่ดีกับเธอ เธอล้วนจำได้หมด ไม่เคยเอาเปรียบใครโดยการไม่ตอบแทนกลับแต่อย่างใด
ความจริงแล้วเธอเองก็อยากให้แซ่จื๋อจ้วนไปกับเธอด้วย
“ฉันขอบายดีกว่า พวกเธอไปสนุกกันเถอะ ฉันมีธุระ ไปก่อนนะ”
เมื่อพูดจบ แซ่จื๋อจ้วนก็มองไปทางหวาเหวินด้วยสายตาลึกซึ้งอีกครั้ง
“หวาเหวิน ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
หวาเหวินไม่ตอบอะไร ทำได้เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่ไกลนัก เจียงหยู่และหวางเซียวอี้ก็ได้ขับรถเข้ามา
“เซียวอี้ ฉันว่านี้หวาผิงค่อนข้างมีความสุขมากทีเดียว เดี๋ยวนายก็ถือโอกาสที่เธอมีความสุขนี้ พูดกับเธอซะ ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะไม่ช่วยนายนะ”
เดิมทีหวางเซียวอี้ตั้งใจจะไปด้วยอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินเจียงหยู่พูดแบบนี้ ก็เลยค่อนข้างไม่มั่นใจเท่าไหร่
เขาเหรอ จะพูดยังไงดี?
เมื่อก่อนเขาเองก็เคยมีแฟนมาก่อน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในวัย 10 ขวบเท่านั้น
ต่อมาตอนเขาไปต่างประเทศ และกลับมารับช่วงต่อกิจการ เหมือนกับเจียงหยู่ เขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อตระกูล เพื่อความรุ่งโรจน์ และก็เพื่อหน้าตาของตัวเอง
หลายปีมานี้เขาก็เคยมีความสัมพันธ์กับบางคนบ้าง แต่สุดท้ายก็ได้พบกันแต่ไร้ซึ่งวาสนาที่จะได้เคียงคู่กัน
แต่พอนายหญิงแก่ตระกูลหวางเอาแต่ตามเรื่องนี้ตลอด เขาเองก็จนปัญญา แต่แล้วก็นึกถึงตระกูลหวาขึ้นมาได้
ในตอนที่ไป KTV นั้น มีเพียงแค่เจียงหยู่ หวาเหวิน หวาผิง หวางเซียวอี้
แล้วก็ผู้ช่วยสาวของหวาผิง
แต่ก็ไม่รู้ทำไมทุกคนถึงต่างทยอยกันตามมาด้วย
แล้วก็ยังมีพนักงานในออฟฟิศของหวาผิงบางส่วนอีกด้วย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจนัก
พวกเขาไม่ได้ดื่มเหล้ากันทุกคน หวาผิงเปิดห้องคาราโอเกะไว้ห้องหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนมาสนุกด้วยกัน
หวาเหวินไม่ดื่มเหล้า และไม่ร้องเพลง
ส่วนเจียงหยู่ดื่มเล็กน้อย หวางเซียวอี้ดื่มมากหน่อย
หวาผิงร้องเพลงคนเดียวติดต่อกันหลายเพลง น้ำเสียงของเธอดูธรรมดา ไม่เพราะแต่ก็ไม่ถือว่าฟังยากแต่อย่างใด ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่นักร้อง
“อาเหวิน เธอมองอะไร?”
เจียงหยู่เห็นว่าภรรยาตัวน้อยของตัวเองเหม่อลอยอีกแล้ว
เขาจึงได้ยื่นหน้าเข้าไปแกล้งเธอ
“ฉันรู้สึกว่า สภาพจิตใจของพี่สามไม่ค่อยดี” หวาเหวินมองไปทางหวาผิงที่กำลังถือไมโครโฟนร้องเพลงอยู่ไม่ไกลนั้น
“อ่า? ไม่น่าใช่หรอกมั้ง วันนี้เธอดูมีความสุขจะตาย” เจียงหยู่พูด
หวาเหวินกวาดตามองไปทางเขา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “งั้นนายก็น่าจะไม่รู้ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่าใช้ความสุขปกปิดความเสียใจ”
เจียงหยู่ : ………….
“ที่รัก ทุกครั้งที่เธอพูดคำพูดที่คลาสสิกแบบนี้ ฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับเชกสเปียร์อย่างไรอย่างนั้นแหละ”
หวาเหวินเอามือปิดปาก เพราะตัวเองอดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้
หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นมา แล้วแตะไปบนแขนของเจียงหยู่ “อย่ามามั่ว ฉันพูดจริงนะ นายไม่รู้ว่าเธอพยายามปกปิดความเสียใจภายในใจมาตลอดเหรอ?”
“พูดจริง ๆ นะ ไม่รู้สึกเลยจริง ๆ อาจจะเป็นกระแสจิตคระหว่างพี่น้องก็ได้”
เจียงหยู่มองไม่ออกว่าหวาผิงกำลังเสียใจ ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันที่ดีวันหนึ่ง เธอจะไปเสียใจได้ยังไง?
เจียงหยู่รู้สึกว่า หวาเหวินนั้นไวต่อความรู้สึกมากทีเดียว
แต่ในตอนสุดท้าย หวาเหวินก็ได้ร้องเพลง Here, After, Us ของ Mayday
โดยเฉพาะท่อนฮุคของเพลง
——หวังว่าต่อแต่นี้ไปเธอจะมีความสุข นั่นเป็นอนาคตที่ฉันต้องการ
——นับแต่นี้พวกเรายังต้องเดินต่อไป เพียงแต่ไม่ได้เดินเคียงคู่กันอีกแล้ว
——ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเอง
เมื่อร้องท่อนสุดท้ายของเพลงจบลง หวาเหวินก็มองไปทางหวาผิงที่กำลังยกมือขึ้นปาดหางตาเล็กน้อย
หวาเหวินกำลังจะลุกขึ้นไปปลอบใจเธอ แต่แล้วก็เห็นหวาผิงเดินเข้ามา ด้วยรอยยิ้มที่สดใสเล็กน้อย
“มา วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุด ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมฉลองกับฉัน เชิญทุกคนทำตัวตามสบายได้เลยนะคะ”
เมื่อพูดจบ หวาผิงก็หยิบแชมเปญบนโต๊ะขึ้นมา แล้วทำการกระดกทันที
เมื่อหวาเหวินเห็นหวาผิงทำแบบนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาในทันที
คนที่เข้มแข็งและเอาแต่ใจแบบเธอ ก็มีช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวแบบนี้เหมือนกัน