ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 143
ตอนที่ 143 เป็นคนใหม่
หลังจากที่หวาเหวินหลับไปสักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงยื่นมือไปหยิบขึ้นมาดู
หลังจากนั้นภาพในหัวก็ปรากฏขึ้นมา นี่น่าจะเป็นคำพูดของแซ่จื๋อจ้วนคนนั้น ถึงอย่างไรมันก็เป็นสไตล์ของเขา
หลังจากที่หวาเหวินกวาดตามองแล้ว เธอก็โยนโทรศัพท์ไปข้างเตียง โดยไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
แต่สำหรับแซ่จื๋อจ้วนนั้น นี่เป็นคืนที่เขานอนไม่หลับ
เขานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เขารู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดเดียว
เวลา 6 โมงเช้า เขาที่สวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนังพร้อมก็ได้ไปปรากฏอยู่ในห้องอาหารในตอนเช้าของบ้านตระกูลแซ่
เมื่อทุกคนเห็นเขาจึงพากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
“อาสอง วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางไหนเนี่ย?” แซ่เฟยโม่แสดงสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อย
คนเป็นพ่อได้มองทางลูกชาย โดยไม่พูดอะไร แต่กลับเหนือความคาดหมายไม่น้อย
แซ่หนิงได้เข้าไปกอดขาของแซ่จื๋อจ้วนด้วยความซุกซน
“คุณอาสอง ว้าว วันนี้คุณอาตื่นเช้าจังเลย ขยันเหมือนหนูเลยคะ”
แซ่จื๋อจ้วนยิ้มพร้อมกับอุ้มหลานสาวขึ้นมา จากนั้นก็จุ๊บไปบนแก้มของเธอ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“หนิงหนิง หลานช่วยเป็นพยานให้อาหน่อย ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาของหลานตัดสินใจว่า ….. จะกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่” แซ่จื๋อจ้วนประกาศออกไป
“พูดแบบนี้ แกพึ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากสถานีตำรวจใช่ไหม?” คุณผู้ชายใหญ่ตระกูลแซ่ไม่ค่อยยินดีปรีดานัก เลยไม่ได้ฟังคำพูดของแซ่จื๋อจ้วน
“พ่อ พ่อหยุดเบียดเบียนเงินในธนาคารของผมได้แล้ว ถึงอย่างไรพ่อก็เป็นผู้ให้กำเนิดนะ”
ไม่ทันรอให้แซ่หยานพูดขึ้นมาแต่อย่างใด คุณนายแซ่ก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธขึ้นมาในทันที เมื่อนึกถึงตอนที่หล่อนพาผู้หญิงมาให้เขาดูตัวเมื่อครั้งที่แล้ว
แต่ผลสุดท้ายเจ้าตัวกลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกลำบากใจจนต้องวิ่งหนีไป ลูกชายคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
“คุณไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด หยาวหยาวกับพี่ชายคุณต่างหากที่เป็นคนให้กำเนิดพวกเรา คุณเพียงแค่เก็บมาจากข้างถังขยะเท่านั้น” คุณนายแซ่โกรธเคือง
แซ่จื๋อจ้วนทำหน้าตาทะเล้น โดยไม่ได้โกรธแต่อย่างใด จากนั้นก็หาที่นั่งแล้วนั่งลง
อาหารเช้าของตระกูลแซ่อุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งอาหารตะวันตกและทั้งอาหารจีน
แซ่จื๋อจ้วนหยิบทาร์ตไข่ที่หลานสาวชอบกินที่สุดให้กับเธอ อีกทั้งยังเทนมให้กับเธอแก้วหนึ่งอีกด้วย ดูเอาอกเอาใจมากจริง ๆ
“จื๋อจ้วน วันนี้ที่แกมาแต่เช้าแบบนี้ มีธุระอะไรเหรอ?” เฝิงหยู่ที่กำลังคีบซาลาเปาไปพลาง พร้อมกับมองไปทางคุณอาตัวน้อยที่ชอบทำให้ปวดหัวคนนี้ไปพลาง
แซ่จื๋อจ้วนยิ้มออกมา “พี่สะใภ้ พี่ช่างเข้าใจผมที่สุดเลยครับ”
“พูดมา มาทำไม? ไม่มีเงินเหรอ?” แซ่เฟยโม่รักและทะนุถนอมน้องชายคนนี้เป็นที่สุด เพียงแต่เขาก็ต้องรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ หวังให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ เพื่อแบ่งเบาภาระตัวเองและพ่อกับแม่ได้
“ไม่ใช่ครับ เงินอ่าผมมี ปีนี้ผมทำเงินได้ไม่น้อยเลยนะ ที่ผมกลับมาในครั้งนี้……เพื่อบอกว่า ผมตั้งใจจะกลับไปทำงานที่บริษัทแล้วครับ”
แซ่จื๋อจ้วนพูดไปพลางพร้อมกับมองไปรอบทิศทาง เพื่อสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคน
ผลลัพธ์ก็คือปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนนั้นนิ่งเฉยมาก ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาพูดแต่อย่างใด
“ทำไมทุกคนถึงเมินเฉยกับผมแบบนี้ละครับ? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนอยากให้ผมทำมากที่สุดเหรอ? ผมบอกว่าผมอยากกลับไปทำงานเกี่ยวกับเครื่องประดับ AILA ของเรา กิจการใหญ่ของเราไง”แซ่จื๋อจ้วนพูดขึ้นมาซ้ำอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ
แซ่เฟยโม่ทอดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “แกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว คุณพ่อเองก็เคยให้ตำแหน่งผู้จัดการกับแกไปแล้ว แต่แกมาบริษัทกี่ครั้งในรอบหนึ่งปี? แล้วยังไปทำเรื่องไร้สาระนอกเหนือจากนั้นอีก ดังนั้นพวกเราจึงไม่เชื่อแกแล้ว”
“พี่ ครั้งนี้ผมพูดจริงนะ ผมสาบาน”
“เราฟังนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะมาหลายครั้งแล้ว พวกเราไม่เชื่ออีกแล้ว” แซ่เฟยโม่ก้มหน้าลงทานโจ๊ก โดยไม่สนใจน้องชายคนนี้อีก
“พ่อ………”
“ฉันไม่เคยเชื่อคำสัญญาปากเปล่าหรอก ถ้าแกอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ ก็ต้องลงมือทำเพื่อพิสูจน์ อุตสาหกรรมยาของบริษัทซินเซฺ่งที่อยู่ภายใต้บริษัทใหญ่ของเราขาดทุนติดต่อกันมาสามปีแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่รากฐานที่เละเทะไม่เป็นท่าเท่านั้น ถ้าแกสามารถทำให้มันฟื้นตัวกลับมาได้ภายในหนึ่งเดือน ฉันก็จะเชื่อในความสามารถของแก ถึงตอนนั้นแกค่อยกลับมาบริษัทใหญ่ก็ยังไม่สาย ” ในตอนที่คุณผู้ชายใหญ่ตระกูลแซ่พูดออกมาแบบนี้นั้น เขาไม่ได้มองไปทางแซ่จื๋อจ้วนแต่อย่างใด
“พ่อ พ่อไม่ได้จะทำให้ผมลำบากใจใช่ไหมครับ?” แซ่จื๋อจ้วนขมวดคิ้วเล็กน้อย