ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 162
ตอนที่ 162 เหล่าแฟนคลับ
หวาเหวินเงียบไป เพราะไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ถึงอย่างไรการทำร้ายผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติอยู่แล้ว ไม่คุ้มที่จะประกาศออกไปด้วยซ้ำ
“เจียงหยู่ดีต่อเธอมากเลยนะ จัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย”
“เขา……ก็คงจะทำเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูลเจียงแหละคะ ไม่เกี่ยวกับฉัน” หวาเหวินยังไม่เชื่อว่าเจียงหยู่จะดีกับเธอขนาดนั้นโดยไม่มีเหตุผล
ดังนั้น เรื่องนี้ ต้องเกี่ยวกับหน้าตาที่ต้องรักษาไว้อย่างแน่นอน
“เธออ่านะ อย่าทำเหมือนว่าตัวเองนั้นไม่รู้จักเห็นค่าความสุขที่มีสิ คำสรรเสริญเยินยอที่มีต่อเจียงหยู่ในหลายปีมานี้ก็ดีมากจะตายไป ไม่ว่าจะด้านไหน ก็ล้วนแล้วปราศจากซึ่งมลทินทั้งนั้น เธอก็น่าจะรู้จักพอนะ ดีกว่าไอตาแซ่จื๋อจ้วนนั้นอีก ถ้าเธอแต่งงานกับเขาไป คงได้ถูกเรียกว่าไอคนชั่วไปด้วยแน่”
“อย่าไปพูดถึงเขาเลย ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้” เมื่อได้ยินชื่อแซ่จื๋อจ้วน หวาเหวินก็ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
หวาผิงและหวาเหวินพูดคุยอย่างสบาย ๆ กันอีกสักพัก ซึ่งหวาเหวินก็ไม่ได้ถามเรื่องหลังจากเมาในวันนั้นแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทาอยู่แล้ว แต่กลับเจียงหยู่ เขาได้มาหาหวาเหวินในตอนค่ำ แล้วพูดคุยถึงเรื่องนี้
“คิดไม่ถึงจริง ๆ นะว่าคนอย่างหวาผิงจะไว้หน้าคนที่ชอบกลัดกลุ้มจนยากที่จะเดาอย่างจูนเสี่ยนได้ นายหญิงแก่ตระกูลหวางก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการกันได้ง่าย ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นละก็ คงจะสร้างความกดดันที่ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน แต่หวาผิง ผ่านได้อย่างสบาย ๆ” เจียงหยู่ยิ้ม
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” หวาเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คาดว่าคงน่าจะเกรงใจแหละ เดิมทีมันก็เป็นเรื่องโกหก และก็ไม่ได้คบกันจริง ๆ อยู่แล้ว แต่จะว่าไปแล้ว จูนเสี่ยนก็ถือว่าเป็นคนดีใช้ได้เลยนะ และก็เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบด้วย หวาผิงไปกับเขา ไม่มีทางได้รับความไม่เป็นธรรมเด็ดขาด ตระกูลหวางต้องให้ความสำคัญกับหวาผิงอย่างแน่นอน”
“น่าจะไม่หรอกมั้ง พี่สาม …… น่าจะไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น”
หวาเหวินครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ถึงจะรู้สึกว่าหวางเซียวอี้คนนั้นจะเติบโตมาเป็นคนที่มีความสามารถ แล้วเป็นคนของตระกูลหวาง อีกทั้งยังมีสิทธิ์ครอบครองธุรกิจของตระกูลหวางอีกด้วยก็ตาม
แต่ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ชอบการพูดเท่าไหร่ ดูท่าทางเป็นคนของเก็บความรู้สึกอยู่ไม่น้อย
ส่วนหวาผิงนั้น นิสัยที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วขนาดนั้น น่าจะไม่ชอบคนประเภทนี้อย่างแน่นอน
เจียงหยู่ก็ไม่ได้อธิบายลึกไปมากกว่านี้ กลับพูดจาสบาย ๆ ด้วยซ้ำ เขาจะก้าวไปทางไหน ใครเล่าจะคาดเดาได้?
เดิมทีเขาคิดว่าหวาเหวินจะลาพักไม่ไปเรียนสักพักหนึ่งหลังจากที่ทำร้ายคนไป
แต่คิดไม่ถึงว่า ผ่านไปเพียงแค่สองวันเธอก็กลับไปเรียนตามเดิมแล้ว
เธอยังคงเข้าเรียนตามตารางเช่นเคย ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลาจะไปห้องสมุดก็ไปห้องสมุด
เพราะถึงอย่างไรเมื่อก่อนในสายตาของทุกคนเธอก็ไม่ได้ดูปกติ ไม่ค่อยแยแสอะไรทำนองนี้อยู่แล้ว
ในตอนที่หวาเหวินกลับไปนั้น ก็ได้ยินเรื่องอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงของหยวนซ่าวมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ทำการเย็บแผลที่โรงพยาบาลแล้ว เขาก็ต้องกลับมานอนรักษาตัวที่บ้าน
ทนายของเจียงหยู่ได้บอกไว้ว่า คนของตระกูลหยวนไม่ได้ยื่นฟ้องศาลแต่อย่างใด ดูเหมือนจะอยากไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะอำนาจของตระกูลเจียงก็ได้ ? ถึงอย่างไรสังคมที่เหมือนกับปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ก็ไม่มีคนไหนโง่มาหาเรื่องกลุ่มผู้มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ แบนนี้หรอก
แต่ปัญหาก็คือหวาเหวินเองก็ไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองอยู่แล้วนี่?
เธอทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้แสดงสีหน้ารู้สึกผิดแต่อย่างใด
เรื่องที่หวาเหวินทำร้ายหยวนซ่าวนี้ จริง ๆ แล้วคนที่โกรธที่สุดก็คงจะเป็นลู่เสวี่ยนอี้ เจตนาเดิมทีของลู่เสวี่ยนอี้คือต้องการให้หยวนซ่าวเลิกชอบผู้หญิงคนนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าหยวนซ่าวจะบุกไปหาหวาเหวินถึงห้องเรียน แล้วถูกทำร้ายมาแบบนี้
ดังนั้นตอนอยู่ในห้องเรียนลู่เสวี่ยนอี้จึงถือโอกาสเสี้ยมให้นักศึกษาหญิงที่แอบชอบหยวนซ่าวบางส่วน โดยการพูดเกินความจริงออกไป
ส่วนหวาเหวิน ในขณะที่เธอกำลังไปล้างมือในห้องน้ำระหว่างคาบเรียนนั้น ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งปิดทางไว้อยู่ข้างใน
ห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องเรียนของพวกเธอ ล้วนอยู่ชั้นหนึ่งทั้งนั้น
เมื่อเธอล้างมือเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นผู้หญิงประมาณ 5-6 คน เดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน
เมื่อเข้ามา ก็ทำการล้อมเข้ามาเพื่อขังเธอไว้ภายใน
หวาเหวินมองไปทางคนเหล่านั้นโดยไม่พูดอะไร หนึ่งในกลุ่มของผู้หญิงเหล่านี้ก็คือเด็กผู้หญิงผมสั้นรูปร่างอวบเล็กน้อย และสวมแว่นตาคนหนึ่ง
“หยวนซ่าวถูกเธอทำร้ายใช่ไหม?” เธอถามขึ้นพร้อมกับถลึงตาใส่หวาเหวิน
“ใช่ มีปัญหาไหม?” หวาเหวินพิงอ่างล้างหน้าด้วยความสับสนเล็กน้อย