ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 165
ตอนที่ 165 ยังไม่ทันหายตกใจ
“เธอหมายความว่ายังไง ฉันเป็นผู้ชายที่เห็นแก่เงินแบบนั้นเหรอ?” หยวนซ่าวรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองกำลังรับเรื่องที่น่าอัปยศอดสูอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
หวาเหวินยังคงนิ่งเฉย พร้อมกับมองไปทางเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ฉันรู้ว่านายไม่ใช่ แต่ค่าชดใช้ค่าเสียจำเป็นต้องรับไว้ ไม่ว่าฉันจะทำร้ายใคร ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายเปล่า ๆ หรอกนะ นายรับเงินไปเถอะ ถ้ารู้สึกว่ามันไม่พอก็ไปคุยกับทนายความของฉันได้ จริงสิ ขอพูดอีกเรื่องละกัน หลังจากนี้ก็อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีก แล้วก็ยิ่งอย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ เหมือนกับวันนั้นอีก ไม่อย่างนั้นละก็…….ครั้งต่อไปนายอาจจะได้นั่งรถเข็นเลยก็ได้ ฉันไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าฉันต้องชดใช้เงินให้นายเท่าไหร่ แต่นายก็ควรจะคิดดี ๆ ไม่งั้นนายอาจจะไม่สามารถยืนขึ้นมาได้อีกตลอดชีวิตเลยก็ได้ ดังนั้น เข้าใจนะ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หวาเหวินก็นำเช็คธนาคารยัดใส่ในมือที่กำลังกำมัดของหยวนซ่าวอย่างง่ายดาย จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปเย็นชา
หยวนซ่าวมองไปทางเช็คธนาคารนั้นด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
ผู้หญิงคนนี้ มักจะทำให้เขาเหนือความคาดหมายอยู่เสมอในตอนที่เขาคิดว่าตัวเขาเองนั้นสามารถมองเธอได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว
ดังนั้น เธอมีกี่ด้านกันแน่เนี่ย?
น่ารัก กระดากอาย? ติดดินไม่หวือหวา เก็บตัว? เย็นชา เลือดเย็น? หรือว่าเผด็จการ ใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่าง?
หยวนซ่าวเองก็เกิดความสับสนไม่น้อย เขารู้สึกเศร้าใจ เรื่องที่เศร้าใจก็คือ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นไปชอบผู้หญิงแบบไหนกันแน่?
ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมองเธอไม่ออกเข้าไปทุกที……
คืนนั้น ทนายความของเจียงหยู่โทรศัพท์มา บอกว่าตระกูลหยวนได้คืนเช็คธนาคาร 200, 000 หยวนกลับมา ไม่เรียกค่าเสียหาย และก็ไม่ฟ้องศาลแต่อย่างใด
เรื่องนี้ทนายความทั้งสองฝ่ายได้ทำการเซ็นยอมรับเรื่องนี้แทนเจ้าของเรื่องเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นอันเข้าใจกัน
สำหรับเรื่องที่หยวนซ่าวจะรับหรือไม่รับเงินก้อนนี้นั้น เดิมทีหวาเหวินก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่คนที่เดือดร้อนเรื่องเงิน 200,000 หยวนอยู่แล้ว
เดิมทีเจียงหยู่อยากจะเป็นคนออกเองด้วยซ้ำ แต่หวาเหวินยืนยันที่จะเป็นคนให้เอง จนถึงขั้นโกรธกันเลยทีเดียว
ถึงอย่างไรนี้ก็เป็นเรื่องที่ตัวเองเป็นคนก่อ ดังนั้นเจียงหยู่เลยทำได้แค่เพียงแค่ตามใจเธอเท่านั้น
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลหยวนจะไม่รับเงินจำนวนนี้ เรื่องนี้ เจียงหยู่กลับเหนือความคาดหมายอย่างมากทีเดียว
“ประธานเจียง คุณจะรับเงินก้อนนี้แทนภรรยาของคุณไหมครับ?”
“ไม่ต้อง คุณแค่โอนเข้าไปในบัตรของเธอก็พอ เดี๋ยวฉันค่อยให้คนเอาเลขบัญชีของเธอให้ละกัน”
“ได้ครับ ประธานเจียง” ทนายความพยักหน้า
“ตระกูลหยวนไม่รับเงิน แล้วก็ไม่ฟ้องศาลด้วย นี่เป็นเรื่องที่เหนือกว่าความคาดหมายของฉันมากทีเดียว ตระกูลหยวนมีธุรกิจอยู่ในท้องที่ไหม?” เจียงหยู่เลยถือโอกาสถามขึ้น
“มีครับ ในตอนที่ผมทำการจัดเก็บข้อมูลอยู่นั้น ผมก็ได้ไปเห็นว่าตระกูลของพวกเขานั้นมีคลินิกศัลยกรรมอยู่หลายสาขาเลยทีเดียวครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การปกครองของคุณนายหยวนครับ”
“อื้อ คุณไปบอกผู้ช่วยของฉัน ให้เขาจัดการไปดูแลธุรกิจของพวกเขา ถือซะว่า……..ฉันช่วยชดใช้ค่าเสียหายให้กับภรรยาของฉันก็แล้วกัน”
“ได้ครับ ประธานเจียง”
เรื่องนี้เจียงหยู่จัดการเป็นการส่วนตัว โดยไม่บอกหวาเหวินแต่อย่างใด เขารู้สึกว่าการที่คนของตระกูลหยวนไม่เรียกร้องอะไร มันเหนือความคาดหมายมาก ถือซะว่าเป็นการชดใช้ให้นอกเหนือรายการแล้วกัน
อีกด้านหนึ่งหวาฟ้านกลับไม่ได้โชคดีเหมือนกับหวาเหวินแต่อย่างใด เพราะมีคนต้องการทำให้เธอพังพินาศย่อยยับ
หลังจากทานมื้อเย็นกับเพื่อน ๆ อาจารย์เหล่านั้นเสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับหอโดยผ่านถนนเล็ก ๆ สายหนึ่งในละแวกอพาร์ทเม้นท์ของโรงเรียน
ซึ่งปกติแล้วคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้ค่อนข้างพลุ่กพล่านมากเลยทีเดียว แต่พอเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ นักเรียนต่างก็หยุดเรียน จึงทำให้ถนนเส้นนี้เงียบลงมากทีเดียว
ตอนนี้ยังไม่ถึง 4 ทุ่มด้วยซ้ำ หวาฟ้านเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วด้วย
แต่……จู่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ผลักเธอล้มลงไปบนพื้น
แล้วหยิบกระเป๋าของเธอวิ่งหนีไป
“ใครก็ได้ ช่วยด้วยคะ”
หวาฟ้านพยายามที่จะตะโกนร้องเสียงดังอย่างสุดความสามารถ ด้วยความตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนยวบลง
หลังจากนั้น 15 นาทีผ่านไป ตำรวจกะกลางคืนสองนายก็ได้ลาดตระเวนผ่านมาในละแวกนั้นพอดี
แต่หนึ่งในนั้นจำได้ว่าหวาฟ้านนั้นเป็นแฟนสาวของป๋ายห้าว ก็เลยแอบโทรศัพท์หาป๋ายห้าว
เมื่อป๋ายห้าวได้ยินว่าหวาฟ้านถูกปล้นทรัพย์ แถมยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย เขาจะไปนั่งติดได้ยังไงละ
เขาวิ่งออกจากบ้านในช่วงเวลากลางคืนแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจทันที
ตอนที่เขามาถึง หวาฟ้านกำลังทำบันทึกประจำวันอยู่ สีหน้าเธอดูแย่มาก เขามองออกในทันทีว่าเธอคงจะตกใจมากแค่ไหน