ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 167
ตอนที่ 167 แกล้งทำเป็นคู่รัก
หลังจากที่หวาฟ้านพูดเรื่องเหล่านี้ด้วยความกระหืดหระหอบจนจบแล้ว เธอก็โยนเสื้อตำรวจของป๋ายห้าวทิ้งไป จากนั้นก็หมุนตัววิ่งออกไปทันที
ป๋ายห้าวเก็บเสื้อตำรวจขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อในชั่วขณะหนึ่ง
เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ ก่อนหน้าหวาฟ้าน เขาเคยมีแฟนอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัย
ต่อมาเมื่อเรียนจบ แฟนสาวก็ได้ไปทำธุรกิจออนไลน์อยู่ในเมืองทางตอนใต้ ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นเลยทีเดียว
ส่วนป๋ายห้าวไม่อยากไปไกลเพราะเป็นลูกชายคนเดียว อยากดูแลพ่อแม่ ดังนั้นสุดท้ายก็เลยเลือกที่จะอยู่ในเมืองเจียง
ทั้งสองคนก็ได้เลิกกันด้วยดี เพราะด้วยเหตุผลเรื่องความต่างของสถานที่ ต่อมาเขาก็ได้รู้จักกับหวาฟ้าน ทำให้หัวใจที่แสนเงียบเหงาของเขาได้หวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าหวาฟ้านไม่ใช่คนของตระกูลหวา บางทีเขาทั้งสองคนก็อาจจะได้จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว น่าเสียดาย……. สรรพสิ่งในโลกสุดคาดการณ์
ในตอนที่ป๋ายห้าวกลับมาถึงสถานีตำรวจนั้น เพื่อนร่วมงานก็ได้ตรวจสอบร่องรอยของหวาฟ้านให้กับเขา
“เห้าจื่อ แฟนสาวตัวน้อยของนายได้เข้าพักอยู่ใน Hotel Landmark Canton ที่นั่นมีระดับความปลอดภัยถึง 4 ดาว นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“อื้อ” ป๋ายห้าวพยักหน้า
“เห้าจื่อ ระหว่างพวกนายทั้งสองคนมันเกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันเหรอ? ”
เพื่อนร่วมงานย่อมไม่แน่ใจอย่างแน่นอนว่าระหว่างพวกเขาสองคนมันเกิดอะไรขึ้น พวกเขารู้สึกว่าหลังจากที่ทั้งสองได้เจอหน้ากันแล้ว ต่างก็แสดงท่าทางแปลก ๆ ไป ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
“ไม่มีอะไร ลำบากทุกคนหน่อยนะครับ พยายามตามจากเบาะแสให้ได้นะครับ”
อีกด้านหนึ่งหวาผิงได้เข้าร่วมกิจกรรมของเทศกาลแฟชั่นแห่งหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงห้องก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
หลังจากที่เธอเข้ามาในห้อง เธอก็ได้เขวี้ยงกระเป๋าไปบนโซฟา และสะบัดรองเท้าออกด้วยความเหนื่อยล้า
หลังจากนั้นก็มาทิ้งลงตัวนอนลงไปนอนอย่างหมดแรง………..
ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น
และก็เห็นว่าบนหน้าจอโทรศัพท์เป็นชื่อสามพยางค์ว่า หวางเฮงซวย
นี่เป็นชื่อที่หวาผิงไว้ใช้เมมเบอร์โทรศัพท์ของหวางเซียวอี้ ตั้งแต่ถูกแบล็กเมล์ในวันนั้น จนสุดท้ายต้องฝืนใจรับปากตามเงื่อนไขของเขา หวาผิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดตายเลยทีเดียว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อยากจะด่าตาแซ่หวางคนนั้นอีกสักรอบ จนถึงขั้นอยากจะทักทายปราศรัยด้วยคำของบรรพบุรุษรุ่นที่ 18 เลยทีเดียว
แต่ จะไม่รับก็ไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงกดรับด้วยความเบื่อหน่าย “มีอะไร?”
“พรุ่งนี้ตอนเย็นอย่าลืมกลับบ้านกับฉันนะ”
“รู้แล้วหน่า” เมื่อพูดเสร็จหวาผิงก็ทำท่าจะกดวาง
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีก?” หวาผิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับกลอกตาไปมา
“พรุ่งนี้เธออย่าใส่เสื้อที่มันเว้าหน้าเว้าหลังละ คนในตระกูลฉันเยอะ คุณอาคุณลุง อาวุโสต่างก็อยู่ด้วยทั้งนั้น” หวางเซียวอี้เน้นย้ำอย่างเป็นมิตร
เมื่อหวาผิงได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมาทันใด “ทำไมเรื่องของตระกูลหวางถึงได้เยอะวุ่นวายขนาดนี้เนี่ย? เป็นญาติพี่น้องผู้ทรงอิทธิพลของฉันไหม? มาทำตัวหน้าใหญ่ใจโตกับฉันเพื่อ? นี่มันสมัยไหนแล้ว จะโชว์มากโชว์น้อย? พรุ่งนี้ให้ฉันใส่ชุดอาหรับไปเลยดีไหม เห็นแค่เพียงลูกกระตาทั้งสองข้างพอ”
เห็นชัด ๆ ว่ากำลังถูกถากถาง แต่หวางเซียวอี้กลับไม่โกรธแต่อย่างใด
เขากลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ว่า “ถ้าไม่กลัวอึดอัด ก็ได้นะ”
“ไปกับพ่อนายเถอะคะ ไปให้พ้นเลย” หวาผิงวางสายไปด้วยความโกรธ อะไรกัน? ตาหวางเซียวอี้บ้า อีตาประสาท
ถึงจะโกรธ แต่เรื่องที่รับปากไปแล้วก็ยังต้องทำต่อไป
หลังจากที่หวาผิงทำงานตอนเช้าเสร็จแล้ว เธอก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน การไปพบเจอกับผู้อาวุโส ไม่สามารถใส่เสื้อผ้าที่เซ็กซี่มากเกินไปได้จริง ๆ
ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาอยู่ในห้องแต่งตัวนานมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจใส่ชุดสูทสไตล์ตะวันตกสีเทาตัวหนึ่ง
ซึ่งก็คือชุดคอลเลคชั่นใหม่ของภาคฤดูใบไม้ร่วงที่แบรนด์หนึ่งส่งมาให้เธอ ส่วนทรงผมเธอก็มัดแค่เพียงง่าย ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีรูปแบบอะไร
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหวางอยู่แล้ว ย่อมไม่ได้ใส่ใจคนเหล่านั้นเท่าไหร่นัก
ดังนั้นเธอจึงไม่มีแม้แต่ของขวัญจะให้
แต่โชคดีที่หวางเซียวอี้เข้าใจหวาผิงเป็นอย่างดี ตัวเองจึงช่วยซื้อมาวางในรถให้กับเธอ
เวลา 6 โมงเย็น หวางเซียวอี้ก็ได้ขับรถพอร์เชอ พานาเมร่าธรรมดาไปรับหวาผิงกลับบ้านเก่า
ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลมากพอสมควร อาวุโสเหล่านี้มักจะชอบสถานที่ที่เงียบสงบ ดังนั้นจึงหลบหลีกออกไปอยู่พื้นที่ไกลกว่าตัวเมืองมากทีเดียว
เมื่อเข้ามาถึง หวาผิงก็ตื่นตกใจกับสถานการณ์ในตอนนี้มากทีเดียว คุณป้า 7 คน ป้าใหญ่ 8 คน ทั้งคุณอาคุณลุง รวม ๆ แล้วเกือบ 40 คน
บนโต๊ะอาหารจึงได้ถูกจัดวางถึง 5 โต๊ะ แทบจะเหมือนกับงานแต่งเลยทีเดียว
“ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักหน่อยนะครับ นี่คือแฟนของผม หวาผิง” หวางเซียวอี้พูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการต่อหน้าของเหล่าญาติ ๆ