ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 170
ตอนที่ 170 ไม่ไว้หน้า
“น้องห้า เธอรีบไปบอกสามีของเธอเดี๋ยวนี้เลยนะว่าให้ไอตาเพื่อนโรคจิตคนนั้นไสหัวออกไปไกล ๆ ฉันเลย”
“เป็นอะไรไปคะ?”
เมื่อหวาเหวินได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูฮึกเหิมของหวาผิง ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเล็กน้อย
หวาผิงเอนกายนอนลงไปบนพรหม ด้วยท่าทางหมดอาลัยตายยาก
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันไปสร้างกรรมอะไรไว้ในชาตินี้ ทำไมถึงได้พบเจอกับสิ่งที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ฉันยอมช่วยเขาแสร้งเป็นคนรักกัน หลอกลวงตบตาย่าของเขา เธอรู้ไหมว่าเขาทำอะไรกับ? เขาถือโอกาสเอาเปรียบฉัน น่ารังเกียจไหมละ?”
หวาเหวินตื่นตกใจเข้าไปอีก เธอพยายามนึกย้อนไปถึงท่าทางของหวางเซียวอี้ในวันนั้น
ถ้าให้พูดโดยรวมแล้ว เขาก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่หวือหวามีความสุภาพเรียบร้อย ไม่ค่อยเหมือนกับที่หวาผิงพูดแบบนั้นเลยสักนิด
หรือว่าจะมีนิสัยแปลก ๆ ที่ไม่ได้แสดงออกมาจริง ๆ ?
“เขาทำไมเหรอคะ? พี่สาม……..เขาไม่น่าจะ………” หวาเหวินเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย และก็ยังเป็นกังวลว่าจะไม่ได้ทำเรื่องที่อธิบายไม่ได้อะไรแบบนั้นกับหวาผิง
หวาผิงนำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดของวันนี้ในบ้านตระกูลหวาง รวมทั้งตอนรับประทานอาหารก็ดี ตอนเล่นไพ่ก็ดีบอกเล่าให้กับหวาเหวินฟังถึงรายละเอียดอย่างกระวนกระวายใจ
เมื่อหวาเหวินได้ยิน จึงถามเธอว่า “แค่นี้เหรอคะ?”
“พระเจ้า แค่นี้มันยังไม่พออีกเหรอ? บีบหน้าฉัน โอบเอวฉัน เขาเป็นคนแรกที่ทำเรื่องแบบนี้กับฉัน ในวงการบันเทิงจะมีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้บ้างละ? จำได้ไหมเมื่อก่อนมีผู้กำกับคนหนึ่งดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ แล้วแตะต้องเนื้อตัวของฉัน เลยถูกฉันซัดจนเป็นเรื่องเป็นราวอ่า?”
“จำได้ค่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าที่คุณชายหวางทำไปก็เพียงแค่อยากให้คนที่บ้านเห็นนะคะ ถึงอย่างไรตระกูลหวางก็ไม่ใช่คนโง่อยู่แล้ว เลยกลัวว่าทางบ้านจะจับไต๋ได้ ถึงได้ทำตัวใกล้ชิดกับพี่ไง?”
“มั่วนิ่มละ มันไม่ใช่เลย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาน่ารังเกียจมากขนาดไหน ช่างเถอะ……พูดมากไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก เธอไปบอกเจียงหยู่ละกัน ว่าให้เขาหาทางเอาอีตาหวางเฮงซวยที่ไร้คุณธรรมคนนี้ออกไป ฉันไม่อยากเจอเขาอีก ให้ตายเถอะ”
หลังจากที่ระเบิดอารมณ์อย่างบ้างคลั่งแล้ว หวาผิงก็ได้วางสายไป
หวาเหวินเองก็งุนงงไม่น้อย ก่อนจะเหลือบไปมองเวลา ซึ่งก็ดึกมาแล้ว มีอะไรก็ค่อยพูดคุยกับเจียงหยู่พรุ่งนี้ละกัน
กว่าหวาผิงจะอาบน้ำเสร็จและได้มาเอนกายนอนลงบนเตียง ก็ปาไป 24.00 น. แล้ว
เธอนึกถึงซองแดงของผู้อาวุโสที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาได้
ซึ่งเป็นรางวัลที่เธอได้จากตระกูลหวางในวันนี้
เมื่อคิด ๆ ดูแล้ววันนี้เธอก็ไม่ได้ไปอย่างสูญเปล่านะ ได้เงินพิเศษกลับมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงอย่างไรตอนที่น้องห้าไปบ้างของตระกูลเจียงครั้งแรก ตระกูลเจียงก็ยังให้เงินเธอมาตั้ง 1 ล้านหยวนเลยทีเดียวหน่า
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้ ในใจของหวาผิงก็ได้สงบลง
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าในตอนที่หวาผิงเปิดซองแดงนั้น เธอถึงกับอึ้งงันไปในทันที
ภายในนั้นมีเงิน 10 หยวน 20 หยวน
ขนาดนั้น 50 หยวนก็ยังไม่มีเลย มากสุดแค่ 20 หยวน
ซองแดงที่ได้รับมากกว่า 20 ซอง มีเงินรวมกันไม่ถึง 400 หยวนด้วยซ้ำ นี่มัน……… ถูกหลอกแล้วใช่ไหม?
หวาผิงยับยั้งอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธอได้โทรศัพท์ไปหาหวางเซียวอี้อีกครั้ง
ไม่กี่วินาทีเขาก็กดรับ นั่นบ่งบอกได้ว่าเขายังไม่นอน
“มีอะไร?”
“หวางเซียวอี้ ไอคนเฮงซวย คุณป้าน้าอาทั้งกูลเฮงซวยหมดเลย”
“แม่ดาราใหญ่อย่ามาพูดจาหยาบคายแบบนี้นะ” เขายังคงนิ่งเฉย
“ตระกูลหวางของพวกนายตั้งใจหลอกฉันใช่ไหม? ซองแดงที่ให้ฉัน พอนับรวมกันแล้วมีไม่ถึง 400 หยวนด้วยซ้ำ ตลกมากใช่ไหม? คิดว่าฉันเป็นขอทานรึไง?” หวาผิงโหดร้ายมากทีเดียว
จนถึงขั้นอยากจะทะลุเข้าไปในโทรศัพท์ แล้วฆ่าเขาให้ตายคามือ
หวางเซียวอี้ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด ดูเหมือนจะรู้ก่อนแล้วด้วย
“นี่คือกฎระเบียบของตระกูลของเรา คุณปู่เป็นคนตั้งกฎไว้ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะคนในตระกูลของเรามีจำนวนมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันฉลองปีใหม่หรือว่าฉลองตรุษสารท การให้ซองแดง ก็ควรจะให้แค่เพียงเศษเหรียญก็พอ ห้ามให้เยอะโดยเด็ดขาด ญาติพี่น้องต่างก็เคยชินกันหมดแล้ว เมื่อก่อนตอนที่บรรดาแฟนสาวของลูกพี่ลูกน้องเหล่านั้นมาร่วมงานฉลอง ต่างก็ได้กันแบบนี้ทุกคน จึงไม่ได้มีเพียงแค่เธอเท่านั้น”
“แต่ตอนที่น้องห้าไปบ้านของเจียงหยู่ ฝั่งนั้นเขาให้เงินตั้งหนึ่งล้านหยวนเชียวนะ” ถึงแม้ว่าหวาผิงจะไม่ได้สนใจเรื่องเงินก็ตาม แต่ชื่อเสียงหน้าตามันยอมกันไม่ได้
ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ว่าเธอไปบ้านแฟนครั้งแรกก็ได้เงินกลับมาแค่ 400 หยวน คงได้ถูกคนหัวเราะจนฟันร่วงหมดปากแน่?
ไม่รู้จะคิดว่าเธอไปพบกับครอบครัวที่ยากจนด้วยรึเปล่า?
“ที่ครอบครัวของเจียงหยู่ให้เงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนนั้นเป็นเพราะว่าน้องห้าของเธอจดทะเบียนสมรสกับเจียงหยู่แล้ว ทั้งสองถือว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว หรือว่า เธอจะลองจดทะเบียนสมรสกับฉันดูไหม? ดูสิว่าคุณย่าของฉันจะให้เงินเธอเท่าไหร่?” ประโยคหลังของหวางเซียวอี้ ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะเขาคิดว่า เมื่อพูดประโยคนี้จบ หวาผิงจะต้องคลั่งมากอย่างแน่นอน