ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 191
ตอนที่ 191 กลับมาจากดูงานต่างประเทศ
พูดตามความจริง หวาผิงประเมินหวางเซียวอี้ผู้ชายคนนี้ต่ำเกินไป คิดว่าเขาเป็นคนซื่อ ๆ ที่รังแกได้ง่าย ๆ
แต่ยิ่งซื่อเท่าไหร่ ก็ยิ่งรังแกได้ยากขึ้นเท่านั้น เป็นประเภทที่แต่งหมูหลอกกินเสืออย่างไรอย่างนั้น
ต่อมาหวาผิงก็จำไม่ได้แล้วตัวเองนั้นวิ่งเตลิดออกมาได้ยังไง จำได้แค่ว่าต้องการมาคิดบัญชีกับตาหวางเซียวอี้เท่านั้น
ตอนที่วิ่งออกมานั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าว ยังกับเป็นไข้อย่างไรอย่างนั้น หลายปีมานี้ ไม่มีใครกล้าเข้ามาจูบเธอแบบไม่เกรงใจเลยนะ?
ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่การถ่ายละคร นี่มันคือความจริง หวาผิงรู้สึกแค่เพียงว่าหัวสมองของเธอนั้นสับสนวุ่นวายไปหมด เธอขับรถกลับบ้าน โดยลืมเรื่องที่จะด่าคนไปโดยปริยาย
หวางเซียวอี้ยังคงนอนอยู่บนพรหม จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก เขาลูบไปบนคอเล็กน้อย ซึ่งสัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลออกมาซิบ ๆ
เมื่อสักครู่นี้ตอนที่หวาผิงใกล้จะสลัดหลุดออกนั้น เธอได้ฝากรอยข่วนทิ้งท้ายไว้ เล็บของผู้หญิงคนนี้คมมากจริง ๆ
แต่เขาก็ไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด ยังไงก็ยังได้จูบเธอไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของหวาผิง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยจูบใครมานานแล้วอย่างนั้นแหละ ถึงได้เหมือนกับมือใหม่นัก
เมื่อคิดได้แบบนี้ หวางเซียวอี้จึงได้เกิดความรู้สึกดีใจขึ้นมา จากนั้นก็ยังคงนอนอยู่บนพรหมนั้นอีกสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วไปพลาสเตอร์แปะแผลของตัวเอง
ส่วนหวาผิงฝั่งนั้นก็ยังไม่ถึงไหน หลังจากที่กลับมาถึงบ้านก็รีบเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว จากนั้นก็กัดฟันกรอดไม่หยุด
แม้กระทั่งในหัวสมองของเธอก็เอาแต่คิดถึงภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้อยู่ตลอดเวลา ราวกับเป็นเพียงแค่ความฝันอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเธอกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ตื่นตระหนกได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่กล้าที่จะด่าหมอนั้นผ่านทางวีแชทแต่อย่างใด ขนาดจะพูดก็ยังไม่กล้า
ตัวเธอเองก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ กลับมาเช่นเดียวกัน หรือเป็นเพราะถูกจูบจนโง่เง่าไปแล้ว
ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเธอเป็นราชินีผู้สูงส่งอยู่ตลอดเวลา ใครจะกล้าเข้ามาล่วงเกินเธอ?
แต่สุดท้ายเธอก็ยังคิดถึงปัญหานั้นอยู่ดี เธอจะไปเล่นบทจูบกับนักแสดงคนอื่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตระกูลหวางด้วยละ?
เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของเธอละ? แถมยังให้นักลงทุนถอนตัวออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเข้ามาแทรก
ไม่ว่าจะเป็นยังไง ระหว่างหวาผิงกับหวางเซียวอี้ ก็กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันแล้ว และยังไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วย
ผ่านไปอีกสองวัน ในระหว่างที่หวาเหวินกำลังกลับบ้านหลังเลิกเรียน เธอก็ถูกแซ่จื๋อจ้วนปิดทางไว้
รถเฟอร์รารี่เว่อร์วังอาลังกาลถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้?
หวาเหวินยังรู้สึกกลัดกลุ้มใจไม่น้อย เพราะเขาเคยบอกว่าจะไปดูงานต่างประเทศไม่ใช่เหรอ? ทำไมพึ่งผ่านไปไม่กี่วันก็กลับมาแล้วละ?
“คุณผู้หญิงชุนเถา ฉันขอคุยกับเจ้านายของเธอสักหน่อยได้ไหม?” แซ่จื๋อจ้วนนั้นฉลาดมาก รู้จักพูดประจบประแจงชุนเถา
ชุนเถามองไปทางหวาเหวินที่อยู่ด้านหลังจากที่นั่งคนขับ
เธอไม่ได้พูดอะไร นั้นก็หมายความว่าได้
แซ่จื๋อจ้วนจึงได้ทำการเปิดประตูรถด้วยตัวเอง เมื่อเห็นหวาเหวินที่อยู่ด้านในก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากทีเดียว
“ฉันกลับมาจากดูงานที่ต่างประเทศแล้ว ไม่เจอกันสองสามวันนี้ เธอคิดถึงฉันบ้างไหม? หา?” เขาล้อเธอเล่นเล็กน้อย
หวาเหวินกลับไม่ได้แสดงรอยยิ้มออกมาสักนิดแต่อย่างใด เธอถามเขาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “คุณแซ่ เวลาของฉันมีค่ามาก มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรง ๆ ดีกว่าคะ”
เมื่อได้ยินหวาเหวินพูดแบบนี้ แซ่จื๋อจ้วนก็รีบนำถุงที่อยู่ในมือยื่นออกไปให้ทันที เมื่อเห็นหวาเหวินไม่รับ เขาก็วางมันลงบนเก้าอี้ด้านข้างของเธออย่างระมัดระวัง
“นี่คืออะไร?” หวาเหวินชำเลืองมองแวบหนึ่ง แล้วก็เห็นกล่องที่ถูกห่อลักษณะแปลก ๆ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ฉันไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือในครั้งนี้ ก็ได้ไปทำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากฝั่งนั้นมา แต่มันก็ล้วนไม่ได้มีราคาอะไรมาก เป็นเนื้อตากแห้ง แล้วก็ประเภทคูมิส เฮ้ ๆ เธอลองชิมดูก่อน ถ้าอร่อยละก็ ฉันจะให้คนฝั่งนั้นส่งมาให้เธออีก”
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณสำหรับความตั้งใจ” หวาเหวินพูดพร้อมกับหยิบของนั้นคืนกลับไป
แซ่จื๋อจ้วนกลับถอยร่นไปด้านหลังสองสามก้าว “ถ้าเธอไม่เอา ก็ทิ้งมันลงถังขยะก็ได้ ไม่เป็นไร ….. ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
หวาเหวิน :……
แซ่จื๋อจ้วนคนนี้หน้าหนามากจริง ๆ ขนาดให้ของขวัญก็ยังต้องบีบบังคับเลย ไม่เอาก็ให้ทิ้งถังขยะ หวาเหวินไม่ชอบ แต่ถ้าทิ้งขยะไปก็น่าเสียดายแย่
จึงทำได้เพียงกวาดตามองไปทางของนั้น “ชุนเถา เธอเอาไปแบ่งกับหยินซิ่งก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณหนู” ชุนเถาเบะปากยิ้มออกมา
ในตอนสุดท้าย ชุนเถาก็ยังไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “คุณหนูวางใจเถอะค่ะ เรื่องที่คุณชายแซ่มาหาคุณหนู แล้วยังให้ของฝากกับคุณหนู พวกเราไม่มีทางบอกคุณผู้ชายอย่างแน่นอนค่ะ”
หวาเหวินตื่นตกใจเล็กน้อย “เจียงหยู่รู้แล้วจะทำไมเหรอ? ฉันไม่ได้กลัวเขาสักหน่อย?”