ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 196
ตอนที่ 196 หยอกเย้า
ความจริงแล้วก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากที่ล้วนแล้วแต่อดทนต่อการยั่วยุไม่ไหว ยิ่งท้าทายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากลิ้มลองมากเท่านั้น
แซ่จื๋อจ้วนพนัน ผู้ชายแบบนี้เจียงหยู่ ต้องรับอย่างแน่นอน เขามีความเชื่อมั่นในตัวเอง ดังนั้นจะต้องตอบรับคำท้าอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดาย ใจคนเราไม่อาจจะคาดการณ์ได้ แซ่จื๋อจ้วนถึงกับผิดหวังเลยทีเดียว
เมื่อเจียงหยู่ได้ยินคำพูดที่แสนกล้าหาญของเขา ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ ออกมา “สำหรับการพนันของนาย ฉันไม่ได้สนใจเลยสักนิด”
“นายกลัวละสิ? กลัวว่าจะพ่ายแพ้ให้กับฉัน?” แซ่จื๋อจ้วนกระตุ้นต่อไป
“เปล่า ฉันไม่อยากเอาหวาเหวินมาเป็นเครื่องมือในการพนัน เพราะ เมื่อนำเงิน 500 ล้านมาเทียบกับเธอแล้ว มันเทียบกันไม่ติดเลย” เจียงหยู่พูดออกมาจากใจ หวาเหวินเป็นผู้หญิงที่เมื่อยิ่งคุณได้สัมผัสใกล้ชิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่มีค่ามากขึ้นเท่านั้น มีดวงไฟมากมายที่รอให้คุณไปขุด ผู้หญิงที่ดีมากขนาดนี้ มันไม่ได้ตกมาอยู่ในมือของตัวเองง่าย ๆ ทำไมจะต้องยอมเชื่อฟังแล้วยกให้คนอื่นด้วย? ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่เจียงหยู่พูดถูก เงินจำนวน 500 ล้านหยวนสำหรับบริษัทของเขา ไม่ได้มีกำลังดึงดูดมากพอแต่อย่างใด เขานั่งอยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิด้านธุรกิจการค้าของตระกูลเจียงแล้ว ดังนั้นทำไมจะต้องแคร์เค้กชิ้นเล็ก ๆ อย่างแซ่จื๋อจ้วนด้วย
เมื่อเห็นเจียงหยู่ไม่เล่นด้วย แซ่จื๋อจ้วนก็ร้อนใจขึ้นมาทันใด
“หรือว่านายไม่อยากแพ้ฉันใช่ไหม? ไม่อยากให้ฉันแพ้จนไม่สามารถพลิกตัวฟื้นกลับมาได้ใช่ไหม?”
เจียงหยู่กวาดตามองไปทางเขา “ไม่อยาก เพราะฉันไม่เคยเห็นนายเป็นคู่แข่งมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ดังนั้นถึงจะแพ้นายแล้วมันสนุกอะไรตรงไหนเหรอ?”
ครั้งนี้ แซ่จื๋อจ้วนดันถูกกระตุ้นเสียเอง เมื่อเจียงหยู่เปล่งประโยคนี้ออกมา เขากลับรู้สึกว่าความภาคภูมิใจของตัวเองถูกทำลายจนพ่ายแพ้ยับเยิน
เจียงหยู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่สามารถเทียบเขาได้เลย
แซ่จื๋อจ้วนกำหมัดแน่น ยันโต๊ะทำงานไว้ พร้อมกับจ้องเขม็งไปทางเจียงหยู่
“เจียงหยู่ นายจะต้องเสียใจที่นายพูดกับฉันในวันนี้…… นายไม่ร่วมพนันกับฉัน ฉันก็จะหาทางทำให้นายกับหวาเหวินหย่ากันให้ได้ ฉันต้องทำให้นายสูญเสียผู้หญิงที่นายชอบไป ให้นายสูญเสียทุกอย่างที่นายมีอยู่ในตอนนี้ ถึงวันนั้น นายก็จะได้รู้ว่าฉันยังจะเป็นคู่ต่อสู้นายได้อยู่อีกไหม? นายเองก็รู้ ว่าการเล่นเกมส์กันฉัน มันน่าสนุกมากแค่ไหน”
เมื่อพูดจบ แซ่จื๋อจ้วนก็ลุกขึ้นแล้วหมุนตัวออกไปด้วยความโมโหทันที
ใบหน้าของเจียงหยู่เรียบเฉย แต่สิ่งที่แตกต่างจากแซ่จื๋อจ้วนก็คือ ไม่ว่าในใจของเขาจะมีเดือดดาลมหาศาลมากแค่ไหน รุนแรงราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำมากแค่ไหน แต่ภายนอกก็ยังสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
เรื่องนี้ เหมือนกับหวาเหวินมากทีเดียว
พูดไม่น่าฟังเรียกว่าอำพรางตัว แต่ถ้าพูดน่าฟัง แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้านั้นถือว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน
ในคืนนั้น แม่ได้โทรศัพท์กลับมาเรียกให้เขากลับไปทานข้าวที่บ้าน บอกว่าต้มข้าวโพดสดใหม่เอาไว้ให้แล้ว
เจียงหยู่เลยพาหวาเหวินกลับไปทานข้าวที่บ้านด้วย ในระหว่างที่เดินเข้าไป คุณนายเจียงก็ได้ให้นำข้าวโพดจำนวนไม่น้อยให้กับลูกสะใภ้
ซึ่งค่อนข้างสนิทชิดเชื้อมากกว่าแม่ของตัวเองเสียอีก หวาเหวินชอบแม่ของเจียงหยู่มากทีเดียว
ถึงแม้ว่าตัวเองและเจียงหยู่จะแต่งงานกันหลอก ๆ ก็ตาม แต่คุณนายเจียงก็นับว่าเธอเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ไปแล้ว ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกฝ่ายต่างก็คิดไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบมากทีเดียว
เมื่อถึงเวลากลับ เจียงหยู่เป็นคนขับ และหวาเหวินนั่งอยู่ข้างคนขับ
ตอนที่ติดไฟแดงนั้น เจียงหยู่ได้หันไปมองเธอ แล้วก็พบว่าผู้หญิงตัวน้อยกำลังก้มหน้าเล่นเกมส์เด็ก ๆ อยู่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า เกมส์งู
พริบตาเดียวเจียงหยู่ก็รู้สึกว่าเธอนั้นน่ารักมาก เลยอดที่จะเอื้อมมือออกไปแตะหลังมือของหวาเหวินเล็กน้อยไม่ได้
แต่สิ่งที่คร่าชีวิตก็คือ แตะก็แตะแล้ว แต่กลับยังบีบมือเธอต่ออีก
ตั้งใจยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด หวาเหวินเลยรีบยกฝ่ามือตีไปบนมือของเจียงหยู่ทันที จากนั้นก็ถลึงตาใส่ “เอาอุ้งเท้าหมาของนายออกไป”
“อาเหวินเธอก็ขี้เหนียวจริง ๆ แตะนิดเดียวก็ไม่ได้” เจียงหยู่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นก็เก็บมือกลับมาวางบนพวงมาลัยรถตามเดิม
หวาเหวินมองไปทางเขาด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ พระเจ้า ไร้ยางอายบ้างไหมเนี่ย? ยังจะกล้าคุยโอ้อวดว่าแตะนิดหน่อยจะเป็นอะไรไปอีกเหรอ?
เมื่อพูดออกไปว่าเธอดูเหมือนกับคนขี้เหนียวขนาดนั้น ซึ่งบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอย่างเห็นได้ชัด ดังสุภาษิตที่ว่า ได้ของถูกแล้วยังจะวางมากโอ้อวดอีก เธอเลยพูดขึ้นว่า
“เจียงหยู่ นายไร้อย่างอายบ้างไหม?” หวาเหวินจ้องมองไปทางเขาด้วยท่าทางโกรธเคือง