ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 198
ตอนที่ 198 ทำตัวเป็นหนูขาว
พูดจริง ๆ นะว่า ถ้าบอกว่าภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพื่อนร่วมห้องเพียงคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจมากละก็
นั้นก็คงเป็นอวู๋ผิงคนนี้อย่างแน่นอน เธอไม่มีกลิ่นอายความจนแต่คร่ำครึ ไม่มีแผนการร้ายแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แสนลำบาก
หวาเหวินทำไม่ได้ แต่เธอยอมรับหล่อน
หวาเหวินรับน้ำที่อวู๋ผิงยื่นมาให้ แล้วกล่าวขอบคุณ
“ฉันขอนั่งเรียนกับเธอได้ไหม?”
“ได้สิ”
อวู๋ผิงหยิบหนังสือออกมาพร้อมนั่งลงตรงข้ามกับหวาเหวิน จากนั้นก็เริ่มพูดเรื่องประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่
ตอนแรกเริ่มหวาเหวินก็ได้แต่ฟังเท่านั้น ต่อมากลับพบว่าเธอนั้นพูดได้อย่างไม่ครบถ้วน เลยช่วยเสริมเข้าไปให้
เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งสองคนก็เลยได้พูดคุยกันไปกว่า 1 ชั่วโมง จนถึงเวลาพักกลางวัน
เมื่อเห็นเวลาในโทรศัพท์ ที่บอกเวลาทานข้าวแล้ว
หวาเหวินก็ปิดหนังสือลง แล้วเอ๋ยปากขึ้นอย่างไม่ลังเลว่า “ฉันเลี้ยงข้าวเที่ยงเธอนะ?”
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซาลาเปาที่เธอไปกินก่อนหน้านั้น ก็ล้วนเป็นเงินของอวู๋ผิงทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มากไม่มายก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกไม่ดี
การเป็นคนดีย่อมมีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันถึงจะถูกต้อง ครั้งนี้หวาเหวินเลยออกตัวเอง
แล้วอวู๋ผิงก็ไม่ได้ขัดอะไร เธอพยักหน้าตอบตกลง
ทั้งสองคนเลยเดินไปข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัยด้วยกัน ไปร้านอาหารเล็ก ๆ ที่หวาเหวินมักจะไปบ่อย ๆ ช่วงนี้ เพราะมันค่อนข้างสะอาด
ส่วนอาหารที่กินก็เป็นข้าวไก่หม้อดินสไตล์กวางตุ้ง หวาเหวินไม่กินเนื้อ ดังนั้นเลยสั่งข้าวหม้อดินมังสวิรัติแทน
ส่วนอวู๋ผิงก็สั่งข้าวหม้อดินไส้กรอก ทั้งสองคนกินกันอย่างมีความสุข
ในระหว่างนั้น หวาเหวินก็อดที่จะถามอวู๋ผิงไม่ได้ว่า “ทำไมเธอกล้าเข้ามาใกล้คนแปลกพิสดาร แบบฉันละ? คนอื่นก็ต่างกลัวฉันทั้งนั้น เธอไม่กลัวเหรอ?”
อวู๋ผิงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าฉันพูดเหตุผลไปแล้ว เธออย่าโกรธฉันนะ”
“ฉันไม่โกรธหรอก เธอพูดมาเถอะ”
“เพราะฉันเองก็คนแปลกพิสดารนะ เธอก็เป็นคนแปลกพิสดาร ซึ่งคนแปลกพิสดาร ก็ต้องอยู่กับคนแปลกพิสดารสิ มันไม่ดีเหรอ?”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ หวาเหวินก็อึ้งงั้นไป จากนั้นก็อดที่จะก้มหน้าแล้วยิ้มไม่ได้
เธอเป็นคนแปลกพิสดาร อวู๋ผิงละ? ก็ถือว่าเป็นคนแปลกพิสดาร พูดมันก็ถูกอีก เพราะต่างก็ถูกบูลลี่ให้กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเดี่ยวทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อเดินด้วยกันจึงไม่ใช่แปลกเท่าไหร่
เพียงแต่ เธอเป็นคนแปลกพิสดารที่อยู่บนยอดพีระมิดสีทอง ไม่เข้าพวกกับคนอื่น ๆ เพราะเธอมีนิสัยหยิ่งยโสมาตั้งแต่เกิด
ส่วนอวู๋ผิงนั้นตรงกันข้ามไปโดยสิ้นเชิง เธอเป็นอยู่ล่างพีระมิดสีทอง ทุกคนต่างก็มองข้ามเธอหลีกห่างเธอเพราะเธอเป็นคนจน เธอเลยรู้สึกด้อยค่าอย่างทุกวันนี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ถึงแม้จะบอกว่าทั้งสองคนจะต่างกันสุดขั้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเดินไปด้วยกันได้ การได้รู้จักกัน ก็ถือว่ามีโชคชะตาร่วมกัน
อีกทั้ง หวาเหวินเองก็สังเกตมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว อวู๋ผิงเป็นคนดีมาก ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคนอื่น ไม่มีความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เธอถึงได้คบค้าสมาคมกับเธอ
“ที่เธอพูดก็ไม่ผิด พวกเราทั้งสองคนเป็นคนแปลกพิสดารจริง ๆ ” หวาเหวินยอมรับความเห็นนี้
“เสี่ยวเหวิน เธอเคยมีคนที่ชอบไหม?” อวู๋ผิงเปลี่ยนเป็นหัวข้อนี้เร็วมาก หวาเหวินยังไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด
“เธออย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอนะ ฉันเพียงแค่ถาม เพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วใช่ไหม ถึงได้ปฏิเสธหยวนซ่าวไปแบบนั้น? หยวนซ่าวเป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัย ผู้หญิงที่ชอบเขาก็มีมากมาย เอาจริงนะ คนทั่วไปก็ล้วนแล้วแต่ไม่ปฏิเสธเขาทั้งนั้น แต่เธอกลับทุบหัวเขาจนแตกเลือดอาบ ฉันเลยเดาว่าเธอน่าจะมีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแค่ฉันไม่ชอบหยวนซ่าวก็เท่านั้น”
ความจริงแล้วหวาเหวินไม่เพียงแต่ไม่ชอบหยวนซ่าวนะ ความจริงแล้วเธอไม่ชอบคนที่มาทำร้ายเธอมาล่วงละเมิดเธอต่างหาก เธอมีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้สูงมากทีเดียว
แน่นอนว่าเจียงหยู่คือข้อยกเว้น ถึงแม้ว่าเขาจะได้เปรียบเธอตลอดเวลาก็ตาม แต่หวาเหวินก็รู้จักเจียงหยู่ดีว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเธอ ดังนั้นจึงลดการป้องกันตัวเองอย่างอัตโนมัติ
ต่อมา หวาเหวินก็เพิ่งเข้าใจ สาเหตุที่เธอปล่อยให้เจียงหยู่ทำแบบนั้น นั้นเป็นเพราะว่าเธอกับเขามีปฏิสัมพันธ์มาเป็นเวลานาน มันเลยค่อย ๆ เจาะใจของเธอช้า ๆ
เธอไม่เคยชอบใครมาก่อน ดังนั้นเธอในตอนนี้ เลยไม่รู้ว่ามันเรียกว่าชอบด้วยไหม
อวู๋ผิงมองหวาเหวินด้วยความอิจฉา “ดีจัง ฉันอยากมีความโดดเด่นแบบเธอบ้าง ฉันเองก็ไม่ชอบหยวนซ่าว แต่เธอมีต้นทุน ฉันไม่มีอะไรเลย ฮ่า”
หวาเหวินไม่ได้พูดต่อ อวู๋ผิงมองไปทางโฆษณาบนหน้าจอทีวี แล้วก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ใบหน้าของเธอเลยแสดงออกถึงความตื่นเต้นออกมา “เสี่ยวเหวิน เธอรู้ไหม? เมื่อหลายวันก่อนฉันแอบไปลงชื่อสมัครกิจกรรมทดลองยาของบริษัทจื๋อจ้วนมาด้วยแหละ ถ้าฉันถูกคัดเลือก ฉันก็จะได้เงินรางวัล 1 ล้านหยวนเลยนะ”
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ? นั้นคือการทดลองยานะ ยามีทั้งสารพิษและผลข้างเคียง เธอเอาร่างกายที่แข็งแรงของตัวเองไปล้อเล่นทำไม?” หวาเหวินขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกว่าเธอทำในสิ่งที่ไม่สมควร