ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 21
ตอนที่ 21 ความเคยชินของเธอ
ในเวลานี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง “คุณชาย คุณหนูหลับไปแล้วค่ะ”
“อ้อ” เจียงหยู่ผินร่างกลับ เห็นหญิงรับใช้คนสนิทของหวาเหวิน หยินซิ่ง
หวาเหวินเดินไปที่ใดก็จะพ่วงท้ายคนรับใช้หญิงสองคนด้วยเสมอ คนหนึ่งตาสองชั้น คนหนึ่งตาชั้นเดียว แยกแยะได้ง่ายมาก
คนที่มีตาชั้นเดียวคือหยินซิ่ง คนที่ตาสองชั้นเรียกว่าชุนเถา
ว่ากันว่าพวกเธอรับใช้หวาเหวินมากกว่าสิบปีแล้ว
“คุณชายคะ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ มีบางเรื่องที่ฉันรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องกำชับกับคุณสักหน่อย”
“ได้สิ”
บังเอิญที่เจียงหยู่เองก็ไม่ได้ง่วง เมื่อคิดว่าคนรับใช้ของหวาเหวินเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องมีจุดประสงค์
คงเป็นอย่างที่คาด หลังจากนั้นสองคนนั้นลงมาที่ห้องโถงรับแขก
ชุนเถาต้มชาสร่างเมามาให้เจียงหยู่หนึ่งแก้ว เป็นความเล็กน้อยที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
หลังจากนั้นหยินซิ่งมายืนที่เบื้องหน้าของเจียงหยู่ ในมือถือสมุดมาหนึ่งเล่ม
มองดูสิ่งที่คล้ายสมุดบันทึก เธอค่อยๆพลิกเปิดอ่านอย่างช้าๆ “คุณชายคะ ต่อจากนี้สิ่งที่ดิฉันกล่าวคือความเคยชินของคุณหนู ในฐานะที่ต่อจากนี้คุณจะต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ดิฉันหวังว่าคุณจะเรียนรู้พฤติกรรมของเธอ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ทั้งสองฝ่ายจะเกิดความไม่พึงพอใจต่อกันนะคะ”
“ว่ามาสิ” เจียงหยู่ที่นั่งพิงบนโซฟารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจทีเดียว
หวาเหวินกับคนรับใช้หญิงสองคนนี้ทั้งค่อนข้างหัวโบราณคร่ำครึ อีกทั้งล้าสมัยเป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะว่าความขัดแย้งกับสมัยใหม่นี่ล่ะ จึงกลับรู้สึกว่าน่าสนใจ
หยินซิ่งกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “พฤติกรรมความเคยชินคุณหนูพวกเราหลายปีที่ผ่านมา คือการเข้านอนก่อนเวลาสี่ทุ่ม หกโมงครึ่งตื่นมารับประทานอาหารเช้า คุณหนูพวกเราแต่ไรไม่เคยทานเนื้อสัตว์ หลายปีมานี้ทานแต่ผัก ที่ชอบทานมากที่สุดก็คือผักกวางตุ้งกับผักกาดหอม และก็ยังมีมันฝรั่ง สิ่งที่ไม่ชอบทานคือกระเจี๊ยบขาว”
ชุนเถากล่าวเสริม “คุณหนูพวกเรารับประทานเพียงวันละสองมื้อ ตอนหกโมงเช้ากับเที่ยงตรง ช่วงบ่ายสองจะมีจิบชายามบ่าย สามารถรับประทานขนมกับน้ำชาได้เล็กน้อย แต่ดื่มเฉพาะใบชาซีหูหลงจิ่ง* หลังบ่ายสามเป็นต้นไปจะไม่สามารถทานอะไรได้อีก เพียงแค่ดื่มน้ำเปล่าเป็นบางครั้งค่ะ”
หยินซิ่งกล่าวสำทับ “คุณหนูพวกเรานิยมความสงบ ไม่ชอบสถานที่คนพลุกพล่าน ถ้าหากว่าในอนาคตคุณชายต้องการเลี้ยงอาหารแขกอย่าได้มาที่เฟิงหวาหลี่ แต่สามารถไปที่บ้านของท่านได้ คุณหนูทำอาหารไม่เป็น ทั้งยังไม่เข้าครัว มีสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวชื่อว่า เสี่ยวเฮย เป็นแมวดำตัวหนึ่งแต่ว่าเสี่ยวเฮยมักจะออกไปเล่นข้างนอกในช่วงค่ำไม่ค่อยกลับบ้าน ดังนั้นสามารถมองข้ามได้ ตราบใดที่หลังจากนี้เมื่อคุณชายพบ ก็ไม่ต้องไปไล่มัน หรือตีมันก็พอค่ะ”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เจียงหยู่ถึงกับนวดขมับ รู้สึกว่าหัวโตขึ้นมาก
สาวน้อยที่ดูเรียบง่ายคนนั้น ทำไมจึงเรื่องมากไม่น้อยเลย
ไม่ทานเนื้อ แค่ข้อนี้ก็ทำให้ผู้คนอกแตกตายแล้ว
ชุนเถาชำเลืองมองเจียงหยู่พร้อมทั้งกล่าวเสริมต่อ “ยามที่คุณหนูกับคุณชายอยู่ที่เฟิงหวาหลี่ ต่างคนต่างแยกย้ายให้นอนห้องของตนเอง หากไม่มีการเชื้อเชิญจากคุณหนูไม่สามารถเข้าพื้นที่ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าหากกลับบ้านตระกูลหรือกลับตระกูลหวาเพื่อฉลองเทศกาล ต่อหน้าผู้อื่นสามารถแชร์ห้องร่วมกันได้ แต่ร่วมเตียงไม่ได้”
เจียงหยู่หัวเราะ “ความสามารถในการแยกแยะของเธอชัดเจนดีจริงๆ
หยินซิ่งจึงกล่าวต่อ “ความสัมพันธ์การแต่งงานของคนทั้งสองกับผลประโยชน์ต้องแยกแยะค่ะ ถ้าหากคุณชายคิดต้องการยืนยันทรัพย์สินก่อนแต่งงาน คุณหนูของพวกเราคู่ควรอย่างแท้จริง….คุณหนูพวกเราจะไม่ใช้เงินของคุณชายสักแดงเดียว ข้อนี้สามารถวางใจได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ กลัวว่าผมจะเลี้ยงดูเธอไม่ได้หรือไง?” เจียงหยู่เอ่ยปากเสียงเรียบ
“ไม่ใช่ค่ะ นี่เพียงแค่เป็นความเคยชินส่วนตัวของคุณหนู ขอให้คุณชายโปรดเข้าใจ” ชุนเถาอธิบายพัลวัล
“ยังมีอีกไหม?” เจียงหยู่สืบถามต่อ
บัดนี้เขาพบว่าไม่ใช่แค่หวาเหวินที่เรื่องมาก….. หญิงรับใช้สองคนนี้ก็ดูเหมือนไม่ใช่พวกตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน*(เรื่องเยอะ เรื่องมาก)
“ยังมีอีกข้อ คุณหนูพวกเรากล่าวไว้ว่า ข้างนอกคุณชายสามารถมีหญิงอื่นได้แต่อย่าให้เอิกเริกนัก อาจจะทำให้หน้าตาตระกูลหวาไม่ดีเท่าไหร่…แค่ตราบใดไม่เป็นข่าวครึกโครมขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ ก็จะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของคุณ แต่ถ้าหากซุกซนจนเกิดมีบุตรนอกสมรส อย่าได้หอบกลับมา คุณหนูพวกเรากล่าวไว้ไม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกให้คุณค่ะ”
โอ้ว ในจุดนี้เธอกลับใจกว้างมาก” เจียงหยู่กล่าวหัวเราะเสียงต่ำ
เขากระทั่งสามารถมโนถึงท่าทางของสาวน้อยที่กล่าวประโยคเช่นนี้ ท่าทาง จะต้องน่ารักมากแน่ๆ