ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 223
ตอนที่ 223 ตั้งตัวได้แล้วค่อยว่ากัน
“ฉันดูถูกจริงๆ แต่ฉันดูถูกจิตใจที่หมดอาลัยตายอยากของคุณ ยายับยั้งเส้นประสาทสมองตัวนี้ ฉันเคยซื้อ แล้วก็เคยใช้มาก่อน ประสิทธิ์ภาพมหัศจรรย์มาก พวกคุณใช้ความตั้งใจผลิตยาที่ช่วยให้นอนหลับและคลายเครียดได้ดีขึ้นออกมา ฉันประหลาดใจมากจริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะตื่นตระหนกตกใจขนาดนี้ ความล้มเหลวเล็กน้อยแค่นี้ก็ล้มลงเสียแล้ว เอาเถอะ ต่อไปไม่ต้องมาพบฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาบอกว่าเสียใจ ชอบฉันอะไรพวกนั้นอีกแล้ว ฉันไม่คาดหวังให้คนที่มาจีบฉัน เป็นคนขี้ขลาด เป็นคนอ่อนแอ” หวาเหวินพูดจบก็หมุนตัวจะเดินไป
“เหวินเหวิน ฉันรู้ว่าฉันไม่มีหน้าจะไปพบคุณ……แต่ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณเป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้ทำไปเพราะโมโหเจียงหยู่ ในตอนแรกที่วางมือจากการก่อตั้งกิจการก็เพราะอยากจะแย่งคุณกลับมา” แซ่จื๋อจ้วนอธิบายด้วยเสียงแหบพร่า
หวาเหวินหันกลับมา “ความจริงใจไม่ใช่พูดแต่ปาก หากว่าคุณตัดสินใจอย่างนี้ ก็คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
“แล้วฉันยังทำอะไรได้อีกหรือ? ฉันพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ แม้กระทั่งบ้านฉันก็เอาไปจำนอง ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว” แซ่จื๋อจ้วนก็พยายามหาทางออกแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้นอกจากกลับไปตระกูลแซ่ ขอยืมเงินจากพ่อแล้ว ก็ยังไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่าจริงๆ อย่างน้อยเธอก็คิดไม่ถึง
“คุณเคยคิดไหมว่าอะไรที่ทำให้คุณล้มเหลว?” หวาเหวินถามเขา
“โดนข่าวด้านลบ เป็นเพราะยาทำให้เกิดเรื่อง ทำให้มีคนเสียชีวิต”
“อืม อย่างนั้นทำไมคุณไม่สืบหาว่าเพราะอะไรคนๆนั้นถึงอยากจะทำลายคุณ แค่เพราะเงินจริงหรือ?” หวาเหวินเตือนสติอีกครั้ง
แซ่จื๋อจ้วนตกตะลึงไปแล้ว กี่วันมานี้คิดเพียงแต่ว่าจะหาเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดทุนไปอย่างไรดี แต่กลับไม่ได้มองปัญหาจากมุมอื่นเลย
หวาเหวินพูดอย่างมีเหตุผล ถ้าสามารถสืบหาคนๆนั้นที่ข่มขู่ตนเองตั้งแต่ตอนแรก บางทีอาจจะลบล้างความผิดที่โดนใส่ร้ายป้ายสีได้ อันที่จริงยาของเขาไม่ได้มีปัญหาใดๆเลย
“เหวินเหวิน ฉันสับสนแล้ว ไม่นึกว่าจะคิดไม่ถึง……” แซ่จื๋อจ้วนราวกับว่ามองเห็นความสุขอยู่รำไร เขากำลังยิ้มแล้วมองหวาเหวิน ในสายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ตอนที่หวาเหวินมา ก็ไม่คิดว่าจะโน้มน้าวไม่กี่คำ ตั้งแต่แรกเธอก็อยากจะเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงออกปากเตือนสติ ส่วนจะเข้าใจได้ไหม นั่นก็เป็นเรื่องของแซ่จื๋อจ้วนแล้ว เธอคงไม่สามารถสอนให้ได้ ยิ่งไม่สามารถไปช่วยเขาด้วยตัวเองได้
“ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว ก็คิดให้เต็มที่ว่าต่อไปจะทำอย่างไร เรื่องของเงินทุน คุณก็ไม่ได้ไม่เหลืออะไรเลย ฉันได้ยินมาว่าหวาผิงยินยอมจะให้คุณยืมหนึ่งร้อยล้าน ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พรุ่งนี้เช้าก็คงจะเข้าบัญชี ส่วนจะตั้งตัวใหม่ได้ไหมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณเองแล้ว”
พูดจบ หวาเหวินก้าวเท้าจะออกไป แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เธอจึงหมุนตัวกลับมา
หยิบคุกกี้ธัญพืชห่อเล็กๆ กับนมหนึ่งขวดออกมาจากกระเป๋าผ้า แล้ววางไว้บนโต๊ะ
“ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดไหน ฉันขอแนะนำว่ายังต้องกินให้อิ่มแล้วค่อยไปจัดการนะ”
แซ่จื๋อจ้วนที่กำลังมองนมขวดกับคุกกี้อยู่นั้น ดวงตาก็ชุ่มชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงจริงๆ ในเวลาที่เขาลำบากที่สุด ไม่นึกว่าหวาเหวินจะยื่นมือมาช่วยเขา
ดังนั้นก็บอกได้ว่า ชีวิตคนเรานั้น ยังมีเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอดจริงๆ
“เหวินเหวิน ฉันมีดีอะไร ถึงโชคดีได้คำแนะนำของคุณ บุญคุณฉัน……”
“หยุดเลย อย่ามาใช้มุกนี้นะ ฉันไม่ตกหลุมลูกไม้ของคุณหรอก” หวาเหวินโบกมือ ตัดบทคำพูดประโยคหลังของแซ่จื๋อจ้วน
เห็นท่าทางที่น่ารักของเธอ แซ่จื๋อจ้วนก็ยิ้มแล้ว เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ
เขามองใบหน้าที่แสนสวยงดงามของเธอ ถามอย่างระมัดระวัง “เหวินเหวิน แล้วเราจะเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
“ฉันไม่เป็นเพื่อนกับคนอ่อนแอ คุณตั้งตัวให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน” หวาเหวินพูดประโยคนี้จบ ก็ออกไปจากอาคารเลย
ต่อมา ทุกครั้งที่แซ่จื๋อจ้วนนึกถึงภาพวันนั้น เขามักจะจำได้รางๆว่า ในวันนั้นเป็นวันที่แสงแดดแสนอบอุ่น
แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องไปทั่วทั้งห้องทำงาน หวาเหวินก็เหมือนกับนางฟ้า ที่ปรากฏออกมาต่อหน้าของเขา ให้พลังชีวิตสุดท้ายแก่เขา
หลังจากหวาเหวินออกไป แซ่จื๋อจ้วนหยิบนมขึ้นมาดื่มจนหมด แต่คุกกี้กลับไม่สามารถตัดใจกินลงได้ เขาใส่ลงในกระเป๋าสูทอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ยืนหยัดสู้ต่อไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “รีบสืบหาข้อมูลของครอบครัวผู้ตายให้ฉันทันที ในระยะนี้ได้ติดต่อกับคนที่น่าสงสัยไหม แล้วในบัญชีมีเงินที่น่าสงสัยหรือเปล่า?”