ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 23
ตอนที่ 23 ฉลองจดทะเบียน
หวาซวงได้ฟังแล้วย่อมไม่ยินดี อย่างไรตอนนี้เธอก็ถือหางตระกูลหวา
“น้องห้า คำพูดเธอนี่น่าเบื่อจริง ตอนแรกที่จะแต่งเข้าตระกูลเซี่ย พ่อแม่เจรจากับเธอ เธอก็ตกลงเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเราบังคับเธอเสียหน่อย จะว่าไปเงินนี้ก็ใช่ว่าจะให้พวกเรา นี่ฉันลำบากทุกวี่ทุกวันก็เพื่อใครล่ะ ไม่ใช่ว่าเพื่อตระกูลหวาของพวกเราหรือไง?”
“ตามนั้น พี่ใหญ่ บาย”
หวาเหวินไม่นิยมทะเลาะเบาะแว้ง พอความคิดเห็นต่างไปคนละทางก็วางสายโทรศัพท์เสียแล้ว
ยังไม่สนว่าพี่สาวคนโตจะคิดยังไงกับเธอ อย่างไรแต่เล็กจนโต ความสัมพันธ์พวกเธอฉันท์พี่สาวน้องสาวก็ใช่ว่าจะดีมาก
ที่จริงแล้วเธอไม่สนใจสักนิดว่าใครจะพูดอย่างไร ข้างนอกลือกันไปมากมาย เธอก็ไม่ได้อธิบายเพื่อตนเองแม้สักคำ
ณ สำนักงานใหญ่HR
บิดาของเจียงหยู่กลับมาหลังจากออกไปพบลูกค้า ผู้ช่วยก็คาบข่าวมาบอกเขา
“ท่านประธานเจียงครับ เช้าวันนี้ผู้จัดการเจียงให้บัญชีแก่ตระกูลหวาไปห้าร้อยล้านครับ”
“อือ เขาบอกผมแล้ว”
“ให้ผมกล่าวตามตรง ตระกูลหวาในระยะหลายปีมานี้ตกต่ำลง….พวกเรานำเงินโอนไปเยอะขนาดนั้น….ใช่ว่าความเสี่ยงจะสูงเกินไปหรือไม่ครับ?”
ตัวผู้ช่วยก็ติดตามบิดาเจียงหยู่มาหลายปี ดังนั้นจึงกล่าวตรงไปตรงมา
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นกับการที่เจียงหยู่ทุ่มเงินห้าร้อยล้านไปในชั่วพริบตา บ่งชี้ว่าไม่อาจเข้าใจได้ เขามักจะรู้สึกว่าวู่ว่ามเกินไป
“เจียงหยู่ทำอะไรยังเชื่อถือได้ เรื่องนี้ให้เขาจัดการด้วยตัวเองเถอะ”
ประธานเจียงยังคงฉลาดเฉลียว เขาเข้าใจลูกชายตนดีว่าหลังจากที่แต่งลูกสาวตระกูลหวาเข้ามา ในเมื่อเกี่ยวดองกันแล้ว จึงไม่อาจเห็นคนตกยากโดยไม่ช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าตระกูลเซี่ยก็รับปากจะช่วยเหลือ ดังนั้นบิดาเจียงหยู่จึงแสดงว่าไม่ออกความคิดเห็น อีกทั้งเชื่อมั่นในตัวลูกชาย
ผู้ช่วยเมื่อเห็นท่านประธานกล่าวเช่นนี้แล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก
บ่ายวันนั้น เรื่องนี้ก็ขึ้นข่าวเศรษฐกิจ อีกทั้งยังพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง
หัวข้อข่าวนั้นสะดุดตาอย่างมาก….นายน้อยเจียงหลงใหลภรรยาที่เพิ่งแต่งหมาดๆ ทุ่มอลังการห้าร้อยล้านแก้ไขเรื่องเร่งด่วนตระกูลหวา
ในบทความเขียนพรรณนาหลายพันตัวอักษร ส่วนใหญ่นั้นคาดเดาว่าเจียงหยู่นั้นดีกับภรรยาคนใหม่และพึงพอใจมาก
ด้วยเหตุนี้จึงยอมควักเงินออกมามากมายเช่นนี้เพื่อช่วยตระกูลฝั่งเจ้าสาว ประเสริฐจริงๆ
หลังจากนั้นฉินชงเจี้ยนยังจงใจส่งวีแชทแซวเขา
ฉินชงเจี้ยน : ผู้จัดการเจียง นายดังแล้ว
เจียงหยู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากวาดสายตาไปหนึ่งรอบแล้วไม่ได้สนใจอีก
“ผู้จัดการเจียง นี่เป็นเอกสารที่ท่านต้องลงนามในวันนี้ รบกวนท่านตรวจดูสักครู่”
เลขาฯหยิบกองเอกสารเดินเข้ามา
เจียงหยู่ก้มมองนาฬิกาข้อมือ “ท่านประธานกลับมาแล้วหรือ?
“กลับมาแล้วค่ะ”
“ไปหาให้ท่านเซ็นนะ ผมมีธุระ วันนี้ต้องออกเร็วหน่อย”
ไม่ได้อยากที่เขาจะกลับเร็ว เลขาฯพลันใบหน้าโง่งม
บ่ายสองโมงตรง เจียงหยู่ขับรถกลับบ้าน
หวาเหวินกำลังจัดดอกไม้อย่างเงียบๆ
“วันนี้วันดี” เขาเข้าใกล้เธอแล้วกล่าวประโยคสักครู่นี้มา
หวาเหวินมองเขาโดยไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำอย่างไร
“ดังนั้น คุณนายเจียงครับ สะดวกจดทะเบียนฯกับผมไหม?” เจียงหยู่ยิ้มพลางถาม
หวาเหวินนิ่งตะลึง….
“ไม่ควรอยู่ร่วมคู่กันอย่างผิดกฎหมายนะ ตกลงกันไว้แล้วว่าต้องจดทะเบียนฯ” ด้วยกลัวว่าหวาเหวินจะคิดเยอะ เจียงหยู่จึงกล่าวเสริมด้วยเสียงต่ำอีกหนึ่งประโยค “อย่างไรสามปีให้หลังก็ค่อยหย่า”
“ตกลง คุณรอฉันสักครู่”
เมื่อได้ยินว่าจะต้องออกไปข้างนอก หวาเหวินจึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ครั้งนี้ไม่ใช่ชุดกี่เพ้า และก็ไม่ใช่ชุดเดรส แต่กลับเป็นชุดสีขาวเรียบง่ายกับกางเกงขากว้างสีดำ
ข้อมือเกลี้ยงเกลา ไร้เงานาฬิกาแบรนด์เนม ยังปราศจากกำไลข้อมือคาเทียร์
การแต่งตัวเช่นนี้เรียบง่ายยิ่ง ทว่าเจียงหยู่กลับชอบมาก รู้สึกว่ายิ่งธรรมดาก็ยิ่งน่าหวั่นไหว
บ่ายสามโมงครึ่ง ณ ที่ว่าการอำเภอฯ
คนทั้งสองถือทะเบียนสมรสเดินออกมา
“คุณนายเจียงเคยได้ยินไหมว่าหลังจากจดทะเบียนฯแล้วต้องทานหม้อไฟ คืนวันจะได้มีชีวิตชีวา เป็นเกียรติได้หรือไม่ครับ?” เขามองพลางยิ้มให้เธอใต้แสงดวงอาทิตย์
รอยยิ้มนั้นทั้งจริงใจและอบอุ่น
หวาเหวินเดิมทีคิดจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำใจแข็ง พยักศีรษะตามเขาขึ้นรถไป
“เอ๋ จื๋อจ้วน ด้านหน้านั่นดูเหมือนเป็นรถของเจียงหยู่”
จากที่ไม่ไกลนัก เซี่ยจื๋อจ้วนกับพรรคพวกในรถเฟอรารี่คันสีแดง กำลังกระซิบกระซาบมองที่ด้านหน้ารถโรสรอยส์