ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 237
ตอนที่ 237 เสี่ยงเซียมซี
อวู๋ผิงก้มหัว ราวกับว่ามีเรื่องในใจที่ค่อนข้างไม่อยากจะพูดออกมาได้……
“เธอไม่พูด ฉันจะช่วยเธอได้อย่างไร ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอต้องหาเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ” หวาเหวินกำลังมองเธออย่างเงียบๆ
ผ่านไปสักระยะหนึ่ง อวู๋ผิงเงยหน้าขึ้น เบ้าตาแดงๆ
“ครอบครัวบ้านเกิดของฉัน เฮ้อ ก็ยากจนมากๆ ดังนั้นพวกเขาก็มักจะต้องการเงินอยู่เสมอ เงินทุนค่าเล่าเรียนแต่ก่อนฉันก็ให้ครอบครัว คราวก่อนที่ได้รางวัลสองหมื่นมาโดยไม่ได้คาดคิดก็ส่งให้พ่อแม่ของฉันเอากลับไปซ่อมบ้านแล้ว เมื่อวานพ่อฉันโทรมาก็พูดอีก เขาอยากจะซื้อเครื่องหว่านเมล็ดพันธุ์คันหนึ่ง นี่ครอบครัวก็ใกล้จะทำไร่ไถนาแล้วใช่ไหมล่ะ? อยากจะสบายๆสักหน่อย เห็นฉันตอบตกลงรวดเร็วขนาดนั้น เขาก็พูดอีกว่ายังอยากได้เครื่องเก็บเกี่ยวอีกคัน ตอนฤดูใบไม้ร่วงจะได้ใช้เก็บเกี่ยวข้าว แล้วยังเอามาหาเงินจากการช่วยครอบครัวอื่นเก็บเกี่ยวได้อีกด้วย ในบัตรของฉันมีแค่สี่พัน นี่เป็นเงินที่ฉันทำงานหาเงินมาได้ อยากจะเอาบัตรเครดิตไปให้เขากดออกมาห้าพัน เพื่อซื้อเครื่องหว่านเมล็ดพันธุ์ แต่เขาอยากจะได้เครื่องเก็บเกี่ยวอีก ต้องการอีกหนึ่งหมื่น รวมทั้งสิ้นเป็นเงินหนึ่งหมื่นห้าพัน ฉันมีแค่สี่พัน ขาดอีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพัน ฉันจะไปหามาจากไหนล่ะ?”
อวู๋ผิงค่อยๆพูดความทุกข์ในใจออกมา พูดจบตัวเองก็อยากจะหัวเราะ จริงๆก็ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้มากกว่า
“ครอบครัวเธอให้เธอรับหน้าที่เป็นตู้ATMแล้วใช่ไหม” หวาเหวินถามด้วยเสียงเย็นชา
“ก็ไม่ใช่หรอก พวกเขาอาจจะรู้สึกว่าตั้งหลายปีที่จัดการให้ฉันได้เรียนหนังสือ ก็เสียเงินไปไม่น้อย ฉันควรจะทดแทนบ้างแล้ว”
“ตอนนี้เธอยังเป็นนักเรียน ไม่ได้ทำงาน จะให้เอาอะไรมาทดแทน?”
“พวกเขา……คิดว่าในเมืองหางานทำได้ง่าย แต่ฉันรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ หางานทำไม่ง่ายจริงๆ” อวู๋ผิงลูบหน้าของตนเอง ค่อนข้างน้อยเนื้อต่ำใจ
หวาเหวินค่อนข้างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่เล็กน้อย อันที่จริงนั่นก็เป็นพ่อแม่ของเธอ ถึงแม้จะเป็นผีดูดเลือดจริงๆ เธอก็ไม่มีทางเลือก ไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ได้
“ฉันให้เธอยืมได้นะ” หวาเหวินพูด
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด แต่เดิมใครๆต่างก็คิดว่าฉันประจบสอพลอเธอ เลียแข้งเลียขาเธอเพื่อเงิน ฉันต้องมุมานะบากบั่นด้วยตัวเอง เหวินเหวิน เธอเพียงแค่หางานให้ฉันก็พอ ฉันจะหาเงินด้วยตัวเอง ถ้าต้องยืม ฉันไปกู้เงินจำนวนน้อยๆก็ได้แล้ว แต่ฉันไม่อยากทำ ยืมเงินแล้วกังวลใจ”
แม้ว่าอวู๋ผิงจะยากจน แต่ลักษณะท่าทางไม่เลวเลย และยังเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก นิสัยนี้หวาเหวินค่อนข้างถูกใจ
หวาเหวินคิดๆแล้ว อวู๋ผิงก็พูดถูก ถึงแม้จะเป็นเพื่อนที่ดี ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ตลอด ต้องพึ่งพาตนเองอยู่เสมอ “จริงๆฉันมีงานหนึ่งที่จะให้เธอได้ ค่อนข้างยาก แต่ได้เงินไม่เลวเลย เธอลองดู”
“ได้สิ เธอบอกมา ฉันทำได้แน่นอน ฉันไม่กลัวความยาก ไม่กลัวความลำบาก” อวู๋ผิงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
“ฉันมีเพื่อนเปิดร้านเครื่องลายครามเล็กๆอยู่ร้านหนึ่ง เธอมักจะเอาชิ้นส่วนที่มีความรู้สึกถึงยุคสมัยมาประดับตกแต่ง ของลายครามประเภทนั้นอยู่บ่อยๆ แต่อย่างไรก็มีความต้องการอยู่นิดหน่อย ข้อแรกต้องเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ข้อสองราคาต้องสมเหตุสมผล ข้อสามไม่เอาของใช้ฝังศพที่เพิ่งถูกขุดพบออกมา เธอเรียนประวัติศาสตร์มาอย่างละเอียด ฉันเชื่อว่าสายตาต้องแม่นยำมาก คงจะไม่ยากสำหรับเธอ เมืองเจียงมีตลาดของลายครามอยู่มากมาย เธอไปลองเสี่ยงเสียเงินดู ในมือเธอมีสี่พันไม่ใช่หรือ จ่ายไปก่อน ส่วนของนั้นฉันจะช่วยเธอเอาไปให้เพื่อน เธอจะต้องให้ราคาที่ดีกับเธอ ให้เธอได้กำไรเป็นค่าตอบแทน อย่างนี้ทั้งไม่ถ่วงเวลาเรียนเธอ ทั้งยังหาเงินได้มากขึ้นอีก เธอว่าอย่างไร?”
อวู๋ผิงฟังจบก็พยักหน้าอย่างเต็มกำลัง ดีเกินไปแล้วจริงๆ ไม่เพียงแต่หาเงินได้ ยังได้ใช้สิ่งที่เรียนมาอีกด้วย ประจวบเหมาะกับเป็นสาขาวิชาของเธอ
หลังจากอยู่ในห้องพยาบาลสักครู่หนึ่ง หวาเหวินก็ออกไป นึกถึงโชคชะตาของอวู๋ผิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นในใจก็มีความคิดหนึ่งโผล่ออกมาอีก อยากจะเสี่ยงเซียมซีให้เธอ ดูๆว่าโชคชะตาเธอเป็นอย่างไร?
ในห้องสมุด หวาเหวินหยิบแท่งเซียมซีออกมาจากกระเป๋าผ้าจะเขย่าเซียมซีเพื่ออวู๋ผิง แม้ว่าจะไม่มีวันเดือนปีเกิด แต่เพราะมีใบหน้าของเธอก็สามารถเสี่ยงทายได้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แท่งเซียมซีแท่งหนึ่งก็ลอยออกมา หวาเหวินหยิบขึ้นมาดูแล้ว……