ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 238
ตอนที่ 238 ปฏิเสธการวินิจฉัย
แท่งเซียมซีปรากฏสี่ตัวอักษรออกมาอย่างรำไร มีเพียงแค่หวาเหวินเท่านั้นที่สามารถมองเห็นตัวอักษรได้
——ชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาโดดเดี่ยวเดียวดาย ทางเดินขรุขระสลับซับซ้อน หากมีคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ก็จะมีความหวังที่เปล่งประกายออกมาจากห้วงแห่งความทุกข์
ความหมายก็ตามตัวอักษรแล้ว ตรงตัวมากๆ โชคชะตาอวู๋ผิงยากจนตั้งแต่เกิด ทางเดินชีวิตล้วนแต่ลำบากมาก ยากที่จะสมใจปรารถนาเหลือเกิน ถ้าโชคดีได้พบคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ และถ้าคนๆนั้นยินยอมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ บางทีเธอที่อยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ยังพอมีความหวังที่จะเอาตัวรอดได้
จะพูดอย่างไรล่ะ? โชคชะตาไม่ดีอย่างแท้จริง แต่ยังมีโอกาสกลับมาดีขึ้นได้ อันที่จริงก็ไม่ได้ถูกลิขิตให้ยากจนตลอดชีวิต ในแท่งเซียมซีบอกว่าคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ใช่ตัวเธอเองไหม?
หวาเหวินตกอยู่ในสภาพครุ่นคิดอย่างหนัก……ถ้าเธอสามารถช่วยได้ ชีวิตของอวู๋ผิงยังมีโอกาสกลับมาดีขึ้นใช่ไหม?
คำพูดเหล่านี้ตนเองได้เห็นแล้วก็ถือว่ารู้แล้ว แต่ก็ไม่ควรพูดกับใครทั้งนั้น อันที่จริงเป็นความลับของสวรรค์ที่ห้ามเปิดเผย
แต่มีความรู้สึกว่า ทุกครั้งหลังจากที่เสี่ยงเซียมซี หวาเหวินมักจะสูญเสียกำลัง มักจะอ่อนล้าอยู่เล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ตอนเย็นที่กลับถึงบ้าน เธอเป็นฝ่ายบอกว่าต้องการดื่มน้ำลำไยพุทรา หยินซิ่งรีบไปทำทันที ชุนเถาเอาเสื้อไหมพรมที่ถักเสร็จแล้วพาดไว้บนร่างกายของหวาเหวิน “คุณผู้หญิงคะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนเป็นหนาวเย็น คุณขี้หนาว ต้องระมัดระวังทำให้ร่างกายอุ่นอยู่ตลอดนะคะ”
“อืม ฉันทราบแล้วจ๊ะ” หวาเหวินพยักหน้า
หวาเหวินหยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กออกมา วางเอาไว้บนขาทั้งสองข้าง เปิดกล่องข้อความส่วนตัวของตนเอง แล้วกดเปิด
เป็นจดหมายเชิญที่ส่งมาจากงานประมูลสวิตเซอร์แลนด์ รบกวนเธอให้ช่วยวินิจฉัยและประเมินค่าวัตถุโบราณชิ้นหนึ่ง
หวาเหวินกวาดสายตาดูรูปภาพของวัตถุโบราณ แล้วก็กวาดสายตาไปที่เจ้าของผู้ที่ส่งเอกสารมาให้วินิจฉัยและประเมินค่า ดวงตาเย็นชาเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหวู๋จุน? ถ้าครั้งที่แล้วเจียงหยู่ไม่ได้พาเธอไปที่งานการกุศล บางทีเธออาจจะยังไม่รู้จักหวู๋จุนคนนี้
แต่ก็บังเอิญขนาดนี้ ไม่นึกว่าหวู๋จุนจะยื่นหนังสือขอวินิจฉัยและประเมินค่าแล้ว แค่ดูจากรูปภาพ เป็นดาบทองสัมฤทธิ์ของสมัยจ้านกั๋ว และมีการสลักเครื่องหมายของตระกูลสูงศักดิ์ รักษาเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
หากว่าเป็นของจริง ต้องเริ่มจากห้าสิบล้านอย่างแน่นอน ค่าวินิจฉัยและประเมินค่าของเธอก็จะงามมากพอดูทีเดียว
แต่ลักษณะท่าทางของหวู๋จุน ทำให้หวาเหวินขยะแขยงจริงๆ ดังนั้นเธอจึงตอบอีเมลกลับไปทันที เขียนปฏิเสธการวินิจฉัยและประเมินค่าอย่างชัดเจน
นายคนนั้นก็รีบส่งอีเมลฉบับใหม่กลับมาถามทันทีว่าเพราะอะไรถึงปฏิเสธ? ชาวต่างชาติน่ะ เรื่องมากชอบซักถาม
หวาเหวินรีบตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษทันที “โบราณวัตถุชิ้นนี้แหล่งที่มาไม่ชัดเจน ดูเหมือนจะซื้อมาจากมือของหัวขโมยที่ขโมยออกมาจากหลุมฝังศพ ค้ากำไรจากวัตถุโบราณของประเทศชาติเป็นความผิดมหันต์ เธอไม่อยากให้บริการนักโทษ”
หลังจากที่นายคนนั้นเห็นอีเมล ก็เข้าใจแล้ว หลังจากที่ปฏิเสธคำขอของหวู๋จุนแล้ว
จริงๆหวาเหวินก็ไม่ได้พูดมั่วๆ ดาบทองสัมฤทธิ์เล่มนี้ของหวู๋จุน กล้าเอามาให้เธอวินิจฉัยและประเมินค่า แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แก่ใจ ส่วนมากล้วนแต่เป็นเรื่องจริง
แต่ดาบทองสัมฤทธิ์ที่มีรอยและขนาดอย่างนี้ในปัจจุบันน้อยมากที่จะพบในแหล่งขาย แต่ก่อนเคยเห็นในเอกสารด้านประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ สมัยจ้านกั๋ว ฉู่กั๋วผู้ครองเมืองท่านหนึ่งเนื่องจากชอบดาบทองสัมฤทธิ์เป็นพิเศษดังนั้นตอนที่ฝังศพ ครอบครัวของเขาก็วางเข้าไปมากมาย แต่หลุมฝังศพนี้ในปัจจุบันยังไม่โดนขุดค้น หวู๋จุนไปเอามาจากไหน? ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือ จากรูปภาพก็สามารถเห็นรำไรๆได้ถึงไอความเย็นที่ปกคลุมล้อมรอบดาบทองสัมฤทธิ์เอาไว้ ถูกขุดออกมาไม่น่าเกินสิบห้าวัน ดังนั้นหวาเหวินสามารถวินิจฉัยเบื้องต้นได้ว่า นี่น่าจะมาจากหัวขโมยที่ขโมยมาจากหลุมฝังศพแล้ว บางทีหวู๋จุนอาจจะซื้อมาจากมือของหัวขโมย หรือบางทีหวู๋จุนก็อาจจะเป็นคนขโมยด้วยตัวเอง……
หลังจากตอบอีเมลกลับไปเสร็จ หวาเหวินก็อุ้มโน๊ตบุ๊กนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาครู่หนึ่ง ดังนั้นแม้กระทั่งเจียงหยู่เข้ามาก็ไม่รู้สึกตัว
จนกระทั่งตอนที่เจียงหยู่นั่งลงข้างกายเธอ ด้วยจิตใต้สำนึกเธอก็กดปุ่มคีย์บอร์ดเปลี่ยนหน้าต่างบนหน้าจอ เพื่อไม่ให้เจียงหยู่เห็นกล่องข้อความส่วนตัวของเธอ
“เหวินเหวิน ดูอะไรอยู่ จริงจังขนาดนี้?”
เจียงหยู่กวาดสายตาไปที่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กอย่างอยากรู้อยากเห็น บนหน้าจอนั้นกำลังถ่ายทอดซีรีส์อเมริกาเรื่องหนึ่งthe Vampire Diaries กำลังเล่นในช่วงที่อารมณ์พลุ่งพล่าน
พระเอกนางเอกกำลังมีอะไรกันด้วยอารมณ์ที่แพร่กระจายออกมารอบด้าน…… เป็นมาตรฐานที่ใครๆดูแล้วก็ต้องหน้าแดงกันทั้งนั้น
หลังจากที่เจียงหยู่กวาดสายตาแล้วก็จ้องหวาเหวินด้วยความลึกซึ้งเป็นพิเศษ “เหวินเหวิน คุณชอบแบบนี้นี่เอง”