ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 247
ตอนที่ 247 เก็บของจริงมาได้
“ไม่มีนี่ แค่ง่วง นายออกไปก่อนได้ไหม ฉันอยากนอนแล้ว” น้ำเสียงของหวาเหวินนั้นเย็นชาอย่างมาก
“ได้ งั้นรีบพักผ่อนนะ”
หลังจากที่ถูกไล่ เจียงหยู่ก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นอะไรเนี่ย ? หรือว่าประจำเดือนมาแล้ว? ไม่น่านะ ระยะห่างจากครั้งที่แล้วยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย
ความจริงแล้วหวาเหวินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร แค่รู้สึกเบื่อเท่านั้น
บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องของพ่อ จึงทำให้เธอนั้นผิดหวังกับผู้ชาย และผิดหวังกับความรักอีกครั้ง
ต่อให้เจียงหยู่จะดีกับเธอแค่ไหนในตอนนี้ แต่เมื่ออายุ 50 ปี เขาก็คงจะเป็นเหมือนกับพ่อ ไปมีความรักกับเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า?
ตอนที่เจียงหยู่ลงมาข้างล่างนั้น เขาได้นำผักป่ายื่นให้กับหยินซิ่ง
“นี่เป็นผักป่าสด ๆ เลย เธอแช่ตู้เย็นไว้ให้ดี แล้วพรุ่งนี้ก็มาต้มเป็นซุปให้กับหวาเหวิน”
“ได้ค่ะ คุณผู้ชาย”
“วันนี้อาเหวินเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เจียงหยู่ถามหยินซิ่ง
“อ่า ? ไม่มีอะไรคะ”
“แต่ฉันเห็นเธอดูแปลก ๆ ”
“อ่อ…… บางทีอาจจะ……..ไม่ได้นอนก็ได้คะ” หยินซิ่งหาข้ออ้าง
เจียงหยู่ไม่พูดอะไร เลยคิดว่าหวาเหวินคงจะนอนไม่หลับ สภาพจิตใจจึงไม่ค่อยดี
เช้าตรู่วันที่สอง เจียงหยู่เดินลงมาท่านอาหารเช้า แล้วก็พบว่าหวาเหวินนั้นไปแล้ว
ชุนเถาก็ไม่อยู่ เหลือแค่เพียงหยินซิ่งที่อยู่เตรียมอาหารเช้าเท่านั้น
“เธอละ?”
“คุณหนูไปเรียนแล้วค่ะ”
“เช้าขนาดนี้เลยเหรอ?”
“อื้อค่ะ เธอบอกว่าอยากจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในตอนเช้าสักหน่อยค่ะ”
“โอเค……” เมื่อเจียงหยู่ไม่เห็น จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ซึ่งเขาแค่อยากรู้ว่าเธอนั้นกลับมาเป็นปกติแล้วรึยัง น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่ให้โอกาสเขา
ภายในสวนของมหาวิทยาลัย
ในช่วงเวลาพักกลางวัน อวู๋ผิงได้วิ่งมาหาเธอ ด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวเหวิน เมื่อเช้าฉันไปตลาดของเก่ามา แล้วได้ของมาชิ้นหนึ่ง เธอดูให้หน่อยได้ไหม?”
“ไปกันเถอะ เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า”
ด้วยความที่ไม่อยากถูกเพื่อนร่วมห้องรู้ว่าเธอไปเก็บของมาจากตลาดของเก่า ดังนั้นหวาเหวินจึงพาอวู๋ผิงไปบนดาดฟ้าของมหาวิทยาลัย
อวู๋ผิงล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็ค่อย ๆ กางออกอยู่บนฝ่ามือ
มันคือขวดยานัตถุ์ลายขวดหนึ่ง ถึงแม้ว่าลวดลายจะหม่นหมองลงไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ลายเส้นก็ยังคมชัด ซึ่งน่าจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
หลังจากที่หวาเหวินสวมถุงมือสีขาวเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบของชิ้นนี้ขึ้นมาดูอย่างละเอียด
“เธอเจอของชิ้นนี้ในตลาดของเก่าจริง ๆ เหรอ?” หวาเหวินถามอวู๋ผิง
อวู๋ผิงพยักหน้า “จะว่าบังเอิญก็ได้นะ มีพี่สาวคนหนึ่ง นำของชิ้นหนึ่งมาขาย มันถูกห่อไว้อย่างดีด้วย แต่เพราะของชิ้นนั้นเป็นทองแดงที่ค่อนข้างเก่าแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเข้ามาสอบถามราคา ฉันก็เลยพลิกดูอย่างไม่ใส่ใจ และก็พบของชิ้นนี้ ดูเหมือนจะเป็นของในราชวงศ์ชิงนะ แต่เพราะไม่มีตราสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่าไม่คุ้มเสีย เลยคิดว่าจะซื้อมาขำ ๆ เท่านั้น”
“เธอซื้อมาเท่าไหร่?” หวาเหวินถาม
“ต่อรองราคากันนานมาก สุดท้ายก็ได้ไปในราคา 1880 หยวน แต่พี่สาวคนนั้นยังต้องการขายของผุพังชิ้นอื่น ๆ ให้ฉันอีกนะ รวม ๆ กันก็ 5000 หยวนได้ แต่ของชิ้นอื่นไม่ได้ดูมีราคาอะไรหรอก แต่ฉันสงสัยว่าทำไมในท้องตลาดถึงขายของชิ้นนี้ตั้ง 3000-5000 หยวนแนะ ?” อวู๋ผิงเป็นนักเรียนดีเด่นในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ที่โชคโชน และสายตาที่แม่นยำของหวาเหวินก็ตาม แต่ ……. เธอก็ยังจำของในรัชสมัยต่าง ๆ ได้ อีกทั้งเธอก็ไม่ได้ซื้อของปลอมและราคาสูงเกินไปด้วย นี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่หวาเหวินให้อวู๋ผิงมาเป็นผู้ซื้อของเธอ
หวาเหวินยิ้มแล้วพูดว่า “เธอได้กำไรแล้วละ ของชิ้นนี้ขายอยู่ในราคาอย่างต่ำ 30,000 หยวน”
“30,000หยวน?” อวู๋ผิงอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจ
“ก่อนหน้านั้นก็มีขวดยานัตถุ์ลายในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงอยู่ขวดหนึ่งถูกขายไปในราคา 1.04 ล้าน และชิ้นที่เธอได้มาไม่ได้ตราสัญลักษณ์ ฝีมือก็ไม่ค่อยละเอียดประณีต น่าจะมีมูลค่าไม่ถึงล้านหยวน แต่ขวดยานัตถุ์ชิ้นนี้กลับมีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่ง”
“จุดเด่นอะไร?” เมื่ออวู๋ผิงได้ยินก็ดูมีความสนใจขึ้นมาในทันที พร้อมกับชื่นชมความสามารถในการประเมินของหวาเหวิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นใจนั้น