ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 251
ตอนที่ 251 ลัทธินอกรีต
คำพูดของแซ่จื๋อจ้วนทำให้ทุกคนที่กำลังจะสิ้นหวังมีความหวังขึ้นมาทันที จากนั้นแซ่จื๋อจ้วนก็ออกจากบ้านคฤหาสน์ไป
เวลา 6 โมงเช้า แซ่จื๋อจ้วนก็ปรากฏขึ้นบริเวณหน้าบ้านของ ฉินชุงเจี้ยน ใช่ ฉินชุงเจี้ยน ไม่ผิด
ความจริงแล้วฉินชุงเจี้ยนไม่ใช่คนในพื้นที่ เขาเป็นคนเมืองหรง นครเอกของมณฑล พ่อแม่ของเขาชอบเดินทางไปเที่ยวรอบโลก และได้เปิดบริษัทท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวเอาไว้บริการทั่วโลก
ด้วยความที่ฉินชุงเจี้ยนเป็นเพื่อนร่วมห้องตั้งแต่มัธยมต้นกับเจียงหยู่ ดังนั้นจึงค่อนข้างสนิทสนชมกันเป็นพิเศษ เมื่อหาปีก่อนจึงได้มาตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่เมืองเจียงแห่งนี้
ตัวเองนั้นได้เปิดบริษัทเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่ง ไม่มีอะไรทำก็เล่นหุ้นโดยใช้เงินทุนเงินตราต่างประเทศ และก็จัดการกับผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่นอ่างเงียบ ๆ
แต่มีเรื่องหนึ่ง ที่ฉินชุงเจี้ยนจะต้องจัดการร่วมกับเจียงหยู่ เลยไม่ค่อยสนิทกับแซ่จื๋อจ้วนเท่าไหร่ สำหรับที่ว่าทำไมแซ่จื๋อจ้วนถึงต้องมาหาเขานั้น เป็นเพราะว่าเขามีธุรกิจการท่องเที่ยวอยู่ทั่วโลก คิดว่าตระกูลของเขาน่าจะมีอิทธิพลอยู่ในเนปาลไม่น้อย
“คุณชายแซ่ เช้าขนาดนี้ นายมีธุระอะไรถึงต้องวิ่งแจ้นมาหาฉันเช้าขนาดนี้ ? ” ฉินชุงเจี้ยนเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ แล้วก็พบกับแซ่จื๋อจ้วนที่กำลังแสดงสีหน้าโง่เง่าอยู่
“ประธานฉิน ขอตรง ๆ เลยนะ ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย”
ฉินชุงเจี้ยนตกใจเล็กน้อย “เข้ามาคุยข้างในดีกว่า”
หลังจากที่ฉินชุงเจี้ยนเข้ามาในห้องแล้ว ฉินชุงเจี้ยนก็ยื่นโค๊กกระป๋องหนึ่งให้กับเขา จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งบนโซฟาตรงข้ามกัน
แซ่จื๋อจ้วนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับฉินชุงเจี้ยนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ความจริงแล้ว ยังมีอีกอีกเหตุผลหนึ่งที่แซ่จื๋อจ้วนต้องมาหาฉินชุงเจี้ยน นั้นก็คือแซ่หลิงเคยชอบฉินชุงเจี้ยนมาก ก่อนที่จะไปต่างประเทศ ตอนนั้นแซ่หลิงเพิ่งจะอายุแค่เพียง 18 ปีเอง ไม่รู้ว่าไปรู้จักกับฉินชุงเจี้ยนที่ไหน เธอหลงใหลอีกฝ่ายมาก และไล่ตามจีบอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ถูกปฏิเสธอยู่หลายครั้ง จึงไปเรียนต่างประเทศด้วยความเสียใจทันที ดังนั้นแซ่จื๋อจ้วนจึงคิดว่า ในเมื่อฉินชุงเจี้ยนนั้นรู้จักกับหยาวหยาว และเคยมีวาสนาแบบนี้กับหยาวหยาวมาก่อน คงจะไม่น่าเป็นพวกเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยหรอกนะ
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันรู้ว่าตระกูลของประธานฉินทำธุรกิจการท่องเที่ยวอยู่ทั่วโลก และน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลยกับพวกรัฐบาลและอิทธิพลมืดในอีกหลายประเทศ ฉันหวังว่านายจะช่วยพวกเราได้ แค่หาหยาวหยาวให้เจอ พวกเรายอมจ่าย นายไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องเงินเลย ถือซะว่าเป็นน้ำใจของเรา”
ในตอนนี้ฉินชุงเจี้ยนเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด
“ตระกูลของเรามีเส้นสายอยู่ในเนปาลจริง ฉันจะลองดู แต่…… พวกนายก็อย่าตั้งความหวังไว้สูงเกินไปนะ ที่พูดแบบนี้นั้นเป็นเพราะว่าช่วงนี้เนปาลได้สร้างลัทธินอกรีตใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งลัทธิมีชื่อว่าลัทธิโม่ซื่อ พวกลัทธินอกรีตนั้นคลุ้มคลั่งมาก ไม่รู้ว่าเอาความคิดที่ว่าใช้เด็กผู้หญิงเป็นเครื่องสังเวยนั้นมาจากไหน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มลักพาตัวเด็กผู้หญิง อายุระหว่าง 15-20 ปี หน้าตาสะสวย และที่สำคัญยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวเหล่านี้ด้วยแล้ว ถ้าน้องสาวของนายถูกพวกลัทธินอกรีตจับตัวไป บางที……….. ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ฉินชุงเจี้ยนก็หยุดไป
แต่แซ่จื๋อจ้วนรู้ความหมายของเขาดี แค่กำลังรู้สึกตกใจ ไม่กล้าคิดภาพต่อจากนั้น
“ประธานฉินช่วยพวกเราตามหาก่อน ถ้าหาไม่เจอก็ค่อยว่ากันอีกที” แซ่จื๋อจ้วนไม่กล้าคิดเรื่องที่เลวร้ายที่สุด ทำได้เพียงแค่สงบนิ่งลงเท่านั้น
“อื้อ ฉันจะโทรศัพท์ไปบอกให้คนทางนั้นช่วยออกตามหา”
“อือ ได้โปรดช่วยเราด้วย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ในเมื่อนายมาหาฉันถึงที่แล้ว ก็แสดงว่าเชื่อในตัวฉัน”
แซ่จื๋อจ้วนออกมาจากคอนโดของฉินชุงเจี้ยนในตอนที่ยังไม่ 8 โมงด้วยซ้ำ สภาพจิตใจของเขาแย่มาก มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็เจอกับหวาเหวินที่กำลังเข้าเรียนพอดี ทั้งสองเดินมาจากคนละฝั่ง
“ฉันยังไม่กินข้าวเช้าเลย ถ้าไม่ถือสาละก็ ไปกินด้วยกันไหม?” แซ่จื๋อจ้วนฝืนยิ้ม แล้วเอ่ยปากชวน
หวาเหวินมองออกว่าเขาไม่ค่อยโอเค จึงไม่ได้ปฏิเสธเขาเหมือนที่ทำทุกครั้ง เธอไปกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนเขา
ความจริงแล้ว หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนให้ยายับยั้งเส้นประสาทสมองขวดสุดท้ายกับหวาเหวินในครั้งนั้น หวาเหวินก็ไม่ได้เกลียดแซ่จื๋อจ้วนอีก แต่จะให้ชอบมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็นิ่งสงบขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้า