ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 253
ตอนที่ 253 ถูกเมินเฉย
“ไม่ต้องมื้อใหญ่หรอก หลังจากนี้ก็ให้น้องสาวระวังตัวด้วยละกัน ดูเหมือนว่าจะมีคนมากหน้าหลายตารอบตัวเธอ”
“อื้อ ถ้าครั้งนี้กลับมาได้ ฉันจะกักตัวหล่อน ไม่ให้ออกไปต่างประเทศด้วยตัวเองอีก” แซ่จื๋อจ้วนเองก็รู้ว่าที่หวาเหวินพูดมานั้นก็มีเหตุผล
ความจริงแล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขายังไม่พูดกับหวาเหวิน แต่ได้พูดกับฉินชุงเจี้ยนไปแล้ว นั้นก็คือแซ่หลิงไม่ได้ไปเนปาลคนเดียว หล่อนไปกับเพื่อนร่วมห้องชาวแคนาดาคนหนึ่ง และก็เด็กผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่ง ชื่อว่า ลี่ลี่หยาง ครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คงจะร้อนใจไม่แพ้กัน ซึ่งเพื่อนชาวแคนาดาคนนั้นได้ทำการแจ้งความคนหายแล้ว
ดังนั้นในตอนที่หวาเหวินบอกว่าข้างกายของแซ่หลิงยังมีเด็กตัวเล็กคนหนึ่งอยู่ด้วยนั้น แซ่จื๋อจ้วนก็รู้สึกเชื่อขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้พูดจาไร้สาระอย่างแน่นอน และเป็นเรื่องจริงอีกด้วย
การเสี่ยงทำนายแซ่หลิงมันก็เป็นแค่เรื่องเหนือความคาดหมายเท่านั้น หวาเหวินจึงไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่เธอกลับมาถึงบ้าน เธอก็ตรงเข้าไปยังห้องนอน จากนั้นก็นำหนังสือขึ้นมาเอนพิงหัวเตียงอ่านทันที
หลังจากที่ค้นพบว่าพ่อเธอนั้นนอกใจแม่ เธอก็เริ่มที่จะล็อกตัวเอง และอยู่ห่างจากเจียงหยู่มาโดยตลอด
ตอนที่เจียงหยู่เลิกงานมา ก็ไม่เห็นหวาเหวินนั่งอยู่ในห้องรับแขกแต่อย่างใด และเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปยุแหย่เธอด้วย
เขาเดินเข้าห้องนอนโดยไม่บอกไม่กล่าว สุดท้ายก็ถูกเธอไล่ตะเพิดออกมา ดังนั้นเจียงหยู่จึงรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้ เมื่อเขาเลิกงานกลับมา ไม่เห็นหวาเหวินนั่งอยู่ในห้องรับแขกอีก จึงเดินตรงขึ้นชั้นบน
หลังจากที่เคาะประตูแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นหวาเหวินกำลังนอนอ่านหนังสือโดยไม่พูดไม่จา
“อาเหวิน เมื่อกี้ฉันเห็นหยินซิ่งไปดูแลพี่สี่ของเธอที่โรงพยาบาล ให้ฉันไปเยี่ยมหล่อนพร้อมเธอด้วยไหม?”
“ไม่ต้อง พี่สี่ไม่ชอบให้ใครรบกวน”
“ฉันซื้อผลไม้กลับมาด้วย ให้คนไปส่งดีไหม?” เจียงหยู่ยืนพิงประตู เพื่อต้องการหาหัวข้อมาชวนคุย
“ไม่ต้องหรอก พี่สี่กินอะไรไม่ค่อยลงหรอก”
“อาเหวิน ขอนินทาหน่อยเถอะ พี่สี่ของเธอเป็นแบบนี้เพราะอกหักใช่ไหม? ใช่ตำรวจคนที่ร่วมรับประทานอาหารกับเราที่บ้านของเธอคนนั้นใช่ไหม?”
หวาเหวินวางหนังสือที่อยู่ในมือลง แล้วกวาดสายตาไปมองหน้าของเจียงหยู่ด้วยความเย็นชา
“เจียงหยู่ ผู้ชายอย่างนายมาซุบซิบนินทาคนอื่น ไม่รู้ว่าตัวเองนั้น LOW มากแค่ไหนเหรอ?
เจียงหยู่ : ………..
เจียงหยู่แสดงสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความจริงแล้วเขาสนใจเรื่องการซุบซิบนินทาที่ไหนกันละ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะคุยกับเธอก็เท่านั้น
“อาเหวิน ช่วงนี้เธอดู…… หลบหน้าฉันนะ …… เป็นอะไรไป? ใครมาพูดอะไรกับเธออีก?”
เจียงหยู่รู้สึกว่าจะต้องมีใครมาพูดเรื่องราวไม่ดีกับเธอลับหลังเขาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมเธอถึงได้แดงท่าทีเย็นชาขึ้นมากะทันหันได้ละ?
“นายกลัวว่าจะมีคนพูดอะไรเหรอ?” หวาเหวินถามกลับไป
“นั้นก็ไม่มี” เจียงหยู่ตื่นตกใจขึ้นมาไม่น้อย
“เจียงหยู่ นายไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เดิมทีพวกเราทั้งสองคนก็มีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันอยู่แล้ว อย่าเข้ามาในโลกของกันและกันเลย ……. ต่างคนต่างก็อยู่อย่างสงบ ……… ถ้านายรู้สึกอึดอัดที่จะต้องอยู่ที่นี่ ก็กลับไปอยู่คฤหาสน์ของนายก็ได้นะ หรือจะไปอยู่วิลล่าส่วนตัวของตัวเองก็ได้ พวกเราทั้งสองคนก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงหยู่ก็ตกใจขึ้นมาไม่น้อย คำพูดที่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ นั้นก็พิสูจน์ได้ว่าความรู้สึกคลุมเครือความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น ได้ถูกลบเลือนไปหมดแล้ว?
ทำไมหวาเหวินถึงได้ฉลาดพูดได้ขนาดนี้?
และก็เป็นดั่งที่เขาคาดคิดไว้ จิตใจของผู้หญิง ดั่งเข็มใต้ท้องทะเล…….
แต่เจียงหยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยวางแน่นอน เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล จึงพยายามที่จะคลี่คลายลงโดยเร็ว “ฉันคิดว่าที่เฟิงหวาหลี่นั้นดีนะ อยู่ที่นั่นก็กินและก็นอน ไม่ต้องเสียค่าอาหาร ประหยัดเงิน”
หวาเหวิน : ………
“อาเหวิน ถึงจะเป็นแค่ความร่วมมือกัน แต่เราก็มีความสุขได้นี่ ? อย่ามัวแต่อมทุกข์ข่มขืนอยู่เลย เราสองคนต่างก็เป็นคู่ขาที่สนิทสนมกันที่สุดนะ”
เมื่อทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้แล้ว เจียงหยู่ก็กระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ปิดประตูห้องให้กับเธอ แล้วเดินจากไป
หวาเหวินเอาแต่ครุ่นคิดกับประโยคนี้ไปมา แล้วจู่ ๆ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันใด
เป็นคู่ขาที่สนิทสนมที่สุด? จากนั้นเธอก็นึกถึงฝันร้ายในครั้งนั้น เขากอดเธอไว้แน่น…… สุดท้ายหน้าของเธอก็ยิ่งแดงเข้าไปอีก