ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 268
ตอนที่ 268 ฝ่ามือที่แสนอบอุ่น
หวาเหวินไม่เคยคิดมาก่อน ว่ายังมีภาพทิวทัศน์ที่งดงามมากแบบนี้อยู่อีก
บนเนินเขาที่อยู่ด้านหลังของคฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเป็นต้นบ๊วยสุดลูกหูลูกตา หลังจากที่ผ่านคืนหิมะตกมา ดอกบ๊วยสีแดงก็เริ่มเบ่งบานอย่างสวยงาม
ดอกบ๊วยสีแดงท่ามกลางหิมะ แม้แต่ราชินีบุปผาก็เทียบเท่าไม่ได้
ดอกไม้ที่สามารถเบ่งบานมากมายได้อย่างงดงามในช่วงฤดูกาลนี้ ก็มีแต่ดอกบ๊วยนี้เท่านั้น
ทั่วทั้งดอกถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งหิมะ เมื่อกระทบกับแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ ความงดงามนั้นได้ทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ในโลกของเกมส์ ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นไง? สวยไหม?” เจียงหยู่หันไปมองหวาเหวินที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอนั้นตกตะลึงขนาดไหน
หวาเหวินพยักหน้า หลังจากนั้นก็อดที่จะเดินเข้าไปหาต้นบ๊วยที่อยู่ห่างจากเธอไม่ไกลไม่ได้
เธอยื่นมือออกไป แล้วลูบไปบนดอกไม้ที่อยู่กิ่งก้านที่อยู่ต่ำที่สุด ด้วยความรู้สึกดีจนพูดไม่ออก
“เหมยฤๅเทียบเปรียบหิมะขาว หิมะฤๅเปรียบเทียบกลิ่นเหมย” หวาเหวินอดที่จะพูดประโยคนี้ออกมาไม่ได้
เจียงหยู่มองไปทางใบหน้าของหวาเหวินด้วยความอ่อนโยน วินาทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่พึงพอใจมากที่สุด
“ที่นี่ต้นบ๊วยทั้งหมดกี่ต้นเหรอ?” หวาเหวินถามขึ้นด้วยความอยากรู้ พร้อมกับมองไปยังกิ่งก้านของต้นบ๊วยสีแดงนับไม่ถ้วนเหล่านี้
“1200 ต้น”
“ทำไมเยอะขนาดนั้น? คนในบ้านชอบดอกบ๊วยใช่ไหม?” หวาเหวินคิดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะชื่นชอบ จะเอาเวลาไหนไปปลูกต้นบ๊วยมากมายขนาดนี้ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็น่าจะเป็นของที่ไม่สามารถให้ราคาสูงขนาดนั้นได้
เจียงหยู่พยักหน้า “อื้อ แม่ฉันชอบหน่ะ ตอนเด็ก ๆ แม่ของฉันได้รับอิทธิพลมาจากคุณตาและคุณยาย คุณยายมีชื่ออันไพเราะว่าเฉินเสวี่ยนเหมย คุณตาของฉันก็รักคุณยายมาก จึงได้ปลูกต้นบ๊วยมากมายในสวนหลังบ้านให้กับคุณยาย คุณแม่ของฉันจึงชอบต้นบ๊วยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในปีที่คลอดฉัน พ่อขอฉันดีใจมาก จึงให้รางวัลแก่หล่อน คุณพ่อถามคุณแม่ว่าอยากได้อะไร คุณแม่คิดอยู่นานมาก สุดท้ายก็บอกไปว่าต้นบ๊วย ดังนั้นจึงเกิดเป็นสวนต้นบ๊วยที่นี่ขึ้นมา”
“แล้วคุณตากับคุณยายก็ชอบที่นี่มากเช่นกันใช่ไหม” หวาเหวินถามด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเจียงหยู่เศร้าสลดลงเล็กน้อย “พวกท่านเสียแล้ว”
“ขอโทษนะ” หวาเหวินรู้สึกว่าตัวเองนั้นพลั้งปากเกินไป
“ไม่เป็นไร ท่านเสียไปนานแล้ว คุณตาของฉันเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หลังจากที่คุณตาเสียไปปีครึ่ง คุณยายของฉันก็ตามคุณตาไป ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุได้ 3 เอง จำเรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยจะได้หรอก”
“งั้นคุณตาก็มีคุณแม่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวเหรอ?”
“เปล่าหรอก ยังมีคุณน้าอีกหนึ่งคน ซึ่งอายุน้อยกว่าคุณแม่ไม่กี่ปี คุณน้าได้อพยพไปอยู่อังกฤษเมื่อสองสามปีก่อน คุณแม่และคุณน้าของฉันเป็นลูกครึ่งจีนอังกฤษ พวกเขาเคยชินกับต่างประเทศเป็นอย่างดี คุณน้าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีสินทรัพย์พร้อม ตระกูลของคุณน้าและคุณแม่มีสายเลือดของตระกูลมั่งคั่งไหลเวียนอยู่ มีสายสัมพันธ์ทางด้านเครือญาติกับพระราชินี แต่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากหรอก ถึงอย่างไรพวกเราต่างก็มีครอบครัวและธุรกิจของตัวเอง และก็ยังอยู่ไกลกันมากด้วย”
หวาเหวินฟังเจียงหยู่เล่าเรื่องราวของครอบครัวอย่างตั้งอกตั้งใจ ด้วยความร่วมด้วย
ทั้งสองคนเดินไปเส้นทางเล็ก ๆ ของป่าบ๊วยเหล่านี้อย่างช้า ๆ เพื่อชื่นชมกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาแห่งนี้
จนกระทั่งสีหน้าของหวาเหวินเริ่มซีดเผือดลง เจียงหยู่จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ “กลับกันไหม เธอดูหนาวมากแล้ว?”
“ก็โอเคอยู่ ” เธอก้มหน้าลง แล้วเอามือถูกันไปมา
เจียงหยู่ถอดผ้าพันคอสีดำบนคอของตัวเองออกมาพันให้กับหวาเหวิน
“ฉันไม่…….” เธอกำลังจะพูดว่าไม่ต้อง
เมื่อเห็นเจียงหยู่ประคองมือของเธอ จากนั้นก็กุมมือเล็ก ๆ ของเธอด้วยมือใหญ่ ๆ ของเขา
ความอุ่นของฝ่ามือค่อย ๆ แผ่ขยายออกมา หวาเหวินรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมานั้น
เขาค่อย ๆประคองมือของหวาเหวินขึ้นมา ก่อนจะมาวางตรงหน้าของริมฝีปาก แล้วเป่าลมร้อนออกมาเบา ๆ
หวาเหวินรู้สึกได้แค่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธอ
เรื่องที่คลุมเครือไม่ชัดเจนนี้ เป็นครั้งแรกของเธอเลยทีเดียว
อีกทั้งเธอก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้อีกด้วย ……….
“ฉันไม่หนาวแล้ว ดีขึ้นแล้วละ” หวาเหวินคิดจะชักมือกลับ
เจียงหยู่กลับกุมมือของเธอไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็สอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง อีกทั้งยังใช้มือกุมเอาไว้ตลอดอีกด้วย
“อื้อ เราลงจากเขากันเถอะ ไปหาห่านตุ๋นกินกันดีกว่า” เขายิ้มอย่างอบอุ่นใจ
หวาเหวินรู้สึกขึ้นมาทันใดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของเธอ ดอกบ๊วยก็ดี ภูเขาหิมะก็ดี เจียงหยู่ก็ดีเช่นเดียวกัน
ตอนที่กินข้าวนั้น คุณป้าได้ถามขึ้นมาว่า “ภรรยาของคุณชายตั้งท้องรึยังคะ?”
หวาเหวินรีบก้มหน้าลงทันที ส่วนเจียงหยู่ก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย