ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 269
ตอนที่ 269 โอ้อวด
เมื่อเห็นเธอมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างอึดอัดเจียงหยู่ก็รีบตอบแทนเธอทันที “ยังครับ คุณป้าหลี่ เหวินเหวินยังเด็กอยู่เลย เรายังไม่รีบร้อนครับ ตั้งใจว่าจะว่าจะใช้ชีวิตกันแบบนี้ไปอีกสักพักใหญ่ครับ”
“ก็ดี วัยรุ่นอย่างเราในตอนนี้ควรจะต้องใช้ชีวิตกันให้มีความสุขสุดก่อน หลังจากที่มีลูกกันแล้วพวกคุณหนูจะสูญเสียอิสระไปทันที ภรรยาของคุณหนูก็สวยมากขนาดนี้ เด็กน้อยที่เกิดมาจะต้องสวยไม่ต่างกันอย่างแน่นอน คุณหนูเองก็ใช้ชีวิตให้สนุกเถอะนะคะ” คุณป้ายิ้ม
“ครับ ผมก็คิดแบบนี้ครับ” เจียงหยู่ก็ไม่ค่อยจะยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นเท่าไหร่
หวาเหวินเหยียบเท้าเขาจากใต้โต๊ะ เพื่อบอกให้เขาหยุดพูดจามั่ว ๆ ได้แล้ว
หวาเหวินไม่กินเนื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้กินห่านตุ๋นเท่าไหร่ แต่กลับกินผักและเต้าหู้ที่อยู่ในนั้นไปไม่น้อย เพราะได้รับการตุ๋นด้วยหม้อไฟ ดังนั้นรสชาติจึงได้ถึงเนื้อ
หวาเหวินแทบจะไม่เคยกินหมั่นโถวข้าวโพดที่มีรสชาติดีขนาดนี้มาก่อน
เมื่อเห็นเธอกินอิ่ม เจียงหยู่ก็ดีใจไม่น้อย
ก่อนจะออกเดินทาง เจียงหยู่ก็ยังเด็ดดอกบ๊วยช่อหนึ่งมาให้กับหวาเหวินอีกด้วย ตั้งใจจะนำไปประดับตกแต่งในห้องนอนของเธอ
หวาเหวินชอบมาก ระหว่างทางที่นั่งรถ ก็คอยประคองดอกบ๊วยที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวังตลอด เพราะกลัวว่ามันจะได้รับความเสียหาย
“ดูไม่ออกเลยนะว่าคนที่ดูสิ้นหวังอย่างเธอ จะชอบดอกบ๊วยแบบนี้ซะได้?” เจียงหยู่ขับรถไปพลางและยิ้มให้กับเธอไปพลาง
“ความจริงแล้วที่ฉันชอบไม่ใช่ดอกบ๊วยหรอก แต่เป็นความโชคดีและความแปลกใจในชีวิตต่างหาก”
เมื่อเจียงหยู่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็ยิ่งพึงพอใจมาก รู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจทำในวันนี้มันช่างยิ่งใหญ่มากจริง ๆ
“ในเมื่อเธอชอบ ในช่วงฤดูหนาวเราก็มาที่นี่กันบ่อย ๆ สิ ภายในคฤหาสน์เหมยจวง ก็ยังมีบ้านไม้อยู่หลังหนึ่ง ถูกสร้างเลียนแบบขึ้นมาจากโรงแรมที่มีชื่อเสียงในอินเตอร์เน็ตของฟินแลนด์และนอร์เวย์ด้วยนะ ในนั้นอุ่นมาก ถ้ามีเวลาว่างเรามาพักที่นี่กันสักสองสามวันก็ดีนะ”
“เอาสิ”
เหนือความคาดหมาย หวาเหวินตอบรับคำเชิญของเขาด้วยความดีใจเป็นครั้งแรก
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะกลับสนิทคุ้นเคยและเข้าใจกันและกันเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้งแล้ว
เมื่อกลับมาถึงเฟิงหวาหลี่ หวาเหวินก็นำดอกบ๊วยนั้นไปจัดใส่แจกันอย่างไม่รอช้าทันที หลังจากนั้นก็นำโทรศัพท์มาถ่ายภาพอย่างอดใจไม่ได้
หลังจากนั้น 1 นาที เธอก็โพสลงในโมเมนเพื่อนในWechatทันที
ภาพประกอบคือดอกบ๊วยช่อเดียว ส่วนคำพูดประกอบคือ —— แอบขโมยเวลาแห่งชีวิตไปตั้งครึ่งวันแนะ
หวาผิง ชุนเถาต่างก็มากดไลค์
หยินซิ่งได้คอมเม้นท์ว่า : ว้าว สวยมากเลยค่ะ คุณหนู ไปซื้อมาจากที่ไหนเหรอคะ?
หวาเหวินคอมเม้นท์ตอบกลับไปว่า : เก็บมาเอง
หยินซิ่งจึงนินทาต่อว่า : ไปเก็บมาจากสวนบ๊วยเหรอคะ? พระเจ้า บ่าวเองอยากไปด้วยจังค่ะ
หวาเหวินยิ้มไม่หุบ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับต่อแต่อย่างใด
หวาฟ้านคอมเม้นท์ว่า : ในป่าหิมะกว้างใหญ่ ยังมีลูกพลัมและลูกพีชปะปนกันไป ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ แผ่กระจายไปทั่วทั้งผืนปฐพี
หวาเหวินจึงตอบหวาฟ้านว่า : บทกลอนของหวังเมียน ฉันก็ชอบมากเหมือนกัน ลีลาในการใช้ภาษากว้างไกล ทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง
หลังจากนั้นหวาฟ้านและหวาเหวินก็โต้ตอบคอมเม้นท์กันและกันต่ออีกสองสามประโยค
เมื่อเวลาร่วงเลยไปจนถึงประมาณ 5 โมงเย็น หวาเหวินก็ออกจากบ้านอีกครั้ง แล้วตรงไปยังสถานีตำรวจคนเดียว
“ขอโทษนะคะคุณตำรวจป๋ายห้าวอยู่ไหมคะ?”
“อยู่ครับ ๆ รอสักครู่นะครับ”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นเห็นสาวสวยมาตรงหน้า ก็ตื่นเต้นจนเกือบจะเดินชนกำแพงเลยทีเดียว
ไม่นาน ป๋ายห้าวก็ออกมา แล้วก็มองไปทางหวาเหวินด้วยสายตาคุ้นเคย
“ฉันเป็นน้องสาวของหวาฟ้านค่ะ” เธอแนะนำตัว
“อ่า ผมนึกออกแล้ว เราเคยเจอกันในมื้อค่ำวันนั้น คุณคือน้องห้า ใช่ไหมครับ?”
“อื้อ คุณเลิกงานรึยังคะ? เราไปคุยกันหน่อยได้ไหม?”
“คืนนี้ผมอาจจะต้องเข้าเวรครับ และก็ยังมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการด้วย ถ้าอย่างคุยเรื่องของผมกับเสี่ยวหลิน ก็ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมตัดสินใจดีแล้ว ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง คงยากที่จะไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ และผมคงจะไม่สามารถประจบประแจงคนที่มีอำนาจได้หรอกครับ ตระกูลหวานั้นสูงส่งเกินไป ผมคงจะเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้หรอกครับ”
ป๋ายห้าวค่อนข้างรักในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างยิ่ง เขาคิดว่าหวาเหวินต้องการมาพูดโน้มน้าวเขา ดังนั้นจึงรีบปฏิเสธไปโดยตรง
หวาเหวินเงียบลงหลายวินาที ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า “พี่สี่ไม่สบายหนักค่ะ อาจจะเป็นมะเร็ง”
เมื่อป๋ายห้าวได้ยิน ก็ตัวสั่นเทาขึ้นมาในทันที…..