ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 276
ตอนที่ 276 ผู้ชายชั่วช้า
เมื่อหวาเหวินได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยทันที
“พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่”
เจียงหยู่อดที่จะยื่นมือออกไปจับมือของหวาเหวินขึ้นมากุมไว้ก่อนพูดไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะมากพอที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง และทำให้เธอได้เตรียมใจ สงบสติอารมณ์ลงได้
“ฉันถามศาสตราจารย์มาแล้ว ถึงแม้ว่าผลตรวจจะต้องใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมงกว่าที่ผลจะออกมาก็ตาม แต่ศาสตราจารย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการรักษามาเนิ่นนานหลายปีขนาดนั้น เจอคนไข้มาหลากหลายรูปแบบ แต่เขาได้พูดกับฉันเป็นการส่วนตัวว่า 80 % เป็นมะเร็งอย่างแน่นอนตำแหน่งจุดดำมากมายเหล่านั้นไวต่อความรู้สึกมาก แทบจะไม่มีความเป็นได้ที่จะกลายเป็นเนื้องอกเลยแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันจะไม่มีโอกาสนะ มันอาจจะเป็นเนื้อร้ายที่มีขนาดใหญ่มากก็ได้”
ศาสตราจารย์คนนี้ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับเขาหลังเลิกงาน เมื่อเจียงฟังจบก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาไม่น้อย
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สนิทอะไรกับหวาฟ้านขนาดนั้นก็ตาม แต่เธอก็เพิ่งอายุได้แค่ 26 ปี ผู้หญิงต้องมีช่วงเวลาที่ดีสุด อีกทั้งเธอก็ยังไม่ได้แต่งงานสร้างครอบครัวเลย หากต้องตายจริง ๆ ก็คงจะเสียใจไม่น้อย
หวาเหวินนั้นเงียบขรึมลงในทันใด ซึ่งเธอเงียบอยู่นานมาก จึงได้พูดขึ้นว่า “ฉันเตรียมใจมาไว้นานแล้วละ แล้วแต่โชคชะตาของเธอเถอะ”
เธอมักจะเข้าใจเหตุผลจากการเสี่ยงทาย เกิดและตายมีเงินรวยล้นฟ้าก็แล้วแต่สวรรค์จะกำหนด ซึ่งเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ถึงเธอจะเสี่ยทายให้ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจุดจบได้
ถึงอย่างไร การเปลี่ยนแปลงโชคชะตาก็อาจจะมาซึ่งการลงโทษจากฟ้าดินก็เป็นได้ ดังนั้นถ้ามีเหล่าคุณตาคุณยายที่กำลังเสี่ยงทายอยู่ใต้สะพานลอยเหล่านั้นมาพูดกับเธอ เธอกำลังจะมีเคราะห์ร้าย ฉันอาจจะทำลายให้กับเธอได้ ฉันสามารถทำให้เธอนั้นมีอายุยืนนานขึ้น ซึ่งร้อยทั้งร้อยยังไงก็เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน โดยไม่ต้องพิจารณาแต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง หวาผิงก็รู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย สุดท้ายก็อดทนที่จะคิดว่าตัวเองนั้นโชคร้ายไม่ได้
ตอนถ่ายละคร เธอพลัดตกลงไปในน้ำอย่างไม่ทันระวังตัว ซึ่งอากาศตอนนี้ ย่อมทำให้เธอเป็นหวัดอย่างแน่นอน
เธอจามแล้วจามอีก หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมยื่นให้กับผู้ช่วยสาว ด้วยอาการสั่นเทา
หลังจากที่ด่าทอสารพัดอย่างหวางเซียวอี้ไป ช่วงนี้จึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขาแต่อย่างใด
เมื่อหวาฟ้านเกิดเรื่องขึ้น ตระกูลหวาต่างก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย ถึงว่าหวาผิงจะไม่ค่อยจะสนิทกับหวาฟ้านมากนักก็ตาม แต่เธอก็ยังมีจิตใจดีมากกว่าพี่ใหญ่และพี่รองมากทีเดียว
ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลมากไม่น้อย จนกระทั่งถามเพื่อนเป็นการการส่วนตัวหลายคนเลยทีเดียว เพื่อปรึกษาหารือกับแพทย์
หลังจากที่หวาผิงกินยา แล้วดื่มน้ำร้อนตามแล้ว นั่งอยู่ในรถตู้เพื่อตรงกลับบ้าน
เหมือนกับหมดอะไรตายยาก เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่อง Weibo เพื่อนอ่านข่าว
หลังจากนั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันใด………
เธอก็ได้เห็นข่าวของหวางเซียวอี้อีกครั้ง แถมยังดูโชคดีอีกด้วย ช่วงนี้ดูเหมือนเขาจะปรากฏตัวขึ้นในรายการการคลังอยู่บ่อยครั้ง
ในฐานะที่เป็นหลานชายประจำตระกูลสูงส่ง หวางเซียวอี้จึงได้รับความสำคัญมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสื่อ หรือว่าเป็นเถ้าแก่ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ ใครก็ไม่กล้าดูถูกชายหนุ่มคนนี้
ประโยคทุกอย่างได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหวาผิงแทบทั้งสิ้น ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า “ในช่วงครึ่งปีหลังตระกูลหวางได้ทำการลงทุนและอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนต่างก็หลงไหลบ้านและคอนโดเป็นอันดับหนึ่งของโลก นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้กับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ในหลายปีมานี้ของตระกูลหวางเป็นธุรกิจชั้นนำของโลก สิ่งปลูกสร้างอาคารน้อยใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงครึ่งปีหลัง และได้ร่วมมือกับเมืองลั่วเฉิงเป็นที่แรกด้วย สถานที่ตั้งของทะเลสาบธรรมชาติระหว่างเมืองเจียงและเมืองลั่วเฉิง ซึ่งมีกลุ่มนายทุนการคลังสองเจ้าได้ทุ่มเงินซื้อสถานที่แห่งนี้ไปหลายร้อยล้าน เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์กลางทะเลสาบ เตรียมสร้างคฤหาสน์ที่งดงามและทั้งแปลกประหลาด 66 หลังใจกลางทะเลสาบ แล้วก็ยังมีข่าวลือที่ว่า หยางซื่อจาว ประธานคณะกรรมการกลุ่มการคลังแห่งแรกของเมืองลั่วเฉิงมีความตั้งใจที่จะให้ลูกสาวของตัวเอง หยางห้วนห้วน นั้นแต่งงานกับหวางเซียวอี้ เตรียมแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูล”
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หวาผิงก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทันที เธอเบิกตากว้าง “แต่งงาน ? เหอะ ๆ ผู้ชายเลวทรามโดยสันดานคนนี้ เมื่อสองสามวันก่อนยังขอขึ้นเตียงกับฉันอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่จะต้องแต่งงานกับตระกูลหยาง แล้ว ทำไมถึงได้เลวขนาดนี้เนี่ย?”
ความโกรธได้คุกรุ่นขึ้นมา หวาผิงทำการแคปบทความนี้ จากนั้นก็ส่งไปให้กับหวางเซียวอี้
หวางเซียวอี้ : ?
หวาผิง : ไอ้ชาติชั่ว ได้ยินมาว่านายจะแต่งงานนี่ ยินดีด้วยละกัน