ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 277
ตอนที่ 277 ไม่มีความเป็นผู้หญิงสักนิด
หวางเซียวอี้ : ขอบคุณ (ด้วยความรู้สึกเฉยชา)
ใช่ หวาผิงเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน รู้สึกว่าช่วงนี้ผู้ชายคนนี้เยือกเย็นจนน่ากลัวมากเป็นพิเศษ แม้แต่คำว่าขอบคุณก็ยังพูดได้ห่างเหินได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งหวาผิงคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นเท่านั้น
หวาผิง : เหอะ ๆ เรื่องที่ฉันรู้สึกขบขันก็คือ มีบางคน ยังขอนอนกับคนอื่นอยู่เลยเมื่อสองสามวันก่อน แต่กลับตาลปัตรดันไปหมั้นกับคนอื่นซะอย่างนั้น สงสัยคงจะเลอะเลือน
หวางเซียวอี้ : มันขัดแย้งกันเหรอ?
หวาผิง : แน่นอน ปัญหาของส่วนบุคคล นายก็รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ชายชั่วช้าแค่ไหน ก็ใช่ ที่ว่างูเห่าก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองนั้นมีพิษเลย
หวางเซียวอี้ : ไม่ได้คบซ้อน ไม่ได้นอกใจ แล้วมันเป็นปัญหาที่ตัวบุคคลตรงไหน ? ขอนอนกับใครบางคน แต่ก็ไม่ได้นอนนี่ ในเมื่อไม่ได้นอนก็ถือไม่ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อไม่ต้องรับผิดชอบ จะหมั้นกับใครมันก็ไม่ได้ผิดทำนองคลองธรรมอะไรนี่ ทำไมถึงได้บอกว่าเป็นผู้ชายชั่วช้าละ?
หวาผิง : ………….
หลังจากที่คิดทบทวนอย่างละเอียดแล้ว มันก็จริง ………….. เจ้าตัวขอนอนกับเธอ แต่เธอก็ไม่ให้นอน ในเมื่อไม่ได้นอน แล้วทำไมจะต้องไปก้าวก่ายความรู้สึกส่วนตัวกับเจ้าตัวเขาด้วยละ?
แต่เมื่อกลับมาคิดทบทวนอีกที มันก็ไม่ถูกต้องนี่ เกือบถูกให้ไอเฮงซวยหวางปั่นหัวเข้าให้แล้ว เขาแอบเปลี่ยนความคิดและทำผู้อื่นเข้าใจผิดตลอด
หวาผิง : หวางเซียวอี้ นายดูเป็นคนเรียบง่ายและพึ่งพาได้จริง ๆ เลยนะ น้องห้าของฉันยังชื่นชมนายเลยว่าเป็นคนที่หนักแน่น แต่การที่นายเล่นตลกกับฉัน เอาเปรียบฉัน และยังครอบครองฉันในตอนแรก….. ครอบครองโดยการจูบฉัน ไม่มีอธิบายใด ๆ แถมยังไปหมั้นกับคนอื่น มันหมายความว่ายังไง? ฉันเป็นอะไร?
หวางเซียวอี้ : เธอพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าก่อนหน้านั้นเราสองคนแกล้งเป็นแฟนกัน ? แล้วเธอก็บอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าจะไม่แกล้งเล่นละครหลอกคุณย่าอีกแล้ว จะไม่กลับไปเหยียบบ้านตระกูลหวางอีก? ฉันคิดว่า……..ละครมันได้จบลงแล้ว ทุกคนต่างก็แฮปปี้กันแล้ว ดังนั้นหวาผิง ที่เธอมาถามฉันแบบนี้ เธอตั้งใจจะทำอะไร ฉันขอถามหน่อย ว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
หวาผิง : ……….
ใช่ หวาผิงถูกถามจนอึ้งงั้นไปในทันที ตัวเองตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ? ระหว่างเธอกับหวางเซียวอี้ มันก็ไม่ชัดเจนกันอยู่แล้ว
จะบอกว่าเป็นแฟนกัน มันก็เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น สำหรับคุณย่าของตระกูลหวาง จะบอกว่าเป็นคนรัก ยังไง ๆ มันก็ดูไม่สมเหตุสมผล ทั้งสองคนไม่เคยนอนด้วยกันมาก่อน และก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่ซับซ้อนแบบนั้นมาก่อนอีกด้วย
แต่ถ้าจะบอกว่าไม่เป็นไร มันก็ไม่ได้สิ หวางเซียวอี้ก็เคยถือไพ่เหนือกว่าเธอ จูบเธอ จนกระทั่ง …..ยังสัมผัสตำแหน่งที่อ่อนไหวของเธออีกด้วย
ดังนั้นเมื่อถูกเจ้าตัวถามแบบนี้ จึงรู้สึกกระสับกระส่ายไม่น้อย
หวาผิง : ช่างเถอะ ฉันขี้เกียจและไม่อยากจะเสวนากับนายละ ในเมื่อนายอยากจะแต่งงานกับตระกูลหยางก็แต่งไปเถอะ ฉันขอให้นายตระกูลหวางอยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี และรุ่งเรืองไปหลายชาติ
หวางเซียวอี้ : ขอบคุณสำหรับคำอวยพร
หวาผิงกัดฟัน แล้วพิมพ์ต่อไปว่า : ฉันขอให้นายได้แต่งงานกับภรรยาที่อ่อนเยาว์คนนี้ดั่งที่ใจปรารถนานะ
หวางเซียวอี้ : สมดังปรารถนาแล้วละ คุณหนูตระกูลหยางสวยเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและชาติตระกูล เรียนก็ดี แถมตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารสูงสุดของตระกูล ซึ่งเป็นเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของฉันมากทีเดียว
หวาผิงรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงกัดฟันแล้วพิมพ์ต่อไปว่า : ฉันขอให้นายมีความสุขมาก ๆ 5 วิละกัน
หวางเซียวอี้ : ?
หวาผิง : ตอนที่พวกเธอร้องคราง ก็ขอให้ยืนหยัดไปได้ 5 วิก็แล้วกัน
หวางเซียวอี้ : ไม่งั้น ฉันมาฝึกฝนทดลองกับเธอก่อนดีไหม? ดูสิว่าจะได้กี่วินาที?
หวาผิง : ไสหัวไป
หวางเซียวอี้ถือโทรศัพท์พร้อมกับหัวเราะเสียงต่ำ ๆ
“ท่านประธานหวางคะ มีเรื่องอะไรน่ายินดีเหรอคะ?” ผู้ช่วยที่เดินเข้ามาส่งเอกสาร เห็นประธานที่ไม่ได้หัวเราะมีความสุขมานานหลายปีหัวเราะออกมา จึงตกใจไม่น้อย
“ฉันอ่านเรื่องตลก เลยรู้สึกสนุกนะ”
“ใช่เหรอ? ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ” ผู้ช่วยสาวหยิบตาเล็กน้อย
“ไม่ได้หรอก มันเป็นความลับ” หวางเซียวอี้หุบรอยยิ้มนั้นลง แล้ววางโทรศัพท์ จากนั้นก็จัดการกับเอกสารตรงหน้าต่อ
หวาผิงเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งในรถ เพราะขี้เกียจจะเสวนากับเขาแล้ว น่ารำคาญชะมัด อยากจะแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหยางอะไรนั้น ก็แต่งไปเลย ชิ!
ในวลาเดียวกัน แซ่จื๋อจ้วนที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนเก่าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันสองสามคนอยู่ในคลับแห่งหนึ่ง ทายาทรุ่นสองเหล่านั้นมือซ้ายกอดมือขวาโอบ เดิมทีพวกเขาได้หาสาวสวยสองสามคนให้กับแซ่จื๋อจ้วนด้วย แต่แซ่จื๋อจ้วนกลับปฏิเสธ คนที่นั่งอยู่ ๆ ข้าง ๆ เลยถามขึ้นว่า “คุณชายแซ่เป็นอะไรไปเหรอ? ไม่อยากแนบชิดผู้หญิงแล้วเหรอครับ?”