ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 278
ตอนที่ 278 ได้ข่าวอีกแล้ว
“ใครบ้างไม่รู้ ว่าตอนนี้คุณชายแซ่ได้เปลี่ยนไปแล้ว บางทีอาจจะเติบโตขึ้นหลังจากที่ก่อตั้งธุรกิจก็ได้”
“ใช่ ๆ บางทีเจ้าตัวอาจจะเล่นสนุกมากพอแล้วก็ได้ หลังจากนี้เราก็ต้องจำเอาไว้นะ ว่าอย่าไปส่งอะไรมั่วให้เขาอีกละกัน”
แซ่จื๋อจ้วนที่นั่งอยู่ในคลับด้วย ก็กินพอเป็นพิธีแล้วก็ลุกขึ้นจากไป
ตลอดช่วงเวลานั้น ไม่ว่านางแบบนั้นจะเย้ายวนยังไง เซ็กซี่ยังไง แซ่จื๋อจ้วนก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองทั้งสิ้น
แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่เคยมีประสบการณ์เรื่องเซ็กมาก่อน การที่ไม่เคยมีเซ็กมาเป็นเวลาเนิ่นนานนั้น ถึงจิตใจจะไม่ได้รู้สึกอะไรก็ตาม แต่ทางด้านร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างชัดเจน
เขากลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายยังคงมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่
ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อน ต้องรีบโทรศัพท์ไปเรียกใครสักคนมาเพื่อระบายความใคร่แล้ว
ถึงอย่างไร เพียงแค่โทรศัพท์กริ๊งเดียว ผู้หญิงเหล่านั้นก็พร้อมจะวิ่งแจ้นมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
ทำไมกัน?
เพราะเขามีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องที่น่ากลัวเรื่องนี้ขึ้น เขาก็หมดปัญญาที่จะไปแตะต้องกับผู้หญิงคนอื่นได้อีก
จนกระทั่งเกิดความคิดที่ว่า ถ้าหลังจากนี้หวาเหวินได้อยู่กับเขา กลายเป็นภรรยาของเขา
แล้วมาเห็นว่าเขากำลังจูบดูดดื่มกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ คงจะเสียใจไม่น้อยทีเดียว แน่นอนว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงแค่เรื่องที่เขาคิดไปเองเท่านั้น
แซ่จื๋อจ้วนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดภาพที่เก็บอยู่ในคลังรูปภาพก่อนหน้านั้น
มีรูปรูปหนึ่ง เมื่อตอนที่ถูกแมวข่วนในครั้งนั้น เป็นภาพที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เพราะถ่ายได้เพียงแค่ใบหน้าด้านข้างเท่านั้น
เป็นภาพที่หวาเหวินกำลังอุ้มแมวสีดำ ก้มหน้าลง แค่เพียงใบหน้าด้านข้างก็ทำให้เกิดจินตนาการได้ไม่รู้จบแล้ว
แล้วก็ยังมีอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพติดบัตรนักศึกษาพื้นหลังสีฟ้าที่ถ่ายขึ้นหลังจากที่หวาเหวินได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหมินจูแล้ว
ซึ่งภาพถ่ายติดบัตรรูปนี้มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก ต้องหน้าสด และยังต้องใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวอีกด้วย ไม่มีการตัดแต่งและปรับความงามแต่อย่างใด ความจริงล้วน ๆ
แซ่จื๋อจ้วนได้ทำการติดต่อไปทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เก็บรูปนี้เอาไว้
เมื่อเปรียบเทียบกับรูปที่หวาเหวินอยู่ในชุดราตรีเหล่านั้นแล้ว เขาชอบรูปนี้มากกว่า
เพราะดูเป็นธรรมชาติ สดใส และดูสุขภาพดีมากที่สุดแล้ว
ใบหน้ารูปไข่ที่ขาวบริสุทธิ์ สีหน้าที่ค่อนข้างเย็นชา ดูมีออร่ามากกว่ารูปไหน ๆ หลายเท่าเลยทีเดียว
มีบางครั้งแซ่จื๋อจ้วนคิดว่า หวาเหวินที่ยังคงเป็นเด็กสาววัย 22 ปี แต่ทำไม เวลาอยู่กับเจียงหยู่ถึงได้ดูจริงจังมากขึ้นนั้น?
เขากลัวจริง ๆ ว่าหลังจากนั้นเขาจะกลายเป็นคนที่รู้สึกว่าชอบมากเกินไป กลัวเธอโกรธ กลัวเธอเสียใจและกลัวเธอรู้สึกแย่ เพราะคำว่าผูกมัด จึงกลัวไปซะทุกอย่าง
เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่อยากจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อรูปนี้ ก็ดันเกิดความคิดสกปรกขึ้นมาทันใด
สามารถดูรูปนี้ …….. หลังจากนั้นก็……….
ช่างเถอะ ความคิดสกปรกที่เพิ่งคิดได้เมื่อสักครู่ ได้ถูกเขาทำลายไปหมดสิ้น
เมื่อคิดถึงความเป็นเทพธิดาของหวาเหวินแล้ว ต่อให้จะเป็นความคิดเพ้อเจ้อก็ตาม ต่างก็ดูหมิ่นทั้งสิ้น
สุดท้ายแล้วแซ่จื๋อจ้วนจึงทำได้แค่ใช้พลังจิตอย่างแรงกล้ากดความกระหายที่เกิดขึ้นมาตามสัญชาตญาณของร่างกายตัวเองเอาไว้
หลังจากนั้นก็จูบลงไปบนหน้าผากของหญิงสาวในรูปภาพ “ราตรีสวัสดิ์นะ เหวินเหวิน สักวัน ฉันจะต้องได้อยู่ตรงหน้าเธอ ได้นอนกับเธอ แล้วพูดราตรีสวัสดิ์กับเธอ ฉันจะพยายามทำให้ตัวเองนั้นดูโดดเด่น เปลี่ยนเป็นคนที่เธอชื่นชม เปลี่ยนเป็นคนที่เหนือกว่าเจียงหยู่ ฉันจะดึงโอกาสที่ฉันเคยทำพลาดไปกลับมาให้ได้ รอฉันก่อนนะ”
หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนพูดงึมงำกับตัวเองแล้ว เขาก็หลับไป
ฉินชุงเจี้ยนได้ถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นขึ้นมาในเวลาเที่ยวคืน เขามีความดันต่ำเล็กน้อย ดังนั้นการรับโทรศัพท์ในเวลากลางดึกค่อนข้างทำให้เขาหัวเสียอย่างมาก
“ว่ามา มีอะไร” น้ำเสียงของเขาต่ำจนน่ากลัว
“คุณฉินครับ เราพบร่องรอยของเด็กสาวที่คุณให้ตามหาแล้วครับ เธอถูกจับไปขังไว้ในฐานลับของผู้ที่คลั่งไคล้ในศาสนามารแห่งหนึ่งครับ ที่นั่นมีสมาชิกในศาสนามารมากมาย เรื่องที่เราสามารถยืนยันได้ก็คือ เด็กสาวที่ไปเนปาลกับเธอคนนั้นเสียชีวิตลงแล้วครับ ว่ากันว่าถูกฆ่าตายหลังจากที่ถูกคนหมู่มากล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินมานะครับ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นก็ยังต้องสืบหาความจริงต่อไป”
ฉินชุงเจี้ยนตกใจขึ้นมาทันใด ไอพวกนอกรีตมาศาสนาเหล่านั้นโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งเขาเองก็เคยได้ยินข่าวทำนองนี้มาก่อน เพื่อนร่วมเดินทางได้ตายลงอย่างน่าอนาถ แซ่หลิงยังถูกจับตัวไปคุมขังไว้อีก ยังมีชีวิตอยู่ไหม