ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 289
ตอนที่ 289 รู้กันไปทั่ว
เจียงหยู่ยิ้มๆ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ก็แค่รู้สึกว่าใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว คนที่ทำงานนอกเมืองเจียงมากมาย มีบางส่วนที่อยากจะกลับบ้านช่วงตรุษจีนแต่ไม่สมปรารถนา หลีกเลี่ยงที่จะทำเรื่องไม่ดีได้ยาก เรื่องการปล้นขโมยเพิ่มขึ้นมากกว่าเวลาปกติหลายเท่า อย่างไรก็ตามระวังสักหน่อยก็ดี”
หวาเหวินกลับไม่ตอบ เพียงแค่ก้มหน้า ลูบหลังของเสี่ยวเฮยเบาๆ
“เหวินเหวิน วันนี้คุณกลับไปปรึกษากับทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง วางแผนจะทำอะไรต่อไป?”
หวาเหวินรู้ว่า เจียงหยู่ถามถึงอาการป่วยของหวาฟ้าน
“พวกเขาล้วนแต่ไม่ให้ความสำคัญเลย นอกจากพี่สามกับแม่แล้ว คนอื่นๆที่เหลือ……ราวกับไม่สนใจกันมากๆ” แค่นึกถึงท่าทางเหล่านั้นของทุกคนวันนี้ หวาเหวินก็รู้สึกผิดหวัง
เจียงหยู่ทอดถอนใจเล็กน้อย ก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี
“แต่ฉันกับป๋ายห้าวแล้วก็พี่สี่เองปรึกษากันแล้ว พวกเราคิดว่าจะปฏิเสธการผ่าตัด”
“ปฏิเสธ? ระยะแรกการผ่าตัดไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดหรือ?”
“ใช่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าหลังจากผ่าตัดเซลล์มะเร็งจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป……แล้วผลของมันจะตรงกันข้ามไปหมด”
“แต่โอกาสในการผ่าตัดมีสูงมากจริงๆ” เจียงหยู่ยังรู้สึกว่าถ้าไม่ได้รับการผ่าตัด ค่อนข้างไม่สมควร
อันที่จริงหวาฟ้านเพิ่งจะ20กว่าๆ ความหวังที่จะหายเป็นปกติมีสูงมาก
“ฉันก็สับสนมากเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วยังต้องฟังความเห็นของพี่สี่”
“ก็ได้ แต่ช่วงนี้คุณต้องพักผ่อนให้เต็มที่นะ……สีหน้าคุณแย่มากเลย”
เจียงหยู่ยื่นมือออกลูบๆหัวของหวาเหวินอย่างเป็นธรรมชาติ การกระทำที่เต็มไปด้วยความเอาอกเอาใจ
หวาเหวินหน้าแดงเล็กน้อย ยังคงก้มหน้าลูบเสี่ยวเฮยอยู่
“เหวินเหวิน พี่สี่ของคุณทางนั้นถ้าต้องการอะไร จำไว้ว่าโทรหาฉันนะ ฉันยังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง”
“อื้ม”
“ถ้าเงินไม่พอ……”
“เงินฉันมี แต่พี่สี่ก็ไม่ให้ฉันจ่ายหรอก เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการก็มีการแบ่งเงินปันผลกันอยู่แล้ว หลายปีมานี้ยังคงมีเงินเก็บอีกด้วย” หวาเหวินอธิบาย
“อืม อย่างนั้นก็ดีแล้ว แต่อย่างไรก็……ฉันไม่หวังให้คุณแบกรับด้วยตนเองนะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรทุกคนปรึกษาด้วยกัน”
มีเจียงหยู่ที่ปลอบใจและเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างนี้ หวาเหวินรู้สึกสงบลงอย่างชัดเจน เรื่องของหวาฟ้าน เจียงหยู่ก็ไม่เพิกเฉย
แม้กระทั่งศาสตราจารย์ของวิทยาลัยแพทย์ทุนก็เป็นเจียงหยู่ที่ช่วยติดต่อให้ เรื่องนี้เงินก็ไม่สามารถจัดการได้
ณ โรงพยาบาล ในห้องคนไข้วีไอพี
เรื่องของป๋ายห้าว คนของตระกูลเจียงทยอยๆรู้กันหมดแล้ว เพราะเกี่ยวกับอาการป่วยของหวาฟ้าน พ่อแม่ของตระกูลเจียงก็เลยไม่คัดค้านอีก
พูดตามความจริงก็คือไม่แน่นอนว่าลูกสาวจะมีชีวิตได้ถึงวันไหน จะยังขัดขวางไปเพื่ออะไร?
แต่ท่าทางของคนตระกูลหวาที่มีต่อป๋ายห้าว ยังคงเมินเฉย
นอกจากหวาผิงกับหวาเหวินแล้ว คนอื่นๆยังคงดูถูกตำรวจชั้นผู้น้อยที่มาจากครอบครัวธรรมดา แต่ป๋ายห้าวไม่สนใจ เพื่อหวาฟ้านแล้ว เขาก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
“เสี่ยวหลิน คุณชิมนี่สิ ตอนนี้หาซื้อยากแล้ว”
ป๋ายห้าวกำลังยกชามมา เพื่อป้อนบัวลอยให้หวาฟ้าน
“ตอนเด็กๆฉันเคยกินแล้ว ตอนนั้นที่คุณปู่ฉันยังอยู่ เขาชอบที่สุด ทุกครั้งที่เขากิน ฉันมักจะแย่งกินตลอดเลย” หวาฟ้านกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
จากนั้นก็อ้าปากกินหนึ่งลูก มองป๋ายห้าวอย่างพึงพอใจที่สุด
เวลานี้ ประตูห้องโดนผลักออก หวาหรุงมาแล้ว
มาด้วยกันกับหวาซวง ในมือของหวาซวงกำลังถือดอกลิลลี่ช่อหนึ่ง แต่หวาหรุงกลับไม่ถืออะไรเลย
“พี่ใหญ่ พี่รอง” หวาฟ้านทักทายอย่างเรียบเฉย ป๋ายห้าวก็ลุกขึ้น นำชามบัวลอยไปวางไว้ด้านข้าง
“ได้ยินมาว่าพวกเธอจะแต่งงาน?” หวาหรุงมองไปที่หวาฟ้านกับป๋ายห้าวโดยตรง
“ครับ” คำนี้ป๋ายห้าวเป็นคนตอบ น้ำเสียงแน่วแน่มาก
หวาหรุงยิ้มอย่างเย็นชามองไปที่ป๋ายห้าว “แผนการของนายลึกซึ้งใช้ได้นะ ขอแต่งงานในเวลานี้ พร้อมจะเสี่ยงกับทุกอย่างจริงๆ”
“นี่คุณหมายความว่าอย่างไรครับ?” ป๋ายห้าวค่อนข้างตกตะลึง
“หมายความว่าอะไร อย่าเสแสร้งเลย พ่อหนุ่ม ความคิดเล็กๆของนาย ก็คือมีความทะเยอะทะยานจนเป็นที่รู้กันไปทั่ว ไม่ใช่คิดว่ารอจนน้องสี่ตาย นายก็จะสามารถใช้ตัวตนของสามีที่ซื่อสัตย์รับช่วงต่อมรดกของเธอใช่ไหมล่ะ? หรือจะบอกว่าไม่ได้ทำเพื่อเงิน? มิเช่นนั้นนายจะอยู่ที่นี่เป็นคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติน้องสี่ของฉันอย่างนั้นหรือ?” หวาหรุงพูดจา ล้วนแต่เป็นคำเหน็บแนมไม่จบไม่สิ้น
ไม่รอให้ป๋ายห้าวพูด หวาฟ้านก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ยื่นมือไปหยิบถ้วยบัวลอยแล้วโยนลงไปบนพื้น……จากนั้นเสียงแสบแก้วหูก็ลอยตามมา