ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 299
ตอนที่ 299 พิธีแต่งงานโดยสังเขป
หวาผิงก็โอนเงินไปเป็นอั่งเป่าแปดแสนแปดหมื่นแปดทันที ทำให้หวาฟ้านรู้สึกไม่ดีมาก
หวาเหวินหาเวลาออกไป ตอนที่กลับมา ก็ส่งของขวัญของตนเองไปให้ เป็นของที่เลือกมาจากในกล่องเครื่องประดับของตน
กำไลหยกที่ดีที่สุดคู่หนึ่ง สีขาวขุ่น มองก็รู้แล้วว่าล้ำค่า
“น้องห้า พี่ไม่เอา นี่มีค่าเกินไป” หวาฟ้านปฏิเสธ
“รับไปเถอะค่ะ ของพวกนี้ถึงจะแพงแต่ก็เป็นของนอกกาย พี่กับหนูชีวิตนี้มีโชคชะตาที่ได้มาเป็นพี่น้องกัน ก็มีความรักที่หาได้ยากแล้ว ของพวกนี้ไม่สำคัญอะไร” หวาเหวินมองอย่างเรียบง่าย
“น้องห้า หลังจากการป่วยของพี่ครั้งนี้ จึงพบว่าความสุขที่แท้จริงไม่ใช่ว่าคุณมีเท่าไหร่ แต่คุณสามารถมีคนๆหนึ่งที่ไม่ทอดทิ้งได้หรือเปล่าต่างหาก พี่หวังว่าเธอก็จะช่วงชิงโอกาส ทะนุถนอมความสุขของตนเองอย่างเต็มที่ เจียงหยู่ไม่เลวเลยนะ ก็ขอให้เธอเปิดใจในเร็ววัน ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เดินทางไปกับเขา”
หลังจากหวาเหวินได้ฟัง ก็พยักหน้า เรื่องนี้ในใจของเธอก็คิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว
เวลานี้ ป๋ายห้าวกลับมาจากข้างนอก ในมือถือวัตถุดิบหม้อไฟที่ซื้อกลับมา
“เสี่ยวหลิน ได้ยินว่าหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วต้องกินหม้อไฟ ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง วันนี้สุขภาพคุณไม่ดี พวกเราก็รวมตัวกันกินที่โรงพยาบาลก่อน รอคุณหายดี ฉันจะพาคุณไปกินที่ดีกว่านี้ น้องห้า คุณก็ต้องอยู่ด้วยกันนะ เป็นคนรับรองความสุขของพวกเรา รู้ว่าคุณไม่กินเนื้อสัตว์ ก็เลยซื้อผักกับเส้นหมี่มาให้เยอะเลย”
“ได้ค่ะ”
หวาเหวินตอบรับด้วยความยินดี ความรักระหว่างหวาฟ้านกับป๋ายห้าว จริงๆหวาเหวินก็ค่อนข้างอิจฉา
ป๋ายห้าวไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินของหวาฟ้าน แต่หวาฟ้านยังคงเอาพินัยกรรมของตนเองแก้เป็นของป๋ายห้าวลับหลังเขา เรื่องนี้คนของตระกูลหวาล้วนแต่ไม่รู้
ตอนกลางวัน เจียงหยู่และหวาผิงก็มาแล้ว
ก็อย่างนี้ พวกเขากี่คนกินหม้อไฟอย่างง่ายๆในห้องคนไข้ของโรงพยาบาล
ป๋ายห้าวหยิบมือถือออกมา แล้วก็โพสลงในวีแชท เขียนไว้ว่า——ช่วงนี้มีข่าวลือว่าฉันแต่งงานแล้ว ฉันอยากให้ความกระจ่างแจ้งสักหน่อย ว่ามันเป็นเรื่องจริง
โพสเสร็จยังเอาให้หวาฟ้านดูความเห็นของพวกเพื่อนๆของเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นหวานชื่นมาก
“พี่สาม สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ?” หวาเหวินรู้สึกว่าหวาผิงหาวอยู่ตลอด
“เอ่อ……ใช่น่ะสิ ช่วงนี้นอนไม่หลับเลย” หวาผิงใจฝ่อจะแย่แล้ว
กลัวมากว่าคนอื่นจะรู้ว่าเมื่อคืนเธอค้างที่บ้านของหวางเซียวอี้ จริงๆเมื่อเช้า เธอกับหวางเซียวอี้ก็ทำการตกลงกันอย่างลับๆแล้ว
เรื่องของพวกเขายังไม่ประกาศให้ภายนอกรับรู้เป็นการชั่วคราว อันที่จริงไม่อยากจะโอ้อวดขนาดนั้น
“อย่างนั้นพี่ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะคะ” หวาเหวินเตือน
“อื้ม พี่ไม่เป็นไร ร่างกายพี่แข็งแรงมาก” หวาเหวินรีบปกปิด
หลังมื้อกลางวัน หวาเหวินถามหวาฟ้าน “พี่สี่ แล้วเรื่องมหาวิทยาลัยพี่วางแผนไว้อย่างไรคะ?”
หวาฟ้านมองป๋ายห้าว ยิ้มแล้วพิงที่อกของเขา
“เขาไปจัดการแทนพี่แล้ว แต่เดิมพี่อยากจะลาออก แต่มหาวิทยาลัยไม่ยอม ให้พี่ลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือน ถ้าต่อไปอยากกลับก็กลับไป”
“นั่นก็ไม่เลว ตอนนี้พี่รักษาสุขภาพอย่างสบายใจก็พอค่ะ” หวาเหวินปลอบใจเธอ
“ผ่านมากี่วันนี้ฉันไม่มีไข้แล้ว คิดไว้ว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วย้ายไปอยู่บ้านเขาโดยตรง พ่อกับแม่ฝั่งนั้นพวกพี่ก็ช่วยฉันบอกสักหน่อย สำหรับพี่ใหญ่ พี่รอง ก็ช่างพวกเขาเถอะ ฉันคิดว่า……หลังจากวันนั้น ต่อไปฉันก็ไม่มีพี่สองคนนั้นแล้ว” หวาฟ้านพูดอย่างชัดเจน
หวาผิงกับหวาเหวินสบตากัน ไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเธอพอจะเข้าใจความคิดของหวาฟ้าน
“น้องห้า ระยะนี้ที่ดูแลพี่ ลำบากเธอแล้ว……วันหน้าหากว่ามีโอกาส หวังจริงๆว่าจะได้ตอบแทนเธอ”
หวาฟ้านจับมือหวาเหวิน ค่อนข้างหวั่นไหว
“ครอบครัวเดียวกันไม่พูดเหมือนเป็นคนอื่นสิคะ” หวาเหวินสีหน้าซาบซึ้งใจเล็กน้อย
แล้วหวาฟ้านก็มองเจียงหยู่ ค่อยๆกล่าวออกมา “เจียงหยู่ น้องห้าของฉัน……เป็นคนที่ดีมากดีมากคนหนึ่ง แม้ว่านิสัยจะเย็นชา แต่จิตใจดีมากนะ คุณต้องดูแลเธออย่างดี ชีวิตนี้อย่าทำให้เธอผิดหวังนะ”
หวาเหวินฟังจบ ก็มองเจียงหยู่อย่างเขินอาย ในทันทีจึงค่อนข้างรอคอยว่าเขาจะพูดอะไร