ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 303
ตอนที่ 303 ราชวงศ์ที่หายไป
ช่วงนี้ แซ่จื๋อจ้วนเอาแต่ยุ่งเรื่องของน้องสาว ส่วนหวาเหวินก็ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องขอหวาฟ้าน ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหลายวันแล้วเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นแซ่จื๋อจ้วนก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย หลังจากที่ปลายสายรับสายแล้ว ก็มีน้ำเสียงเย็นชาของหวาเหวินดังลอดเข้ามา
หวาเหวิน: ฮัลโหล?
แซ่จื๋อจ้วน:หวาเหวิน น้องสาวของฉันกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเมื่อ3วันก่อนแล้ว ตอนนี้พักผ่อนเพียงพอแล้ว ก็เลยอยากจะเลี้ยงข้างเธอหน่อย ยังจำได้ไหม? ฉันเคยรับปากจะพาน้องสาวมาขอบคุณเธอต่อหน้า
หวาเหวิน:ไม่ต้องหรอก มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมากมาย ฉันก็แค่ทำอะไรนิดหน่อยเอง กลับมาก็ดีแล้ว
แซ่จื๋อจ้วน:ยังไงก็ต้องกินข้าว ก็เรื่องของน้ำใจไหม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยัยสาวน้อยคนนี้อยากจะขอบคุณเธอต่อหน้า
หวาเหวิน:เมื่อไหร่ล่ะ?
แซ่จื๋อจ้วน:เย็นนี้ว่างไหมล่ะ?
หวาเหวิน:เย็นนี้ไม่ได้ ฉันมีธุระ
แซ่จื๋อจ้วน:แล้วถ้าพรุ่งนี้ล่ะ?
หวาเหวิน:พรุ่งนี้ว่ากันอีกที เดี๋ยวคิดติดต่อกันใหม่
แซ่จื๋อจ้วน:โอเค งั้นรอข่าวคราวจากเธอแล้วกัน
หลังจากวางสาย แซ่จื๋อจ้วนก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หวาเหวินนี่ช่างนัดยากจริงๆ
“ไม่ตกลงเหรอ?”แซ่หลิงถามลองเชิง
“ก็ไม่ใช่ เธอบอกว่าดูก่อน เดาว่าช่วงนี้น่าจะมีเรื่องยุ่งๆแหละ”
“อ๋อ……ถ้ายังงั้นก็ได้ พี่หวาเหวินว่างเมื่อไหร่ ก็ค่อยโทรหาฉันแล้วกัน”
แซ่หลิงนั่งอยู่ในห้องทำงานของแซ่จื๋อจ้วนสักพักแล้วก็กลับ
ในคืนนั้น เพื่อที่จะไม่ให้เจียงหยู่สงสัย หวาเหวินก็ไปที่ร้านเล็กๆของตัวเองแล้วก็เริ่มถ่ายทอดสด
ไม่ได้รับออเดอร์มานานแล้ว เพราะฉะนั้นพอทำแบบนี้ ก็ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากกว่าเดิม
พึ่งจะเริ่มถ่ายทอดสดได้หนึ่งนาที ก็ได้รับความนิยมจนมีคนมาดูเกิน3ล้านคนแล้ว
หวาเหวินใส่หน้ากากสีน้ำเงิน ภายใต้การแนะนำของพิธีกร แล้วก็เชื่อมต่อวิดีโอจากระยะไกล
หลังจากนั้นก็สังเกตและศึกษาผลิตภัณฑ์นั้น ชิ้นนี้คือหยกที่สวยงาม ถ้าให้พูดก็คือหวีหยกสีขาว เป็นของที่ผู้หญิงใช้กัน
ได้ยินมาว่าเจ้าของเป็นขุนนางอังกฤษ เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเครื่องเคลือบลายครามก็ถูกนำออกไปจากประเทศ และก็ไปอยู่ในมือขุนนางท่านนี้
ว่ากันว่าเจ้าของท่านนี้ ภายใน12ปีมานี้ก็ไปตามหาผู้ประเมินราคาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่สามารถประเมินราคาและปีของของชิ้นนี้ได้เลย
ครั้งนี้ เปิดราคาอยู่ที่5ล้าน เชิญนักประเมินSSที่มีชื่อเสียงมากที่สุดให้ออกหน้า
หวาเหวินได้รับคำสั่งนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเงิน แค่อยากดูหน่อยว่าสรุปแล้วมันเป็นของโบราณแบบไหนกัน ที่นักประเมินราคาหลายๆคนก็ยังไม่รู้ที่มา นี่ต่างหากคือจุดที่ทำให้เธอสนใจ
SS เวลาเหลือไม่เยอะแล้ว พร้อมรึยัง?” พิธีกรเตือนด้วยเสียงเบา
“อืม”หวาเหวินได้แต่ตอบว่าอืมเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นทันทีพิธีกรก็ประกาศผลการประเมิน หวาเหวินที่อยู่หลังหน้ากาก พูดผ่านเครื่องเปลี่ยนเสียง “นี่เป็นสินค้าโบราณจริงๆเลยนะคะ มิน่าล่ะที่นักประเมินหลายๆท่านยังไม่ทราบเกี่ยวกับที่มาของมันได้ ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้มองผิดล่ะก็ ของชิ้นนี้น่าจะมาจากประมาณ4500ปีที่แล้ว แกะสลักมาจากหยกขาวชิ้นโตในสมัยราชวงศ์เป่ยเหลียง และของชิ้นนี้ก็เป็นของพระบรมวงศานุวงศ์”
หลังจากที่หวาเหวินพูดออกมา ทั้งห้องถ่ายทอดสดก็ระเบิดทันที ราชวงศ์เป่ยเหลียงงั้นเหรอ? เหมือนกับว่าคนพวกนี้ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
หวาเหวินพูดต่อ “เป่ยเหลียงไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เพราะมีตำนานเล่าว่า เพราะว่าสถานที่นั้นเกิดอุบัติเหตุบางอย่าง ก็เลยนำไปสู่การที่ทั้งราชวงศ์หายไปจากแผ่นดินใหญ่ภายในคืนเดียว แม้กระทั่งโรงเรือนเลี้ยงวัวและแกะของผู้คน……อารยธรรมของพวกเขาทั้งหมดหายไป แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ฉันเคยมีโอกาสได้เห็นของโบราณของเมืองโบราณโหลวหลันที่มีความเกี่ยวข้องกับเป่ยเหลียงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่พอพยายามสืบต่อและถอดตัวอักษรโบราณออกมาแล้ว ตามบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษร มีแต่ราชวงศ์เป่ยเหลียงเท่านั้นที่มีหยกมันแพะที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ ปนไปด้วยสีแดงเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าพวกคุณสังเกตอย่างละเอียดก็จะเห็นว่า ตรงกลางหวีนี้มีสีแดงเล็กน้อย ว่ากันว่าคนเป่ยเหลียงมองว่าหยกเป็นอาวุธวิเศษณ์ ในสมบัติทุกชิ้นต้องผสมเลือดของตัวเองลงไป หมายถึงความสามัคคีของมนุษย์และหยก ไม่สามารถแยกกันได้ตลอดไป พวกคุณลองดูสิคะ จุดสีแดงตรงนี้คือรอยเลือดของมนุษย์ และหยกขาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ต้องไม่ใช่ของคนธรรมดาทั่วไปแน่ มันต้องเป็นของคนในราชวงศ์แน่นอน ฉันคิดมาตลอดว่า เป่ยเหลียงนั่นมีอยู่จริง แต่ว่าทำไมมันถึงหายไปในชั่วข้ามคืนนั้น มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตของงานของฉัน ฉันแค่รับผิดชอบในการระบุที่มาแล้วก็ราคาของมันเพียงเท่านั้น หวีหยกขาวชิ้นนี้ ราคาที่ฉันตีโดยประมาณก็คือ……280ล้าน”
หลังจากที่หวาเหวินบอกราคาไป ก็ผลักดันบรรยากาศให้ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง……
เจียงหยู่ที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ก็ลูบคิ้วของเขา เขาเองก็สงสัยเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหวีที่ราคาสูงขนาดนี้ มันคุ้มค่าจริงๆยังงั้นเหรอ? เป็นของจากเป่ยเหลียงจริงๆไหม? ถ้าเกิดว่าใช่จริงๆ การประเมินราคานี้ก็ใหญ่มากจริงๆ หนึ่งพันล้านก็ไม่เกินไปหรอก เพราะว่านี่เป็นเพียงแค่หลักฐานเดียวที่พิสูจน์การเคยมีอยู่ของราชวงศ์เป่ยเหลียง
ตอนที่ถอนหายใจออกมานั้น เจียงหยู่ก็รู้สึกชื่นชมSSที่ลึกลับคนนี้อยู่เหมือนกัน