ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 31
ตอนที่ 31 กัดปากพูดเจ็บไหม
เซี่ยจื๋อจ้วนสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาว เอนกายอยู่บนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำอย่างเกียจคร้าน
ในมือยังถือวิสกี้ไว้แก้วหนึ่ง
หลังเขาดื่มเหล้าลงไปจึงวางแก้วไว้ด้านข้าง
“เซี่ยหลิง เธอดูสิว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว เวลาที่แคนาดากับที่นี่มันต่างกันตั้งสิบสามชั่วโมง ที่ฉันตอนนี้ยี่สิบนาฬิกา เวลาของเธอที่นั่นน่าจะเก้าโมงเช้าได้แล้ว….ป่านนี้เธอยังนอนอยู่ เธอไม่กลัวตะวันมันจะเลียตูดเธอบ้างหรือไง?”
“เมื่อคืนฉันดื่มหนัก แล้วพี่ยุ่งอะไรฉัน?”
พูดจบก็กำลังจะวางสาย…….
“เฮ้ เดี๋ยวๆ ฉันมีธุระกับเธออย่าเพิ่งวางเซ่”
“พี่มาหาฉันนี่เคยมีเรื่องดีๆด้วยเหรอ?” เซี่ยหลิงถลึงตาใส่อย่างดุร้าย
ตั้งแต่เด็กเธอมักชอบต่อปากต่อคำกับพี่ชายคนรอง ทั้งสองเป็นศัตรูคู่แค้นแสนรัก
บางทีอาจจะเป็นเพราะความเกี่ยวพันทางอายุที่ไล่เลี่ยกัน
เซี่ยเฟยโม่โตกว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่สามารถเล่นด้วยกันกับพวกเขา
ปีนี้เซี่ยจื๋อจ้วนอายุ26 เซี่ยหลิงอายุ22 เท่ากันกับหวาเหวิน
“ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายน่า”
“ไม่สนใจอ่ะ”
“ถ้าหากเธอช่วยฉัน ฉันจะซื้อนาฬิกาข้อมือให้เธอ เมื่อครั้งก่อนเธอดูแบบไว้แล้วนี่” เซี่ยจื๋อจ้วนไม่บีบบังคับแต่กลับหลอกล่อด้วยผลประโยชน์
อย่างที่คาด พอปลายสายได้ยินนาฬิกาข้อมือ ก็สงบเสงี่ยมขึ้นทันที “ก็ได้ งั้นนายเล่าให้ฉันฟังก่อน”
เซี่ยจื๋อจ้วนผุดลุกขึ้น มีความตื่นเต้นเล็กน้อย
“เธอเดาสิว่าวันนี้ฉันเจอใคร?”
“ใครอ่ะ?”
“หวาเหวิน”
“หวาเหวินเหรอ? ใครอ่ะ?”
เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้ไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ข่าวภายในประเทศ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าที่บ้านกำหนดหมายแต่งงานให้กับพี่ชายคนรอง
บิดามารดายังคาดหวังว่าเธอจะกลับมาร่วมงานแต่ง แต่เธอรู้สึกว่ามันไร้สาระ
อย่างไรพี่ชายคนรองเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือซะขนาดนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้
จองตั๋วเครื่องบิน ผลก็คือไม่สำเร็จจริงๆ
ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อของหวาเหวิน จึงไม่คุ้นหู
“เป็นคุณหนูห้าตระกูลหวา พ่อแม่พวกเราเดิมทีวางแผนแต่งให้กับฉัน”
“อ้อ….ฉันจำได้ละ ที่นายหนีงานแต่งนั่นไง”
“ก็ถูก เป็นเธอนั่นล่ะ”
“โอ้ เฮ้ งั้นพี่คงกระดากใจมาก ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะ ตอนที่ฉันพบพี่ สิ่งแรกที่จะทำก็คือพุ่งเข้าไปตบกกหูของพี่”
“อย่าเพิ่งแทรก เธอฟังฉันพูดให้จบก่อน”
“อ่ะ พี่ว่ามา”
ได้ยินว่าพี่ชายคนรองกำลังจะเม้าท์ เซี่ยหลิงจึงเกิดสนใจขึ้นมา
“วันนี้ฉันเห็นเธอกับเจียงหยู่อยู่ด้วยกัน ตอนแรกฉันยังนึกว่าเป็นคู่ขาของเจียงหยู่ ยังเข้าไปแหลมใส่คนเขา ……ค่อนข้างน่าอาย ต่อมาจึงได้รู้ว่านั่นคือหวาเหวิน
“มีอะไรแตกต่างงั้นหรอ?” พบว่าสองคำหวาเหวินในคำพูดของพี่รองมีความหมายโดยนัย เซี่ยหลิงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คงจะพิเศษ
หรือจะเป็นอย่างที่คาด…..
“ใช่ คนภายนอกเขาลือกันอย่างไร เธอยังจำได้หรือไม่?”
“ก็….พอจำได้นิดหน่อย ลือกันว่าคุณหนูห้าตะกูลหวาหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่…พูดก็ติดๆขัดๆ ใช่แล้ว ยังว่ากันว่าไร้อารยธรรม แต่ไรมาก็ไม่เคยเข้าเรียน เหมือนว่าหัวจะล้านด้วย เล่ากันว่าผมหร็อมแหร็ม ใส่หมวกแม่ชีตลอดเวลา”
“สิ่งเหล่านี้ใครเป็นคนพูด เธอเรียกมันมาต่อหน้าฉันเลย ฉันจะฟาดมันให้ตายคามือ”
“ทำไมล่ะ? พี่รอง….หรือใช่ว่าจะเป็นแบบนั้น?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข่าวลือพวกมันไร้สาระ….ครั้งนี้ฉันตกหลุมพรางข่าวลือพวกมัน ถ้าหากฉันรู้ความจริงของหวาเหวิน ถึงจะใช้เกี้ยวแปดคนมาหามฉัน ฉันก็จะไม่หนีงานแต่งหรอก”
“พูดไปพูดมา แล้วที่แท้คุณหนูเหวินหน้าตาเป็นอย่างไรเล่า?”
“โฉมหน้าดุจล่มเมือง รูปลักษณ์ปานเทพธิดา” จื๋อจ้วนคิดว่าอุปมาโวหารของตนไม่ค่อยดีนัก แต่ยังฝืนเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาเพื่อพรรณนาหวาเหวิน
สามวินาทีให้หลัง เสียงปลายสายในกลั้นขำ
“หัวเราะอะไร?”
“พี่ ที่ฝืนกัดปากพูดนี่…เจ็บหรือเปล่า?” เซี่ยหลิงเกิดท่าทียินดีในความทุกข์ของผู้อื่นโดยสมบูรณ์