ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 312
ตอนที่ 312 สมคบคิด
ปฏิกิริยาโต้ตอบแรกในใจของหวาผิงก็คือ ไม่แปลกที่น้องสี่กับน้องห้าไม่คบกับพวกเธอแล้ว หวาซวงกับหวาหรุงน่ารังเกียจมากไปแล้ว
เห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไปจนแม้แต่น้องสาวยังสามารถขายได้ เมื่อก่อนรู้สึกว่าพี่ใหญ่ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนี้ อย่างมากก็แค่เห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง
ตอนนี้เหมือนกับว่า พี่ใหญ่กับพี่สองเดินทางเดียวกันแล้ว พวกเธอสมคบคิดกันที่จะยึดอำนาจในบริษัทตระกูลหวา ตอนนี้ก็อยากจะใช้เธอเพื่อประจบสอพลอผู้มีอำนาจของเมืองหลง จริงๆ เลย……
หลังจากที่หวาผิงขัดแย้งอยู่ในใจ ก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือดีๆ กินข้าวเร็วมาก ไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
คนในบ้านพูดอะไร บางทีเธอก็จะต่อต้าน หรือบางทีเธอก็แค่ตอบแบบขอไปที
อาศัยช่วงเวลาที่คุณชายสวีไปเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ไปโดนหวาหรุงล้างสมองอะไรมา ยังไงโน้มน้าวเธอ “หวาผิง ลูกเองก็ไม่ได้อายุน้อยๆ แล้วนะ ลูกไม่สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้ตลอดไปหรอก ตอนนี้ลูกขายความเยาว์ของตัวเอง ไม่สู้รีบหาคนแต่งงานเร็วๆ ก่อนดีกว่า ตอนนี้ในบรรดาพี่น้องมีแค่ลูกที่ยังโสด พ่อกับแม่ร้อนใจมาก ครอบครัวของคุณชายสวีก็เป็นที่รู้จักกว้างขวาง แหล่งทรัพยากรก็ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือครอบครัวของขาเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองหลง ไม่ได้เหมือนเมืองเจียงเล็กๆ แบบของเรา ถ้าเกิดว่าลูกได้แต่งงานกับตระกูลสวีจริงๆ ต่อไป…… ”
“แม่ ขอร้องล่ะอย่าพูดต่อเลยค่ะ หนูคลื่นไส้”
“แม่ดูลูกคนที่สามสิ นี่มันทัศนคติอะไรกัน? ”สีหน้าของหวาหรุงดูไม่มีความสุข ก็เพราะว่าหวาผิงไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าเกิดว่าไปยั่วให้คุณชายสวีโกรธเข้า แทนที่จะได้ผลประโยชน์แต่มันกลับจะเสียหนักกว่าเดิมเอาน่ะสิ?
“หวาหรุง ตอนนี้ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องสี่กับน้องห้าต้องหลบเธอเหมือนกับหลบอึเหม็นๆ ยังไงยังงั้น เธอนี่มันช่าง……ทำให้คนขยะแขยงจริงๆ ”
“นี่น้องสาม เธอพูดกับฉันแบบนี้งั้นเหรอ? ” หวาหรุงหน้าซีด
“ฉันพูดแบบนี้ก็ถือว่าเกรงใจแล้วนะ ถ้าเธอจะรังแกใครก็ควรจะดูหน่อยไหมว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร? ฉันหวาผิงเป็นคนอ่อนแอยังงั้นเหรอ? พี่ใช้ฉันเพื่อที่จะประจบสอพลอคนมีอำนาจ เธอคำนวณผลประโยชน์ได้ดีเหมือนกันนี่ แต่ว่าน่าเสียดาย ฉันไม่เหมือนกับเธอ ฉันไม่ใช่หมาปั๊ก ที่เห็นใครก็อยากจะเลียไปหมด แล้วอีกอย่าง……ถ้าเกิดว่าเธอจะยอมเสียค่าตอบแทนที่สูง ทำด้วยตัวเองน่าจะดีกว่านะ เธอเองก็ไม่ได้หน้าตาดีมีเสน่ห์อะไร แต่ถึงแม้ว่าหน้าตาจะงั้นๆ แต่ว่าเธอก็ช่ำชองอยู่นี่ ทำเอง ไม่น่าเชื่อถือกว่าเหรอ? ”
“หวาผิง เธออย่ามาทำตัวไร้ยางอายนะ”
หวาหรุงโดนน้องสามฉีกหน้าต่อคนมากมายาขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกหน้าแตกอยู่แล้ว เธอตบโต๊ะทันที
“ถ้าเกิดจะบอกว่าไร้ยางอาย ถ้าให้ฉันเทียบกับพี่ ถือว่าฉันยังด้อยกว่าเป็นกองเลยล่ะ ต่อไปฉันยังต้องฝึกอีกมาก ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ฉันหวังว่าจะได้เรียนรู้จากพี่สองนะ”
“เธอ……”ตอนนั้นหวาหรุงพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“พอแล้ว ฉันอิ่มแล้ว พ่อกับแม่ก็อายุเยอะแล้ว ไม่ควรจะมายุ่งของเรื่องหนุ่มสาวมากเกินไป เรื่องของหวาฟ้านก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง……ทำด้วยตัวเองให้ดีที่สุดเถอะ”
ครั้งนี้หวาผิงรู้สึกผิดหวังกับพ่อแม่ของตัวเอง พ่อกับแม่ก็ต่างมาจากตระกูลร่ำรวยเหมือนกัน ทำไมถึงยอมไปประจบสอพลอผู้มีอำนาจจากเมืองหลงกัน?
ทำไมถึงทำตัวไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนี้? หวาผิงคิดไม่ออก และก็ไม่อยากจะคิดให้ออกด้วย
หวาผิงพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ แต่ก็ได้เดินสวนกับคุณชายสวีตรงหน้าประตูพอดี
“หวาผิง คุณจะกลับแล้วเหรอ? ”
หวาผิงจ้องผู้ชายตรงหน้า แล้วก็พูดว่า “ไม่งั้นจะอะไรล่ะคะ? จะให้ฉลองปีใหม่อยู่กับคุณที่นี่ยังงั้นเหรอ? ”
คุณชายสวี:……
เอาเถอะ ถ้าเกิดว่าเรื่องต่อต้านคนอื่นเนี่ย ที่จริงแล้วหวาฟ้าน หวาผิงและหวาเหวินถือว่าเป็นปรมาจารย์เลย มาเป็นชุดเลยทีเดียว
อาหารมื้อนี้ค่อนข้างไม่เป็นที่น่าพอใจ แถมยังมีคนนอกมาอีกด้วย ก็เลยไม่สามารถก่อเรื่องได้จนมากเกินไป หลังจากที่หวาผิงไปแล้ว หวาหรุงเพื่อที่จะเอาใจคุณชายสวี ก็เลยพาเขาไปเที่ยวเล่นที่สถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน แถมยังหาสาวสวยมาปรนเปรอเขาไม่น้อย คืนนี้เสียเงินไปหลายแสน ก็ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ฉินชุงเจี้ยนนัดเจียงหยู่ไปเล่นบิลเลียด เจียงหยู่ไม่วางใจเกี่ยวกับหวาเหวิน ก็เลยรีบกลับบ้านไปหาหวาเหวิน
อยู่คนเดียวรู้สึกเหงา ตอนที่เขากำลังเล่นอยู่นั้น แซ่หลิงก็เข้ามา
แวบเดียวก็เห็นฉินชุงเจี้ยนที่อยู่ในชุดลำลองสีเบจ ตอนนั้นใจเธอเต้นแรงมาก
“ฉินชุงเจี้ยน” น้ำเสียงของเธอเหมือนกับเด็กใสซื่อ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่พึ่งจะอายุ20 น้ำเสียงไพเราะเหมือนเด็กตัวน้อยๆ
“เอ้ะ? เธอมาด้วยเหรอ? ”ฉินชุงเจี้ยนเงยหน้าขึ้นมา เอาไม้บิลเลียดยันกับพื้น และก็คลี่ยิ้ม