ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 330
ตอนที่ 330 แขกไม่ได้รับเชิญ
“ข่าวนี้ฉันก็เห็น ในข่าวบอกว่าเธอได้รับรถสปอร์ตจริงๆด้วย”
ประโยคนี้เกาเห้อเป็นคนพูด เขาไม่ได้รู้เรื่องราวภายใน แต่แค่นึกถึงข่าวลือนั้นขึ้นมาเฉยๆ
“นั่นมันข่าวลือมั่ว พวกแกยังเชื่อ? ฉันมีแลมโบกินีสีชมพูที่ไหน สีชมพูจ๋าแบบนั้นฉันไม่ชอบหรอก นั่นมันรสนิยมสาวบ้านนอกไหม? ช่วงนี้ฉันอยากจะซื้อรถจริง แต่ไม่ใช่แลมโบกินี ฉันเล็งเฟอร์รารี่รุ่นครบรอบปีเอาไว้”
“เฟอร์รารี่เอ็นโซนั่นหรอ?” ดูเกาเห้อก็รู้ได้เลยว่าเป็นพวกเล่นรถ
หวาผิงพยักหน้ารัว “ใช่ๆๆ อันนั้นแหละ นายก็เห็นใช่ไหม? เท่ห์มากเลยใช่ป๊ะ? ภายนอกดูเหมือน F1 ว่ากันว่าความเร็วดีที่สุดในโลก ฉันอยากได้มาขับคันหนึ่ง แต่ก็ว่ากันว่าสั่งยากมาก ฉันให้เพื่อนต่างประเทศช่วยติดต่อตั้งหลายคน”
“แม้แต่พระเจ้ายังร้องว้าวเลยอ่ะ คนสวยนี่รวยจริงๆ” ฉินชุงเจี้ยนหัวเราะ
“สู้พวกนายไม่ได้หรอก ฉันก็ได้แค่ค่าตัวจากการถ่ายงาน พวกนายอ่าดิ เศรษฐีตัวจริง”ระหว่างหวาผิงกับฉินชุงเจี้ยนก็ต่างฝ่ายต่างชม
หวางเซียวอี้ไม่พูดอะไรอีก แต่กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแข่งบอล ตามสไตล์ของเขา
หลังจากกินข้าวอิ่ม เกาเห้อเอ่ยชวนเล่นไพ่นกกระจอก และแล้ว เกาเห้อ หวางเซียวอี้ เจียงหยู่บวกกับหวาผิงทั้งสี่คนเดินเข้าไปยังห้องเล่นไพ่นกกระจอก
ฉินชุงเจี้ยนหยิบไวน์แดงไปรับลมที่ระเบียง หวาฟ้านอุ้มเสี่ยวเฮยกับป๋ายห้าวเล่นกับแมวอยู่สักพัก
จากนั้นหวาฟ้านก็เริ่มรู้สึกง่วง พวกป๋ายห้าวเขาจึงขอตัวก่อน
หวาเหวินเล่นไพ่นกกระจอกไม่เป็น แต่กลับโดนเจียงหยู่ลากให้มานั่งข้างๆเขาแล้วเอาแต่มอง
ก็ได้ฟังเรื่องซุบซิบของฉินชุงเจี้ยนทันที
“คืนนี้ฉินชุงเจี้ยนค่อนข้างน่าสงสารเลย ตัวคนเดียว พวกนายเพื่อนซี้กันไม่ลองให้คำแนะนำหรอ?” หวาผิงพอจะรู้เรื่องภายในมาบ้าง
“พวกฉันจะไปมีวิธีอะไร เหล่าฉินเป็นคนที่ชอบเถียง ตัวเองก็คิดไม่ได้ คนอื่นจะพูดเยอะขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์” ประโยคนี้หวางเซียวอี้เป็นคนพูดเอง
หวาผิงมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไร ครั้งนี้เธอกลับไม่เถียงกลับ
เกาเห้อปากสว่างที่สุด จึงพูดขึ้นตรงๆว่า “ฉันว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเหล่าฉินจะได้กลายเป็นเกย์ เรามาหาวันแล้ววางยาใส่มันกันไหม แล้วหาผู้หญิงสวยๆแซ่บๆสักสองคนมาเปิดโลกให้มันก็จบแล้ว ผู้ชายหน่ะ พอได้เปิดโลกแล้วยังไงก็อดไม่ไหวหรอก”
“ฉันกล้ารับประกันเลยว่าหลังจากสร่างเมาแล้ว ได้เตะขาหมาอย่างนายหักแน่ๆ” เจียงหยู่มองเกาเห้อแวบหนึ่ง
เกาเห้อหดคออย่างแอบๆ จริงด้วย ฉินชุงเจี้ยนดูเป็นคนพูดง่าย แต่ถ้าทำให้เขาโกรธ หรือล้ำเส้นเขาเกินไปหล่ะก็ ไม่ได้ตายดีแน่
“ฉินชุงเจี้ยนดีเด่นจริงๆ ทำไมถึงไม่หาแฟน?” หวาเหวินเป็นเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมความรู้สึกของฉินชุงเจี้ยนถึงได้ว่างเปล่า
เจียงหยู่กระซิบเสียงต่ำข้างหูเธอ “สมัยเหล่าฉินวัยรุ่นมีแฟนที่รักมากอยู่คนหนึ่ง ชื่อเฉียวเสว่เธอโดนรถชนตาย จากนั้นมันเลยปิดกั้นเรื่องความรู้สึกของตัวเอง มันไม่อยากโดนจับคลุมถุงชนจากบ้าน ก็เลยหนีออกจากเมืองที่มันเคยอยู่ มาเมืองเจียงคนเดียว อยู่ไปอยู่มาก็เจ็ดแปดปีเลย”
“แบบนี้นี่เอง……น่าสงสารจริงด้วย” หวาเหวินเริ่มรู้สึกสงสาร เพราะความรักแบบนี้หาได้ยากมากๆ
“ตอนที่เฉียวเสว่เสีย อายุเพิ่งจะสิบเก้าเอง อายุน้อยกว่าฉินชุงเจี้ยนหนึ่งปี ปีนี้ฉินชุงเจี้ยนอายุยี่สิบแปดแล้ว คิดอีกทีเฉียวเสว่ก็เสียไปได้แปดปีแล้ว ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็ยี่สิบเจ็ดปีแล้ว โชคชะตาเล่นตลกจริงๆ”ครั้งแรกที่หวาผิงได้ยิน ก็นิ่งไปพักใหญ่ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มจะเข้าใจความเหงาของฉินชุงเจี้ยน
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าโชคชะตาของพวกเขามีแค่นั้น ฉันเชื่อว่าพระเจ้าก็คงมีหนทางใหม่สำหรับพวกเขา” หวาเหวินเชื่อในเรื่องคำทำนายโชคชะตา แต่เธอก็เชื่อว่าคนอย่างฉินชุงเจี้ยนคงจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวไปจนแก่หรอก
เพราะเพื่อนๆที่มาเยี่ยมเยียนเฟิงหวาหลี่ บรรยากาศครึกครื้นอย่างมาก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนดื่มกับลูกค้าเสร็จ ก็กลับบ้าน ก็ได้พบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างประหลาดใจ
“พระเจ้า ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม แกคือ…… เสี่ยวเฮย?” แซ่จื๋อจ้วนนังยองลง เขาอุ้มเสี่ยวเฮยที่นอนขดตัวอยู่ประตูหน้าบ้านเขาขึ้น อย่างตกใจ
แท้จริงแล้ว ได้วิ่งออกมาจากเฟิงหวาหลี่เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว ส่วนมาบ้านแซ่จื๋อจ้วนได้ไง คงต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน