ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 44
ตอนที่ 44 หัวใจมันโหยหา
หวาเหวิน….. ที่หวาเหวินคิดอยู่ในตอนนี้ยังมีผู้ชายที่หน้าไม่อายกว่าเจียงหยู่อีกมั้ย ตอบ เขาคือหน้าไม่อายที่สุดละล่ะ
ที่จริงแล้ว ผู้หญิงคนอื่นจะคิดยังไง หวาเหวินไม่เคยคิดจะสนใจ เธอเชื่อมั่นอย่างนั้นตลอด เธอกับเจียงหยู่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไม่ถึง3ปี
หรืออาจไม่ถึงปีด้วยซ้ำ เจียงหยู่ก็คงเบื่อ ถึงเวลานั้นก็จากกันด้วยดี แม้แต่ทรัพย์สินก็ไม่ต้องแบ่งกัน ไม่เอาอะไรเลย
เธอคิดกระทั่งรอคุณย่าจากไป เธอจะพาหยินซิ่งกับชุนเถาย้ายกลับไปที่ภูเขาจงชุ่ย
ที่นั่นเป็นที่ที่เธออยู่มา20กว่าปีแล้ว คิดถึงที่นั่นจริงๆ บรรยากาศที่เขาจงชุ่ยนั้นสวยมาก อบอุ่นในช่วงหนาวและหน้าร้อนอากาศก็จะเย็น
ทั้งไม้และใบหญ้าที่นั่นเป็นเครื่องหมายตรึงใจในวัยเด็กของเธอ หลังทานอาหารเสร็จ บรรดาญาติๆก็ทยอยกันกลับไป
หลงเหลือเพียงบ้านตระกูลหวาที่นั่งดื่มชาคุยกันอยู่ในห้องรับแขก
คุณหญิงเหนื่อยล้านิดหน่อย จึงกลับไปพักผ่อนด้านหลังนานแล้ว
หวาผิงยุ่งอยู่กับการถ่ายรูปตัวเอง หวาเหวินหยิบหนังสือมาก้มหน้าก้มตาอ่าน
เจียงหยู่ค้นพบว่าเธอนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นน้อยมาก
ในยุคนี้ที่ใครใครก็ไม่ห่างจากโทรศัพท์ ยังคงมีผู้หญิงแบบนี้น้อยมาก
ไม่ชอบโพสอะไร ไม่อ่านข่าวบันเทิงต่างๆ
ไม่สนใจเรื่องการเมือง และก็ไม่เล่นเกมอีก
หวาผิงถ่ายได้หลายรูปมาก แต่ก็ยังไม่ถูกใจ
ก็เลยเปลี่ยนมุม พอดีได้มุมที่ไม่ได้ตั้งใจ
เลนส์กล้องตรงไปที่เหวินหวาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
หวาผิงคิดว่ามุมใช้ได้ไม่เลวเลย
จึงได้ทักขึ้น “น้องห้า เงยหน้าขึ้น”
หวาเหวินเงยหน้าตามเสียงที่เรียก
เห็นหวาผิงถือโทรศัพท์ส่องมาที่ตัวเอง เธอรีบเอามือมาปิดหน้าทันที
แต่หวาเหวินก็ช้าไป เสียงถ่ายรูปดังแชะ ได้ภาพมาหนึ่งภาพ
ถึงแม้จะบังหน้าได้ แต่โครงหน้าก็ยังคงชัดเจน
อีกทั้งแสงของไฟเป็นส่วนหนึ่ง ต่อให้ปิดหน้าแล้ว ดูเป็นศิลปะ สวยงามแบบคลุมเครือ
หวาเหวินผอมมาก เธอหนักเพียง45กก. เท่านั้น
สูง166 หนัก45 กก. ดูผอมมากจริงๆ
ชุดที่เธอใส่วันนี้คือชุดกี่เพ้าสีเหลืองลายห่าน
ที่คอคล้องสร้อยไข่มุกขาว
สวมตุ้มหูลายสัญลักษณ์มงคลทั้งแปด เล็บสีนู้ด แลดูสะอาดสะอ้าน
นิ้วมือเรียวงดงาม
หลังหวาผิงถ่ายรูปเสร็จ แต่งนิดหน่อย เธอได้โพสลงเฟสบุ๊คทันที
และเขียนโพสว่า น้องห้าของเราขี้อาย ไม่ยอมให้ถ่ายเห็นหน้าเต็ม
ภาพด้านล่างประกอบก็คือภาพนั้น
ด้วยความที่หวาผิงเป็นดารา แฟนคลับในเฟสบุ๊ค มีถึงยี่สิบกว่าล้านคน
เพียงแค่โพสในเฟสเวลาไม่นานก็กลายเป็นกระแสขึ้นมา
ไม่กี่นาทีมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นพนกว่าข้อความ คนกดไลค์อยู่ที่สองแสนคน
เยอะกว่าปกติที่เธอโพสหลายเท่า
และครั้งนี้ บรรดาทายาทเศรษฐีหลายคนที่อยู่ในบาร์ต่างก็ให้ความสนใจกับเฟสบุ๊คของหวาผิง
เห็นโพสเธอแล้ว ก็นำไปให้แซ่จื๋อจ้วนดูทันที
“จื๋อจ้วน นายดูนี่สิ นี่ใช่หญิงของตระกูลหวามั้ย ผู้หญิงที่นายจะแย่งมาน่ะ”
แซ่จื๋อจ้วนหรี่ตามองดูรูปอย่างละเอียด
หัวใจเริ่มเต้นแรงตึกตัก ถึงแม้ว่าจะเห็นแค่หน้าเอียงหน่อยเดียว แต่ไม่ผิดแน่
เธอก็คือหวาเหวินนั่นเอง เพราะบุคลิกลักษณะของหวาเหวินนั้น ไม่เหมือนใคร
อีกอย่างหวาผิงก็บอกอยู่ว่าเป็นน้องห้า ซึ่งชัดเจนได้ว่าคือเธอ
แซ่จื๋อจ้วนยังดูไม่หนำใจ จึงแย่งโทรศัพท์มาเปิดขยายรูปให้ใหญ่ขึ้น
ดูเป็นเวลานานมาก
ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ ยิ่งดูใจก็ยิ่งปรารถนาเรียกร้อง
หลายคนที่อยู่ข้างๆก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร ไม่รู้ว่าจะดูไปถึงเมื่อไหร่
และจากนั้นเขาก็กดไลค์รูป พร้อมแสดงความคิดเห็น
เขาพิมพ์แสดงความเห็นไว้ว่า——-ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้
“เฮ้ย จื๋อจ้วน นี่มันเฟสบุ๊คฉันนะ นายพิมพ์บ้าอะไรไป” ทายาทเศรษฐีคนนึงกระโดดอย่างตกใจ รู้สึกเก้กังอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอก หวาผิงแฟนคลับเยอะจะตาย คงไม่สังเกตเห็นหรอก นายจะกลัวอะไร? ” แซ่จื๋อจ้วนตอบอย่างสบายใจ
“ฉันไม่ได้กลัวหวาผิงฉันกลัวเจียงหยู่จะเล่นฉันน่ะสิ ” นายคนนั้นเอามือปิดหน้า หน้ามึนไร้ความรู้สึก
แซ่จื๋อจ้วนได้ยินอย่างนั้นก็ขำ และพูดออกมา “ก็รอดูละกันเพื่อน เมียของเจียงหยู่จะต้องกลายมาเป็นของฉันแน่”