ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 57
ตอนที่ 57 ความสัมพันธ์ที่เย็นชา
ป๋ายห้าวหายใจเข้าลึกๆ “คุณก็คิดซะว่าผมไม่ได้ชอบเงินขนาดนั้นละกัน คิดซะว่าผมมันไอ้บื้อคนนึง”
พูดจบป๋ายห้าวก็ลุกเดินจากไป กาแฟไม่ได้ดื่มเลยสักอึก
หลังป๋ายห้าวเดินจากหวาฟ่านไป สุดท้ายทนไม่ไหวฟุบบนโต๊ะร้องไห้อย่างเจ็บปวด
รสชาติของความอกหัก สำหรับคนที่ทุ่มเทความรู้สึกที่มาจากความจริงใจนั้น ช่างเจ็บปวดทรมาน
ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้าเป็นรักจริงแล้วสุดท้ายในเวลาที่ลาจากกัน ก็ล้วนเจ็บปวดแทบเป็นแทบตายทั้งนั้น
หวาฟ่านเพียงแค่มาหาป๋ายห้าวเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกันดีดี
ไหนเลยจะรู้ว่าเจรจาล้มเหลว เด็กคนรวยล้นฟ้าช่างไร้เดียงสา
เรื่องที่คิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น เธอเติบโตบนความร่ำรวย ของกินของใช้ก็หรูหราฟุ่มเฟือย ไม่เคยรับรู้ถึงความทุกข์ของคนธรรมดา
ไม่รู้เลยว่าเงินส่วนนั้นมันมีคุณค่าแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงไม่ถึงความรู้สึกนึกคิดภายในใจของป๋ายห้าว
เงินเดือนป๋าวห้าวเดือนนึงเพียงแค่ไม่กี่หมื่น วันนั้นนำความปราถนาดี ซื้อผ้าพันคอยี่ห้อBurberry ก็หลายพัน
แต่บ้านตระกูลหวานั้นดูถูกเหยียดหยาม ก็อย่างที่แม่หวาฟ่านพูดไว้
ของพวกนี้ เธอมีตั้งหลายชิ้น เป็นของใช้ที่ไม่ขาดมืออยู่แล้ว
แต่ป๋ายห้าวเขาตั้งใจเต็มที่แล้ว
อย่างไรก็แล้วแต่ ครอบครัวหวาก็ไม่ได้ผิดอะไร อย่างนั้นขอถามหน่อยว่าท้ายสุดแล้วใครผิดกันแน่?
ผิดที่ช่องว่างของความรวยจน ที่มันเป็นเรื่องจริงในสังคมทุกวันนี้เท่านั้น
พูดง่ายๆคือ คำโบราณที่เคยว่าไว้นั้นถูกแล้ว ถึงอย่างไรการแต่งงานนั้นก็ต้องเหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก เพียงแค่รักจริงเท่านั้นคงจะไม่ได้
ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็คงจะเป็นหวาเหวินแต่งกับเจียงหยู่
ชาที่หวาเหวินดื่มนั้นเป็นชาหลงจิ่งชั้นพิเศษ ขีดละหลายพัน ของดีดี เจียงหยู่ก็ดื่มจนชินอยู่แล้ว
กี่เพ้าที่หวาเหวินสวมใส่ก็เป็นผ้าเลื่อมที่แพงที่สุดในเจียงหนาน ดังนั้นเจียงหยู่สามารถซื้อรถราคาแพงให้เธอได้
หวาเหวินวาดภาพเป็น เล่นเปียโนได้ ไม่มีที่ไหนที่ไม่สมบูรณ์
ฉะนั้นเวลาที่เจียงอยู่กับเธอ ก็ดูสบายเป็นธรรมชาติ
นั่นเป็นเพราะมรดกวัฒนธรรมของพวกเขา พื้นฐานครอบครัว การอบรมบ่มเพราะ สามสิ่งนี้ล้วนเป็นสิ่งที่สอดคล้องกัน
เจียงหยู่มีเงิน แต่หวาเหวินก็เป็นอิสระทางการเงินโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแฟน
นี่คือการเคารพตัวเอง นี่คือความแข็งแกร่งของคนรวยในโลกนี้
ถึงแม้หวาเหวินจะไม่ได้ถูกคนในบ้านโอ๋ แต่เธอก็เป็นลูกที่คุณหยิงนั้งเลี้ยงมาจนโต
ดังนั้น นอกจากจะไม่เคยลำบาก ก็ยังดูสง่างามกว่าพี่สาวคนอื่นๆอีก
แต่นิทานเรื่องซินเดอเรล่าแต่งงานกับผู้ร่ำรวยเหล่านั้น ทุกทุกการกระทำก็คือการขายตัวเองให้กับประธานบริษัทเพื่อช่วยพ่อของตัวเอง เป็นเรื่องเล่าที่ไร้สาระสิ้นดี
ตอนนี้มันไม่มีอยู่จริงหรอก….ถึงมีอยู่จริง ก็ส่วนน้อย ถึงน้อยมาก และยากที่จะมีความสุข
ด้วยความที่หวาฟ่านนั้นอกหัก จึงพาลเกลียดชังคนในบ้านไปหมด
แม้แต่โทรศัพท์จากคนที่บ้านดังขึ้นยังไงเธอก็ไม่รับ ในกลุ่มของครอบครัวก็ไม่พูดอะไรสักคำ
พอดีช่วงไม่กี่วันนี้หวาเหวินอยากให้หวาฟ่านสอนประเด็นทางประวัติศาสตร์เล็กน้อย
เธออยากศึกษาประวัติความเป็นมาของราชวงศ์ทั้งห้าและสิบก๊ก จะได้ใช้ประโยชน์เวลาประเมินราคาวัตถุโบราณได้อย่างแม่นยำ
แต่เมื่อเธอโทรหาหวาฟ่านกลับไม่มีการรับสาย
หวาเหวินคิดว่าเธอคงไม่ว่าง จึงส่งข้อความไปหา
เธอบอกว่า:พี่สี่ เสาร์-อาทิตย์นี้ว่างไหม? ฉันอยากจะให้พี่ช่วยสอนเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของราชวงศ์ทั้งห้าและสิบก๊ก ช่วงนี้ว่าจะเปิดร้านเล็กๆ อยากจะซื้อเหวินหวานของสมัยราชวงศ์ทั้งห้าและสิบก๊กน่ะ ก็เลยอยากจะให้พี่ช่วยแนะนำหน่อย พี่ลองดูหน่อยว่าวันเสาร์อาทิตย์ วันไหนว่าง ฉันเลี้ยงข้าวพี่ กินไปคุยกันไปดีมั้ย?
คำพูดของหวาเหวินถือว่าเกรงใจที่สุดแล้ว เธอกับหวาฟ่านนั้นปกติไม่ได้สนิทกันมาก แต่เรื่องนี้ เธอรู้สึกว่ายังไงก็พี่น้องท้องเดียวกัน คงไม่ปฏิเสธหรอกมั้ง?
แต่เธอคิดผิดถนัดแล้ว
เพราะหวาฟ่านอกหักเลยมองหวาเหวินด้วยความริษยาตาร้อน
หลังเห็นข้อความของหวาเหวินก็เลยตอบไปแค่สองคำ “ไม่ว่าง”
ดุท่าทางเย็นชาแข็งกร้าว ทำให้หวาเหวินรู้สึกไม่ดีไปด้วย
“คุณหนู เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ช่วงที่หยินซิ่งส่งรังนกให้หวาเหวิน เห็นว่าสีหน้าของหวาเหวินแปลกไป